ฉลอง 120 ปี ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น รวมพลังหนุนพัฒนา SMEs หวังสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน เน้นพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยี พลังงาน ขยายตลาด และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม |
. |
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 120 ปี ในการสถาปนาทางการทูตระหว่างไทย-ญี่ปุ่น และการลงนามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (JTEPA) ทั้งสองประเทศ จึงจัดตั้งคณะอนุกรรมการความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมไทย – ญี่ปุ่นขึ้นเพื่อเร่งสร้างความร่วมมือด้าน การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในเชิงรุก 5 ด้าน ซึ่งประกอบด้วย 1. ความร่วมมือพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรม |
. |
2. ความร่วมมือพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต 3. พัฒนาการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรม 4. พัฒนาความร่วมมือ ในการขยายช่องทางการตลาด และ 5. ความร่วมมือแก้ไขปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากการดำเนินงานร่วมถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งมีส่วนเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs |
. |
นายชาญชัย กล่าวว่า จากการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดระหว่าง กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กับหน่วยงานต่าง ๆ ของญี่ปุ่นทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาจุดอ่อน เสริมพลัง ในจุดแข็งให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยผลการดำเนินงานทุกด้านมีความรุดหน้าเป็นลำดับ โดยขอสรุปทั้ง 5 ประเด็น ดังนี้ |
. |
1. ความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรม |
1.1.โครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ หรือ เอ เอช อาร์ ดี พี เพื่อเป็นการพัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งปีที่ผ่านมาได้ผลิตบุคลากรเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมแล้วกว่า 4,300 ราย โดยแบ่งเป็น ผู้ฝึกสอน จำนวน 256 ราย และบุคลากร จำนวน 3,984 ราย และนำมาสู่ โครงการสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ หรือ เอ เอช อาร์ ดี ไอ พี เพื่อสนับสนุนนโยบาย ดีทรอยท์แห่งเอเชียของไทย ซึ่งตั้งเป้าให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ระดับโลกที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในการฝึกอบรมระยะเวลา 10 ปี ดังนี้ |
. |
1. ด้านการผลิต จะผลิตผู้ฝึกสอน 1,000 ราย และบุคลากร 255,000 ราย 2. ด้านการทดสอบ จะผลิตผู้ฝึกสอน 200 ราย และบุคลากร 30,000 ราย 3. ด้านการวิจัยและพัฒนา จะผลิตผู้ฝึกสอน 100 ราย และบุคลากร 15,000 ราย 4. หลักสูตรการฝึกอบรม จะพัฒนาระบบหลักสูตรในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญ ผู้ฝึกสอน และวิศวกรการผลิต ตลอดจนความชำนาญการทำธุรกิจให้กับผู้บริหารชั้นสูง |
. |
1.2. โครงการพัฒนาเครื่องมือและระบบในการให้บริการ เอส เอ็ม อี ในภูมิภาค เป็นโครงการ ที่ได้รับความร่วมมือจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ไจก้า ในการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นเพื่อมาให้คำปรึกษาแนะนำในการพัฒนาเครื่องมือและระบบในการให้บริการ เอส เอ็ม อี ในภูมิภาค |
. |
โดยนำร่องที่จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ตอนบน โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการประมาณ 2 ปี ตั้งแต่ปี 2009 - 2011 ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสำรวจข้อมูลของ 2 พื้นที่ เพื่อทราบถึงความต้องการ ปัญหา อุปสรรคต่างๆ ที่มี ผลต่อการให้บริการ เอส เอ็ม อี เพื่อนำมาสร้างหรือพัฒนาเครื่องมือและระบบในการให้บริการ เอส เอ็ม อี ในรูปแบบโครงการนำร่องที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ |
. |
1.3. โครงการสร้างเสริมและพัฒนาทักษะการวินิจฉัยเฉพาะทาง โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นในการพัฒนาต่อยอดนักวินิจฉัยให้มีมุมมองในการให้คำปรึกษาแนะนำเฉพาะทางในสาขาต่างๆ ทั้งในพื้นที่ กรุงเทพฯ และภูมิภาค จำนวน 60 คน ผลการดำเนินโครงการ คาดว่าจะได้ผู้ให้บริการธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ ไปให้บริการช่วยเหลือผู้ประกอบการ อาทิ การให้คำปรึกษาแนะนำด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การวางกลยุทธ์บริหารจัดการ และการบริหารจัดการด้านพลังงาน |
. |
1.4. โครงการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ เป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสมาคมพัฒนาโพ้นทะเลแห่งประเทศญี่ปุ่น (JODC) ในการส่งผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 2 ท่าน ที่มีความรู้ความสามารถและมีความชำนาญทางเทคนิคในด้านต่างๆ ไปให้คำแนะนำช่วยเหลือยกระดับและพัฒนาทรัพยากรบุคคลในบริษัทของไทยและบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายและยุทธศาสตร์สอดคล้องกับโครงการของไทย มีโรงงานอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ของไทยเข้าร่วมโครงการ จำนวน 9 โรงงาน |
. |
2. ความร่วมมือในการยกระดับเทคโนโลยีการผลิต |
2.1. โครงการศึกษาและพัฒนาระบบเครื่องยนต์เชื้อเพลิงชีวภาพ สำหรับเครื่องปรับอากาศได้รับความร่วมมือจากองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม หรือ เนโดะ (NEDO) เพื่อศึกษาและทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ใช้เอทานอลที่มีความเข้มข้นต่าง ๆ เป็นเชื้อเพลิง และการปลดปล่อยมลพิษ และศึกษาและทดสอบสมรรถนะระบบ บี เอช พี สำหรับเครื่องปรับอากาศ |
. |
โดยมีผลสำเร็จกิจกรรม คือ 1. ลดการนำเข้าพลังงาน ส่งเสริมพลังงานทางเลือก และพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน 2. เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เพิ่มการจ้างงาน ลดปัญหาโลกร้อนและรักษาสิ่งแวดล้อม |
. |
3. ได้เครื่องยนต์ต้นแบบที่ใช้เอทานอลความเข้มข้นต่าง ๆ เป็นเชื้อเพลิง ไปประยุกต์ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม 4. ได้ต้นแบบระบบ บี เอช พี สำหรับเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นระบบ โคเจเนอเรชั่น ไปประยุกต์ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และนำไปสู่การขอรับความร่วมมือเพิ่มเติมในเรื่อง การศึกษาวิจัยการศึกษาพัฒนาระบบเครื่องยนต์ไบโอเอทานอล ซึ่งสามารถพัฒนาไปสู่เชิงพาณิชย์ได้ |
. |
2.2. โครงการจัดตั้งศูนย์เครือข่ายบริการทดสอบ วิเคราะห์ วิจัย ด้านอุตสาหกรรม หรือ ที เอส เอ็น ซี ได้รับความร่วมมือจากสมาคมพัฒนาโพ้นทะเลแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ เจ โอ ดี ซี และสถาบันวิจัย โคเบลโค (Kobelco Research Institute) ใช้งบประมาณ 55 ล้านบาท ได้มีการเปิดตัวศูนย์เครือข่ายในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2551 สถาบันนี้ได้มีการให้บริการแก่ภาคอุตสาหกรรมไปแล้วมากกว่า 100 ราย |
. |
2.3 โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตผ้าผืน ได้รับความร่วมมือจากสมาคมพัฒนาโพ้นทะเลแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ เจ โอ ดี ซี และสมาคมผู้นำเข้าสิ่งทอแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ เจ ที ไอ เอ (JTIA) ได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาพัฒนาผ้าผืนให้กับผู้ประกอบการไทยโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้สถาบันสิ่งทอเป็นผู้ประสานงานการดำเนินการ |
. |
3. ความร่วมมือในการพัฒนาการใช้พลังงานเพื่ออุตสาหกรรม |
3.1. โครงการต้นแบบเตาหลอมประสิทธิภาพสูงที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ได้รับความร่วมมือจากองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม หรือ เนโดะ เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาประสิทธิภาพเตาหลอมโลหะในอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า มีกำลังการผลิต 70 ตันต่อชั่วโมง และใช้ไฟฟ้า 280 กิโลวัตต์อาวร์ต่อตัน |
. |
สามารถลดการใช้พลังงานลงจากเดิมได้ประมาณร้อยละ 29 และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงจากเดิมได้ประมาณร้อยละ 28 งบประมาณโครงการรวม 864 ล้านบาท ขณะนี้โครงการ อยู่ในระหว่างการศึกษาความเหมาะสม |
. |
3.2. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานจากพลังงานที่เหลือทิ้งในการผลิตกระแสไฟฟ้าในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ได้รับความร่วมมือจากองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม หรือ เนโดะ เพื่อเป็นต้นแบบในการใช้พลังงานความร้อนที่เหลือทิ้ง (อุณหภูมิต่ำ) ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ขณะนี้โครงการอยู่ในระหว่างการพิจารณาจากเนโดะเพื่อดำเนินการในโครงการนำร่องต่อไป |
. |
4. ความร่วมมือในการขยายช่องทางการตลาดของ เอส เอ็ม อี |
องค์การเพื่อการส่งเสริมเอสเอ็มอีและนวัตกรรมภาคแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ เอส เอ็ม อาร์ เจ (SMRJ) ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดงาน เอส เอ็ม อี เอ็กซ์โปร์ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้พื้นที่กับผู้ประกอบการไทยที่มีผลงานนวัตกรรมเข้าร่วมแสดงในงานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จำนวน 6 บูธ ในเดือนพฤศจิกายนปี 2551 และในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาจำนวน 4 บูธ |
. |
โดยในปี 2552 ที่ผ่านมานั้น มีผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงงาน จำนวน 16 ราย ภายในงานได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้สนใจเข้ารับข้อมูลจากผู้ประกอบการภายในงานไม่ต่ำกว่า 100 ราย |
. |
5. ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม |
โครงการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการตรวจสารไดออกซินในประเทศไทย ได้รับความร่วมมือจากองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม หรือ เนโดะ และสถาบันวิจัย โคเบลโค เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงในการควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสร้างเครื่องมือตรวจวิเคราะห์ระดับความเข้มข้นของสาร ไดออกซิน เพื่อใช้กำหนดมาตรการทางกฎหมายสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย งบประมาณโครงการรวม 80 ล้านเยน |
. |
นายชาญชัย ยังได้กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากโครงการความร่วมมือดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น แล้วยังได้ ลงนามความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและสำนักงานเจโทรกรุงเทพฯ เพื่อการจัดตั้งโต๊ะญี่ปุ่น (Japan Desk) โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการให้ข้อมูลและคำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการไทยที่สนใจในการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมที่ร่วมกับประเทศญี่ปุ่น และผู้ประกอบการญี่ปุ่น ที่อยู่ในประเทศไทย |
. |
รวมถึงการเป็นศูนย์กลางในการประสานและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ด้านอุตสาหกรรมระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นให้มีความแน่นแฟ้น เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันที่ดีต่อไปในอนาคต ซึ่งจากการดำเนินการทั้งหมดนี้ เชื่อได้ว่าภาคอุตสาหกรรมไทยจะมีความก้าวหน้าและขีดความสามารถที่สูงขึ้นต่อไป |
. |
ที่มา : กระทรวงอุตสาหกรรม |