"วรรณรัตน์" เผยกระทรวงพลังงานให้สัมปทานปิโตรเลียม 4 ฉบับใน 5 แปลงสำรวจบนบก สนองนโยบายเร่งรัดสำรวจและพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันภายในประเทศ
"วรรณรัตน์" เผยกระทรวงพลังงานให้สัมปทานปิโตรเลียม 4 ฉบับใน 5 แปลงสำรวจบนบก สนองนโยบายเร่งรัดสำรวจและพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันภายในประเทศ |
. |
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน |
. |
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในการเป็นประธานในพิธีลงนามให้สัมปทานเพื่อสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจบนบกจำนวน 4 สัมปทาน ใน 5 แปลงสำรวจ ว่า การให้สัมปทานในครั้งนี้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 |
. |
ที่ได้อนุมัติให้กระทรวงพลังงานออกสัมปทานปิโตรเลียมให้แก่ผู้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียมที่ได้ผ่านการคัดเลือกและกลั่นกรองโดยคณะกรรมการปิโตรเลียมและกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติแล้ว เพื่อเร่งรัดสำรวจและพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันภายในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาล |
. |
สำหรับการออกจำนวน 4 สัมปทานสำหรับแปลงสำรวจบนบก 5 แปลง มีรายละเอียด ดังนี้ |
. |
3. แปลงสำรวจหมายเลข L52/50 และ L53/50 ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราชและกระบี่ ออกให้แก่บริษัท Pearl Oil (Resources) Ltd และบริษัท Carnarvon Petroleum Limited |
. |
โดยการให้มัปทานในครั้งนี้จะทำให้การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพิ่มโอกาสในการค้นพบแหล่งปิโตรเลียมใหม่ๆ รวมทั้งปริมาณสำรองปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ ทั้งนี้บริษัทที่ได้รับสัมปทานข้างต้นจะดำเนินงานสำรวจช่วงระยะ 3 ปี แรก คือ ระหว่างปี 2553-2555 |
. |
ด้วยการศึกษาธรณีวิทยา ธรณีฟิสิกส์ ประมวลผลข้อมูลเดิม การสำรวจวัดความไหวสะเทือนแบบสองมิติเป็นระยะทาง 1,050 กิโลเมตร สำรวจวัดความไหวสะเทือนแบบสามมิติเป็นระยะทาง 200 ตารางกิโลเมตร ตลอดจนเจาะหลุมสำรวจ 5 หลุม ซึ่งจะใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 1,500 ล้านบาท |
. |
นอกจากนี้ประเทศไทยยังได้รับประโยชน์ในครั้งนี้อีกหลายภาคส่วน เช่น เงินอุดหนุนเพื่อพัฒนาปิโตรเลียมในประเทศไทย ทุนการศึกษาฝึกอบรมอีกประมาณ 52 ล้านบาท รวมทั้งก่อให้เกิดการจ้างงานซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศชาติ มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทยในท้องถิ่นอีกด้วย |
. |
ทั้งนี้หากค้นพบและสามารถผลิตปิโตรเลียมจะทำให้รัฐได้รับผลประโยชน์ในรูปเงินค่าภาคหลวงในอัตราร้อยละ 5-15 ตามระดับอัตราของการผลิต รวมทั้งภาษีเงินได้ปิโตรเลียมในอัตราร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ และหากเป็นแหล่งใหญ่หรือน้ำมันมีราคาสูงก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษตามกฎหมายเพิ่มขึ้น |
. |
สำหรับปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งทรัพยากรในประเทศในรูปของก๊าซธรรมชาติ คอนเดนเสท และน้ำมันดิบ คิดเป็นปริมาณเทียบเท่าน้ำมันดิบประมาณวันละ 700,000 บาร์เรล หรือร้อยละ 40 ของความต้องการปิโตรเลียมภายในประเทศ ซึ่งใน 4 เดือนแรกของงบประมาณ 2553 คือเดือนตุลาคม 2552 ถึงเดือนมกราคม 2553 สามารถผลิตปิโตรเลียมได้คิดเป็นมูลค่า 153,298 ล้านบาท และรัฐได้รับผลประโยชน์ในรูปค่าภาคหลวงปิโตรเลียมรวมเป็นเงิน 18,937 ล้านบาท |
. |
ที่มา : สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน |