เนื้อหาวันที่ : 2010-02-10 09:37:53 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1715 views

สหวิริยา ยันได้ที่ดินมาถูกต้อง วอนรัฐตรวจสอบด่วน

เครือสหวิริยา โต้กรณีถูกคำสั่งเพิกถอนที่ดินบริษัท ยันได้มาอย่างถูกต้อง วอนภาครัฐตรวจสอบ หวังสร้างความเข้าใจให้ทุกฝ่าย

ผู้บริหารเครือสหวิริยาแจงกรณีถูกคำสั่งให้เพิกถอนที่ดินบริษัทในเครือสหวิริยา อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 52 แปลง เนื้อที่ประมาณ 800 กว่าไร่ โดยยืนยันว่าเป็นการได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีเอกสารยืนยันที่ออกสิทธิ์โดยเจ้าหน้าที่รัฐ และถือครองต่อๆ กันมา วอนภาครัฐตรวจสอบเพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

.

นายไพโรจน์ มกร์ดารา ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการพิเศษ เครือสหวิริยา

.

นายไพโรจน์ มกร์ดารา ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการพิเศษ เครือสหวิริยา กล่าวถึงกรณีที่บริษัทในเครือสหวิริยา อำเภอบางสะพาน ได้ถูกคำสั่งเพิกถอนที่ดินที่บริษัทในเครือฯ ถือครองอยู่นั้น โดยได้ให้รายละเอียดว่า “สำหรับกรณีเรื่องที่ถูกคำสั่งให้เพิกถอนที่ดินหลายแปลง ในอำเภอบางสะพานว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองแม่รำพึง ขณะนี้บริษัทได้มีการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว เนื่องจากว่ามีหลายประเด็นที่ยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการตรวจสอบ เช่น มาตราส่วนแผนที่ที่คลาดเคลื่อน 

.

โดยขณะที่ออกเอกสารสิทธิ์เมื่อครั้งนั้น แตกต่างกับกับตอนตรวจสอบที่ใช้ภาพถ่ายทางอากาศที่มาตราส่วนขัดแย้งกัน ซึ่งทางภาครัฐเองก็ทราบถึงความไม่ชัดเจนของพื้นที่ และกำลังร่วมกันพยายามปรับปรุงแนวเขตที่ถูกต้อง โดยเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐกับชาวบ้านโดยรวมทั้งประเทศ แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จ 

.

ที่สำคัญคือ ที่ดินส่วนใหญ่ของบริษัทที่ถือครองอยู่นี้ก็ซื้อมาอย่างถูกต้องจากพี่น้อง ชาวบางสะพาน และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เคยถูกตรวจสอบจากภาครัฐ และสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องมาหลายครั้ง ซึ่งการที่บริษัทยื่นอุทธรณ์ไปก็เพื่อต้องการให้ภาครัฐได้มีการตรวจทานอีกครั้งอย่างรัดกุม เพราะไม่เช่นนั้นอาจเกิดความเสียหายกระทบไปหลายฝ่าย”

.

นายไพโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “อย่างไรก็ตามสำหรับประเด็นเรื่องที่ดินนี้ ก็มีชาวบ้านที่เป็นห่วงได้สอบถามเข้ามาเช่นกัน เพราะเกรงว่าหากที่ดินของบริษัทถูกเพิกถอนแล้วจะไม่สามารถดำเนินงานต่อได้ เนื่องจากชาวบ้านคาดหวังจะได้ทำงานกับกลุ่มโรงงานฯ    

.

ก็ขอยืนยันว่าการดำเนินการต่างๆ ของเครือสหวิริยาทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมั่นใจว่าภาครัฐจะให้ความชัดเจนโดยเร็ว และสร้างความเข้าใจกับทุกฝ่ายได้อย่างถูกต้อง เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินอุตสาหกรรมในประเทศต่อไป”