เนื้อหาวันที่ : 2010-02-15 14:25:24 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 654 views

ภาครัฐ-เอกชนผนึกกำลังดันส่งออกสินค้าแฟชั่นไทยปี 53

ภาครัฐ-เอกชนผนึกกำลังดันส่งออกสินค้าแฟชั่นไทยปี 53 โตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 9 กรมส่งเสริมการส่งออกมั่นใจงาน BIFF & BIL 2010 เผยศักยภาพอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยก้าวไกลเป็นศูนย์กลางแฟชั่นและเครื่องหนังแห่งอาเซียน

.

กรมส่งเสริมการส่งออกคาดมูลค่าส่งออกสินค้าแฟชั่นไทยในปี 2553 ทะลุ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 9-13 ภาครัฐและเอกชนผนึกพลังกระตุ้นขีดความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมก้าวเป็นศูนย์กลางแฟชั่นและเครื่องหนังแห่งอาเซียน

.

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ในปี 2552 การส่งออกสินค้าแฟชั่นไทย ได้แก่ สินค้าสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้เดินทาง เครื่องหนังและรองเท้า อัญมณีและเครื่องประดับ มีมูลค่ารวม 17,628 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2551 เพียงร้อยละ 2.24

.

โดยกลุ่มสินค้าสิ่งทอมีมูลค่ารวม 6,443 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวลดลงร้อยละ 10.5 กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม 2,961 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวลดลงร้อยละ 15.53 ส่วนสินค้าเครื่องหนัง เครื่องใช้ในการเดินทาง และรองเท้า มีมูลค่ารวม 1,422 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวลดลงร้อยละ 19.7 ขณะที่สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมีมูลค่า 9,761 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 18”

.

แม้ว่าอัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกในปี 2552 จะชะลอตัวเนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อที่ถดถอยในประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น แต่ในปี 2553 ประเมินกันว่าการส่งออกสินค้าแฟชั่นของไทยมีแนวโน้มขยายตัวสูง เนื่องจากเห็นสัญญาณฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก

.

โดยตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าแฟชั่นโดยรวมไว้ที่ 20,315 - 20,999 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 9 -13 แบ่งเป็นสินค้าสิ่งทอ 7,058 - 7,205 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 – 12 เครื่องนุ่งห่ม 3,238 - 3,386 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-15 ผ้าผืนและเส้นด้าย 3,819.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 สินค้าเครื่องหนัง 1,429 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.98 ส่วนสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ 11,826 - 12,364 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-15

.

 “ภาครัฐและสมาคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้หารือเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางและผู้นำสินค้าแฟชั่น สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม อัญมณีและเครื่องประดับ และเครื่องหนังในภูมิภาคอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านกิจกรรมหลากหลาย โดยเฉพาะงานแสดงสินค้าแฟชั่นและงานแสดงสินค้าเครื่องหนัง (BIFF&BIL) ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี”

.

กลยุทธ์หลักในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ก็คือ ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์โดยเน้นการผลิตสิ่งทอมูลค่าสูง เช่น สิ่งทอประเภท functional/technical textile และสิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงประสิทธิภาพการกระจายสินค้า ส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

.

เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ (local content) และการรวมกลุ่มเป็นคลัสเตอร์ ส่งเสริมอุตสาหกรรมสนับสนุน เช่น ฟอกย้อม วัสดุตกแต่งสำเร็จ และโลจิสติกส์ เป็นต้น รวมทั้งพัฒนาบุคลากร โดยจัดตั้ง Thailand Designer Club และ Asian Designer Club เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของนักออกแบบไทยสู่เวทีระดับโลก

.

ส่วนกลยุทธ์สำหรับกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ คือ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ในพัฒนาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ พัฒนาฝีมือแรงงานโดยจัดตั้งสถาบันการศึกษาเฉพาะด้านอัญมณีและเครื่องประดับเพิ่มเติม และการผลักดันให้สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติให้เป็นศูนย์กลางออกใบรับรองมาตรฐานของภูมิภาคเอเชียและมาตรฐานสมาพันธ์อัญมณีโลก (EIBJO) จัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจอัญมณีและเครื่องประดับ (Gems Bank) เป็นต้น

.

ขณะที่กลยุทธ์สำหรับสินค้าแฟชั่นเครื่องหนังจะพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Thailand’s Leather Goods: Italy of the East โดยให้ความสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนา ส่งเสริมการสร้างตราสินค้าไทย เป็นต้น

.

“นอกจากนี้ คณะทำงานยังได้เร่งศึกษาการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่เกี่ยวข้อง เช่น AFTA, FTA อาเซียน-จีน, FTA ไทย-อินเดีย, FTA อาเซียน-อินเดีย, FTA อาเซียน-ญี่ปุ่น และ FTA อาเซียน-เกาหลีใต้ รวมถึงข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) เป็นต้น 

.

พร้อมปรับปรุงกฎระเบียบและลดอุปสรรคทางการค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกไปยังตลาดที่มีโอกาสสดใส โดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งหนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตสิ่งทอของอาเซียน” นางศรีรัตน์ กล่าว

.

“ในส่วนของงาน BIFF & BIL 2010 เป็นอีกเวทีหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ผลิตที่เข้าร่วมแสดงสินค้าในงานและผู้ซื้อจากตลาดสำคัญๆ อย่าง ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลี จีน ไต้หวัน ตะวันออกกลาง รวมทั้งอเมริกาและยุโรป ได้มีโอกาสแสวงหาความร่วมมือและพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน เนื่องจากเป็นงานแสดงสินค้าหนึ่งเดียวที่รวมสินค้า บริการ และวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมทุกสาขาที่เกี่ยวข้องจากผู้ผลิตชั้นนำในอาเซียนไว้อย่างครบครันที่สุด”

.

งานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Look East” เพื่อแสดงถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมแฟชั่นของอาเซียน ครบครันตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ ไปถึงปลายน้ำ ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากการผสานความเชี่ยวชาญเฉพาะของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้ากับความร่วมมือระดับภูมิภาค

.

หรือ ASEAN INTEGRATION กิจกรรมเด่นในงาน ได้แก่ การประชุม-สัมมนา Asian Designer Congress แฟชั่นโชว์ 48 โชว์ การประกวด Thailand Designer Contest และพื้นที่จัดแสดงพิเศษ อาทิ ASEAN Pavilion, Japan Pavilion เป็นต้น

.

งาน BIFF & BIL 2010 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 - 4 เมษายน 2553 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.biffandbil.com หรือ www.depthai.go.th