เนื้อหาวันที่ : 2010-01-29 09:04:29 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1036 views

นักวิจัยเจจีซี พัฒนาแผนที่ศักยภาพพลังงานลม เสนอรัฐ-เอกชนใช้ประโยชน์

นักวิจัยเจจีซี พัฒนาแผนที่ศักยภาพพลังงานลมที่ความละเอียด 1 กม ครอบคลุมทั่วประเทศไทย แนะรัฐ-เอกชนใช้ประโยชน์วางแผนพัฒนาพลังงานลมเพื่อการผลิตไฟฟ้า

นักวิจัยเจจีซี ได้พัฒนาฐานข้อมูลแผนที่ศักยภาพพลังงานลมที่ความละเอียด 1 กม. ครอบคลุมทั่วประเทศและฐานข้อมูลภูมิศาสตร์สารสนเทศเพื่อคัดเลือกพื้นที่ติดตั้งกังหันลมสำเร็จ เสนอภาครัฐและเอกชนใช้เป็นประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาพลังงานลมเพื่อการผลิตไฟฟ้า

.

ผศ.ดร. เกษมสันต์ มโนมัยพิบูลย์ บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

.

ผศ.ดร. เกษมสันต์ มโนมัยพิบูลย์ บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า พลังงานลมเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่ได้รับความสนใจมากขึ้นและเทคโนโลยีทางพลังงานลมก็ได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาและจัดทำแผนที่การประเมินศักยภาพพลังงานลมสำหรับประเทศไทยที่สำคัญสองสามการศึกษา

.

แต่เป็นการศึกษาที่ผ่านมานานพอควร ผลการศึกษามีความไม่สอดคล้องกันในหลายพื้นที่ และไม่ได้มีการประเมินที่ระดับความสูงมากๆ เช่น 100 เมตร ด้วยเหตุนี้ตนจึงได้ทำงานวิจัยภายใต้โครงการวิจัยเรื่อง “การประเมินศักยภาพพลังงานลมด้วยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และการวิเคราะห์ด้านภูมิศาสตร์สารสนเทศ”  ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)            

.

โดยใช้เวลาประมาณ 3 ปี ในการศึกษา ซึ่งดำเนินการในประเทศไทยทั้งหมดด้วยบุคลากรหลักจากบัณฑิตวิทยาลัยร่วมฯ มีเป้าหมายเพื่อให้ได้แผนที่พลังงานลมที่มีความละเอียดสูง ทันสมัย และมีความน่าเชื่อถือ สำหรับใช้เป็นข้อมูลการวางแผนการพัฒนาพลังงานลมเพื่อการผลิตไฟฟ้าในเมืองไทย

.

ผศ.ดร.เกษมสันต์ กล่าวว่า ในการศึกษาครั้งนี้ ได้มีการประยุกต์ใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อจำลองบรรยากาศถึง 2 แบบจำลองร่วมกัน คือ แบบจำลองระดับกลาง (Mesoscale) กับ แบบจำลองระดับละเอียด (Microscale) ซึ่งทั้งสองเป็นแบบจำลองขั้นสูงและโอเพนซอร์ส (Opensource)          

.

พร้อมทั้งได้ขอความอนุเคราะห์ข้อมูลตรวจวัดลมและอุตุนิยมวิทยาจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมพัฒนาทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมควบคุมมลพิษ และ กรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อตรวจสอบผลที่ได้การทำนายจากแบบจำลอง พบว่าผลการทำนายโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ

.

“จากการใช้แบบจำลองและข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ทำให้เราสามารถพัฒนาฐานข้อมูลแผนที่ศักยภาพพลังงานลมที่ความละเอียดถึง 1 กิโลเมตรครอบคลุมทั่วประเทศได้ โดยในแต่ละตารางกิโลเมตรของพื้นที่ ได้ให้ผลลัพธ์ที่เกี่ยวกับพลังงานลมหลายตัวแปร ได้แก่ 1. ความเร็วลมเฉลี่ย (เมตรต่อวินาที) 2.  กำลังลมเฉลี่ย (วัตต์/ตารางเมตร) และ 3. ความสม่ำเสมอของกำลังลม  ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยรายเดือนและรายปี ที่ระดับความสูง 20, 50, และ 100 เมตร          

.

นอกจากการทำแผนที่พลังงานลมแล้ว ทีมวิจัยยังได้พัฒนาฐานข้อมูลด้านภูมิศาสตร์สารสนเทศ ควบคู่กันไป เพื่อใช้ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าพื้นที่ที่มีศักยภาพพลังงานลมที่น่าสนใจ มีความเป็นไปได้หรือเหมาะสมต่อการติดตั้งกังหันลมหรือไม่ เช่น เป็นพื้นที่ป่าสงวน ลุ่มน้ำ พื้นที่ลาดชัน ภูเขา เขตเมืองและอุตสาหกรรม ฯลฯ ในการพัฒนาดังกล่าว ได้ทำการทบทวนกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนก่อสร้าง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเลือกพื้นที่ด้วย”

.

ผศ.ดร.เกษมสันต์ กล่าวว่า จากการทำแผนที่ข้อมูลศักยภาพพลังงานลมประเทศไทย พบว่าประเทศไทยมีศักยภาพพลังงานลมในหลายพื้นที่เพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าได้แน่นอน โดยพื้นที่ที่น่าสนใจ ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี ลพบุรี ชัยภูมิ นครราชสีมา เลย เพชรบูรณ์ ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จนถึงต้นจังหวัดสงขลาตอนบนด้วย และบางส่วนของภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

.

อย่างไรก็ดีด้วยตระหนักถึงปัญหาด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ทำให้พลังงานสะอาดเป็นพลังงานทดแทนที่มีความต้องการมากยิ่งขึ้น การจัดทำฐานข้อมูลด้านพลังงานลมในครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐและเอกชนในการกำหนดนโยบายและการวางแผนลงทุนด้านพลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้าให้กับประเทศในอนาคต