เนื้อหาวันที่ : 2010-01-18 18:49:51 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 613 views

การระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล

นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าสถานการณ์ข้าวโลกในปี 2553 จะมีความตึงตัวเนื่องจากผลผลิตข้าวต่ำกว่าความต้องการบริโภคข้าวซึ่งเป็นผลมาจากหลายประเทศมีผลผลิตข้าวที่ลดลงจากภัยธรรมชาติและต้องการเพิ่มปริมาณสต็อกข้าวภายในประเทศประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น

.

สำหรับสถานการณ์ข้าวในประเทศผลผลิตข้าวนาปีได้ออกสู่ตลาดแล้วประมาณ 21.20 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็น ร้อยละ 92.28 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด ผลผลิตข้าวนาปรังจะเริ่มออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในเดือนเมษายน-มิถุนายน 2553 ในขณะนี้ภาวะตลาดข้าวในประเทศจึงค่อนข้างมีความตึงตัวโดยราคาข้าวในประเทศได้ปรับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์แรกของปี 2553 เนื่องจากผู้ส่งออกต้องเร่งจัดหาข้าวเพื่อส่งมอบให้ผู้นำเข้าภายหลังจากเทศกาลปีใหม่

.

ดังนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จึงได้อนุมัติการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาลเพื่อผ่อนคลายความตึงตัวของตลาดข้าวในประเทศและเพื่อตอบสนองความต้องการข้าวของตลาดต่างประเทศรวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวในสต็อกรัฐบาล โดยกรมการค้าต่างประเทศได้ประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารเพื่อส่งออกไปต่างประเทศตามเงื่อนไขและรายละเอียด ดังนี้ 

.

1. ชนิดและปริมาณข้าวสารที่จะจำหน่าย 
      (1) ข้าวขาว 5% ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 นาปี ปี 2551/52 และนาปรัง ปี 2552 ประมาณ 300,000 ตัน
      (2) ข้าวเหนียวขาว 10% ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก นาปี ปี 2551/52 ประมาณ 75,000 ตัน

.
2. วิธีการระบาย โดยวิธียื่นซองเสนอราคาซื้อพร้อมทั้งซองเอกสารหลักฐานตามกำหนดเวลา ดังนี้

2.1 ยื่นซองเสนอราคาซื้อและซองเอกสารหลักฐานพร้อมทั้งตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคาซื้อ ณ ห้องประชุม 30410 ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ ในวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2553 เวลา 09.00 น. - 12.00 น.

.

2.2 ประกาศรายชื่อผู้เสนอราคาซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและเปิดซองเสนอราคาซื้อ ณ ห้องประชุม 30410 ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ ในวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2553 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป 

.

2.3 คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารจะเจรจาต่อรองกับผู้เสนอราคาซื้อในวันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2553 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป โดยจะเจรจาต่อรองราคากับผู้เสนอราคาซื้อที่อยู่ในเกณฑ์ราคาเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้ได้ราคาที่เป็นประโยชน์ต่อราชการมากที่สุด 

.

3. การเสนอราคาซื้อ ให้เสนอราคาซื้อ ณ หน้าคลังสินค้าที่ขอซื้อ (Ex-warehouse) เป็นเงินบาท โดยให้แจ้งราคาเอฟ.โอ.บี. (FOB.) กรุงเทพฯ หักค่าใช้จ่ายในการขนส่งจากหน้าคลังสินค้าไปยังท่าเรือส่งออกและค่าใช้จ่ายในการส่งออกเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย

.
4. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการระบาย

4.1 ผู้เสนอราคาซื้อต้องเป็นนิติบุคคลที่มีประวัติการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และสำหรับกรณีที่เคยมีประวัติการขึ้นทะเบียนแล้วแต่มาขึ้นทะเบียนใหม่กับกรมการค้าต่างประเทศในปี 2552 ต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือนนับจนถึงวันที่ยื่นซองเสนอราคา

.

ทั้งนี้ ต้องไม่มีประวัติละทิ้งการเสนอราคาซื้อและละทิ้งสัญญาซื้อ-ขายข้าวสารกับทางราชการ รวมทั้งไม่เป็นผู้ทิ้งงานปรากฏตามรายชื่อผู้ทิ้งงานของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังและต้องไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่ามีความสมยอมกันในการเสนอราคาหรือมีการขัดขวางการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หากปรากฏภายหลังว่าผู้เสนอราคาซื้อรายใดขาดคุณสมบัติให้ถือว่าการเสนอราคาของรายนั้นเป็นโมฆะ

.

4.2 เสนอราคาซื้อข้าวสารแต่ละชนิดเต็มจำนวนที่เก็บในแต่ละคลังและต้องยืนราคาที่เสนอซื้อเป็นเวลา 20 วันทำการนับแต่วันที่ยื่นซองเสนอราคาซื้อ

.

4.3 ต้องมีหลักประกันซองเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารหรือตั๋วแลกเงินหรือเช็คธนาคาร ในอัตราร้อยละ 2 ของมูลค่าสินค้าที่ยื่นเสนอราคาซื้อ

.

4.4 ผู้เสนอราคาซื้อสามารถขอใช้สิทธิดูสภาพข้าวสารในแต่ละคลังสินค้าที่เก็บรักษาได้ หากไม่ขอใช้สิทธิดังกล่าวถือว่าผู้เสนอราคายอมรับสภาพข้าวสารที่เสนอราคาโดยไม่โต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น

.

4.5 ผู้เสนอราคาซื้อที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องทำสัญญาซื้อขายข้าวสารกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ภายใน 10 วันนับนับแต่วันที่กรมการค้าต่างประเทศแจ้งผลเป็นลายลักษณ์อักษร และวางหลักประกันเงินสดหรือเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารหรือเช็คธนาคารในอัตราร้อยละ 5 ของมูลค่าข้าวสารที่ได้ตกลงซื้อขาย 

.

4.6 ชำระเงินค่าสินค้าก่อนรับมอบในแต่ละครั้งเป็นเงินสดหรือเช็คธนาคาร ทั้งนี้ต้องชำระเงินค่าสินค้าครั้งแรกภายใน 15 วันนับแต่วันที่ลงนามในสัญญาซื้อขาย

.

4.7 ผู้ซื้อต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดจากการรับมอบและขนย้ายแต่เพียงฝ่ายเดียวและจะต้องเริ่มรับมอบและขนย้ายข้าวสาร ภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่ชำระเงินในแต่ละคราว โดยผู้ซื้อต้องรับมอบและขนย้ายให้เสร็จสิ้นภายในช่วงเวลาที่กำหนด 
4.8 ผู้ซื้อต้องดำเนินการส่งออกข้าวสารที่ซื้อทั้งหมดไปนอกราชอาณาจักรภายใน 45 วันนับแต่วันรับมอบข้าวสาร

.

ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้กำหนดจัดให้มีการประชุมเพื่อชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาลดังกล่าวในวันอังคารที่ 19 มกราคม 2553 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 1601 ชั้น 16 กรมการค้าต่างประเทศ พร้อมกับได้มีหนังสือแจ้งผู้สนใจทั่วไป โรงสี บริษัทผู้ส่งออกและสมาคมที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกรมการค้าต่างประเทศ www.dft.moc.go.th ให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว