เนื้อหาวันที่ : 2010-01-13 15:33:13 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 625 views

รมช.คลัง ชี้เว้นภาษีส่งออกรถยนต์ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

วันนี้ (13 มกราคม 2553) เวลา 13.00 น. นายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต พร้อมคณะเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนเดินทางเข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงาน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ณ โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา          

.

โดยมีนายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ให้การต้อนรับ ซึ่งการดำเนินงานของโรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ผลิตรถยนต์นั่งที่มีกระบะ และรถยนต์กระบะ โดยมีกำลังการผลิต 100,000 คัน/ปี  ซึ่งนับเป็นโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Plant) 

.

นายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการเยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์ว่า ปัจจุบันกระทรวงการคลังได้มีการยกเว้นการจัดเก็บภาษีกรณี   ที่มีการส่งออกรถยนต์   ทั้งนี้  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม

.

โดยในปี 2552 ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถยนต์       มียอดการจำหน่าย 649,038 คัน มีการจำหน่ายในประเทศ 466,223 คัน คิดเป็นร้อยละ 71.83   ของยอดการจำหน่าย ภาษีสรรพสามิต 49,278.13 ล้านบาท  และมีการยกเว้นภาษีรถยนต์จำนวน 182,815 คัน คิดเป็นร้อยละ 28.16  ของยอดการจำหน่าย มีปริมาณการยกเว้นภาษีรถยนต์สูงกว่าเมื่อเทียบกับปี 2551 ซึ่งมีการส่งออก จำนวน 169,997 คัน       

.

ทั้งนี้ บริษัทโตโยต้า ยังเป็นบริษัทที่มีฐานการผลิตรถยนต์กระบะที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย และมีการใช้วัตถุดิบในการผลิตรถยนต์กระบะมาจากในประเทศ ร้อยละ 96 นำเข้าเพียงร้อยละ 4 ซึ่งการใช้วัตถุดิบในประเทศที่มีปริมาณมากขึ้นนั้น จะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบของประเทศมากยิ่งขึ้น    

.

ทั้งนี้ จากนโยบายของกระทรวงการคลังได้มอบให้กรมสรรพสามิตดูแลสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นพิเศษ เนื่องจากภายใต้การกำกับดูแลของกรมสรรพสามิตมี โรงอุตสาหกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์   และน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เป็นต้น

.

ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวต่อว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ปัจจุบันผู้ประกอบการรถยนต์ได้ให้ความสำคัญต่อการรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพชีวิตและคุณภาพของสังคมดียิ่งขึ้น            

.

สำหรับในปีงบประมาณ 2552 กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีจากรถยนต์ได้จำนวน 49,278.14 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2551 ต่ำกว่าร้อยละ 14.79  ซึ่งใน 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2551  คิดร้อยละ 3.31 และในปีงบประมาณ 2553 (ตุลาคม -ธันวาคม 2552) จัดเก็บได้จำนวน 18,874.53 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552  สูงกว่าร้อยละ 26.77

.

อย่างไรก็ตาม การเยี่ยมชมและศึกษาดูงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปสู่วิสัยทัศน์ของกรมสรรพสามิต เป็นองค์กรพลวัตเพื่อการจัดเก็บภาษีที่มีมาตรฐานสากล ปกป้องสังคมและสิ่งแวดล้อม