เนื้อหาวันที่ : 2010-01-14 14:58:58 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2147 views

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านรุกปี 53 วาง 4 นโยบายพัฒนาตลาด

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเปิดแนวรุกปี 2553 วาง 4 นโยบายหลักพัฒนาตลาดรับสร้างบ้าน ตั้งเป้า สร้างมูลค่าตลาดรวมแตะ 12,000 ล้านบาท

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเปิดแนวรุกปี 2553 วาง 4 นโยบายหลัก การสร้างมูลค่าตลาดรวมให้ได้ 12,000 ล้านบาท หรือโต 10 % รวมถึงนโยบายด้านการให้ความสำคัญกับผู้บริโภค

.

นายวิบูล จันทรดิลกรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน

.

การพัฒนาศักย- ภาพของสมาชิก และ CSR เผยเตรียมมุ่งเน้นการสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างตรงไปตรงมา พร้อมเร่งพัฒนาระบบข้อมูล สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงใจผู้บริโภค พร้อมประเดิมไตรมาสแรกจัดงาน Home Builder Focus 2010 ตั้งเป้ายอดขายภายในงาน 500 ล้านบาท

.

นายวิบูล จันทรดิลกรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ปี 2553 สมาคมฯ ได้วางนโยบายครอบคลุม 4 เรี่องหลักๆ ประกอบไปด้วย ด้านการสร้างมูลค่าตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้าน นโยบาย ด้านผู้บริโภค นโยบายด้านสมาชิก และ นโยบายด้านความรับผิดชอบขององค์กรธุรกิจต่อสังคม (CSR : Corporate Social Responsibility)

.

สำหรับเป้าหมายในส่วนของการเติบโตของมูลค่าตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านคาดว่าจะสามารถแตะระดับ 12,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 9-10% ในปี 2553 จากมูลค่าตลาดรวมในปี 2552 ที่ประมาณ 11,000 ล้านบาท โดยมูลค่าตลาดรวมที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ ประการแรก การเติบโตของตลาดรับสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้นผ่านการทำกิจกรรม และประชาสัมพันธ์ของสมาคมฯ ซึ่งส่งผลให้ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

.

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมตัวกันจัดงานรับสร้างบ้าน และ งาน Home Builder Focus ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคได้รู้จักกับบริษัทรับสร้างบ้านมากยิ่งขึ้น ประการที่สอง ราคาบ้านเฉลี่ยที่ผู้บริโภคนิยมซื้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นโดยเพิ่มจาก 4.2 ล้านบาทในปี 2551 มาเป็น 4.7 ล้านบาทในปี 2552 ขณะที่ในปี 2553 คาดว่าราคาเฉลี่ยของบ้านที่เป็นที่นิยมของผู้บริโภคก็น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

.

สำหรับนโยบายด้านผู้บริโภค สมาคมฯยังมุ่งเน้นไปในเรื่องการให้ความสำคัญกับผู้บริโภค โดยได้มีนโยบายในปี 2553 ซึ่งประกอบด้วย การให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในการร่วมร่างสัญญามาตรฐานเพื่อสร้างความเป็นธรรมและป้องกันการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคจากบริษัทรับสร้างบ้านที่ขาดจริยธรรม

.

นอกจากนี้ยังเน้นการสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างตรงไปตรงมากับกลุ่มผู้บริโภค โดยเฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เกี่ยวกับธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยสมาคมฯมีแผนงานที่จะพัฒนาเว็บไซต์ www.hba-th.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของสมาคมฯ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น และยังมีแนวทางที่จะใช้เว็บไซต์เป็นที่เสาะหา และเก็บรวบรวมข้อมูลความต้องการของผู้บริโภคเพื่อที่จะนำมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการต่อไป

.

รวมไปถึงจะมีการจัดทำจดหมายข่าว หรือ Newsletter โดยมีกำหนดออกฉบับแรก ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เพื่อเผยแพร่กิจกรรมของสมาคมฯ และการให้ความรู้กับผู้บริโภคควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้สมาคมฯยังได้เจรจากับสถาบันการเงินหลายแห่ง ซึ่งพร้อมที่จะให้ความสนับสนุนในเรื่องการให้สินเชื่อในอัตราพิเศษกับบริษัทสมาชิกสมาคมฯ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย

.

ในด้านของสมาชิกจะมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพสมาชิก โดยสมาคมฯมีแนวทางที่จะผลักดันจำนวนสมาชิกให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งสมาชิกสามัญ และวิสามัญเพื่อสร้างมาตรฐานของการให้บริการรับสร้างบ้าน ขณะเดียวกันจะให้การส่งเสริมกับสมาชิกที่สมัครใจจะพัฒนาองค์กรตามรูปแบบของระบบมาตรฐาน ISO รวมถึงการสนับสนุนให้สมาชิกมีการจดลิขสิทธิ์แบบบ้าน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาด้านการออกแบบให้มากขึ้น

.

ส่วนนโยบายที่เกี่ยวกับด้านการตอบแทนสู่สังคม หรือ CSR ปัจจุบันสมาคมฯ มีกิจกรรมหลัก 2 ส่วนคือ การให้การสนับสนุนกิจกรรมของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และการให้ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในสาขา วิชาการก่อสร้างโดยเป็นโครงการร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคดอนเมืองซึ่งในปี 2553 ทั้งสองกิจกรรมก็จะยังคงดำเนินนโยบายต่อไป และจะเพิ่มกิจกรรมเพื่อสังคมอีกหนึ่งกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดกิจกรรมดังกล่าว

.

สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 สมาคมฯ จะเน้นในเรื่องของนโยบายการเร่งสร้างมูลค่าตลาดรวม และนโยบายในเชิงของผู้บริโภค ผ่านการจัดงาน Home Builder Focus 2010 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26-28 กุมภาพันธ์ 2553 ณ ห้องบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว

.

โดยภายในงานจะเป็นการรวมตัวของบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ พร้อมด้วยสถาบันการเงินที่จะมาให้สินเชื่อในอัตราพิเศษ โดยสมาคมฯ คาดว่าภายในงานดังกล่าวจะสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 500 ล้านบาท