เนื้อหาวันที่ : 2010-01-27 09:02:25 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 639 views

สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 26 ม.ค. 2553

1. สสว.คาด ปี 53 เอสเอ็มอีฟื้นตัว รัฐอัดฉีดเงินยกระดับโอท็อป

-  ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในปี 53 นี้มีแนวโน้มสดใส โดยน่าจะเติบโตที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี จากปีก่อนที่หดตัวร้อยละ -4.0 ต่อปี และการส่งออกเอสเอ็มอีจะเติบโตกว่าร้อยละ 10.0 ต่อปี

.

โดยในปี 53 สสว.ได้รับการจัดสรรงบประมาณประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอีและยกระดับศักยภาพของสินค้าโอท็อป โดยผอ.สสว.มองว่าสินค้าหมวดที่เกี่ยวข้องกับอาหารมีแนวโน้มสดใส ผลจากภาวะโลกร้อนทำให้มีการหาแหล่งปลูกพืชอาหารในประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า จากประมาณการณ์ของสศค. ณ เดือนธ.ค.52 เศรษฐกิจไทยในปี 53 จะขยายตัวที่ร้อยละ 3.5 (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 3.0-4.0 ต่อปี) ในขณะที่การส่งออกของไทยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 15.5 ต่อปี  (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 14.5 - 16.5 ต่อปี) ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เอสเอ็มอีฟื้นตัวได้   โดยเฉพาะธุรกิจที่เน้นการส่งออก  อีกทั้งปัจจัยหนุนจากการเปิดการค้าเสรีอาเซียน น่าจะมีส่วนช่วยให้การส่งออกและบริการที่ดำเนินการโดยเอสเอ็มอีขยายตัวได้ดี

.

โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็น 2 ใน 4 ของภาคบริการที่มีการเปิดเสรีในปี 53 อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ต้องใช้ความระมัดระวังในการควบคุมคุณภาพ และควรเน้นการแปรรูปและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เนื่องจากการเปิดการค้าเสรี ย่อมหมายถึงการแข่งขันจากประเทศในอาเซียน 5 ที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน 

.
2. ต้นปี 53 ยอดทัวร์เอเชียมาไทยพุ่ง แห่รับตรุษจีน

-  รมว. ก.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีนโยบายร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจเร่งจัดทำแผนการขายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ซึ่งภายในม.ค.นี้จะมีการประชุมของคณะรัฐมนตรีให้มีการอนุมัติการขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ค่าธรรมเนียมสายการบินนำเครื่องขึ้นลงและลานจอดในสนามบิน ซึ่งจะสิ้นสุด 31 มี.ค. 53

.

ขณะที่ยอดขายในช่วงม.ค. นี้จีนจองเข้ามาประชุมสัมมนาในไทย 4-5 พันคน ต่อเนื่องถึงเทศกาลตรุษจีนเดือนก.พ.โดยมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำกว่า 40 เที่ยว ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวระดับบีบวกขึ้นไปโดยนิยมพักในโรงแรมอินเตอร์ระดับ 5 ดาว

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียนซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 26.3 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย โดยในปี 52 เข้ามา 4.04 ล้านคน ขยายตัวที่ร้อยละ 5.2 ต่อปี จากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 2.4 ต่อปี

.

ขณะที่นักท่องเที่ยวในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือเข้ามา 3.13 ล้านคน หดตัวลดลงที่ร้อยละ -13.3 ต่อปี จากปีก่อนที่หดตัวร้อยละ -14.1 ต่อปี เนื่องจากกลุ่มประเทศเหล่านี้ยังกังวลเรื่องความปลอดภัยอยู่โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่น

.

อย่างไรก็ตาม ผลจากการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ผลจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี 53 ของรัฐบาล และเทศกาลตรุษจีนในช่วง ก.พ. จะช่วยให้ GDP ภาคโรงแรมและภัตตาคาร คมนาคมขนส่ง และการส่งออกบริการที่แท้จริง ขยายตัวได้มากขึ้น และจะเอื้อต่อการบริโภคและการจ้างงาน ทั้งนี้ สศค. คาดว่า หากสถานการณ์ในปี 53 เข้าสู่ปกติจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 15.0 ล้านคนหรือขยายตัวที่ร้อยละ 7.0 ต่อปี

.
3. แนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างผันผวน จากการที่ราคาวัตถุดิบในตลาดโลกปรับราคาสูงขึ้น

-  ประกอบการร้านค้าวัสดุก่อสร้าง เผยแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างเริ่มผันผวน โดยเฉพาะเหล็กเส้น และปูนซีเมนต์ จากที่คาดว่าโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ๆ จะเริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาปรับเพิ่มสูงขึ้น

.

โดยล่าสุดสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างยังมีความผันผวน โดยราคาเหล็กเส้นปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 19 บาท/กิโลกรัม จากเดือนก่อนหน้าที่มีราคาเฉลี่ยที่ 18 บาท/กิโลกรัม แต่เป็นการปรับเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป

.

ขณะที่ราคาปูนซีเมนต์กลับทยอยปรับลดราคาลง ซึ่งสวนทางกับราคาของเหล็กเส้น ขณะเดียวกันคาดว่า ณ เดือนก.พ.2553 ราคาเหล็กเส้นอาจปรับราคาเป็น19.50 บาท/กิโลกรัม และเป็นไปได้ว่าราคาอาจปรับขึ้นไปสูงแตะ 20-21 บาท/กิโลกรัม ภายในเดือนมี.ค. 2553 และราคาเหล็กคงจะไม่ผันผวนสูงขึ้นไปแตะ 40 บาท/กิโลกรัม เหมือนช่วงกลางปี 2551

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มผันผวนผวนมากในช่วงนี้ มาจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก การเก็งกำไรในตลาดโภคภัณฑ์ มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่มุ่งเน้นเรื่องการก่อสร้าง และปริมาณการผลิตเหล็กของผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น จีนและรัสเซีย

.

อย่างไรก็ตาม สศค. คาดว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างจะปรับตัวสูงขึ้นเป็นลำดับหลังจากที่เดือน ธ.ค. 52 หดตัวเพียงร้อยละ -1.2 ต่อปี การสูงขึ้นจะไม่เป็นอุปสรรคกับการเดินหน้าลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชน เพราะอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ โดย สศค. คาดว่า ปี 53 การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 8.0 การลงทุนภาครัฐขยายตัวร้อยละ 7.4 ต่อปี

.
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง