เนื้อหาวันที่ : 2010-01-13 15:03:15 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 550 views

รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 13 ม.ค. 2553

1. ปรับโครงสร้างหนี้นอกระบบ 1.5 แสนคนแรก

-  กระทรวงการคลัง เผยว่า ยอดลงทะเบียนหนี้นอกระบบก่อนสิ้นปี 52 มีผู้มาลงทะเบียนประมาณ 1 ล้านคน เฉลี่ยมูลหนี้ต่อราย 1 แสนบาท รวมมูลหนี้ประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยได้ให้นโยบายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสถาบันการเงินรัฐปรับโครงสร้างหนี้ที่มีมูลหนี้ต่อรายไม่เกิน 5 หมื่นบาท ที่มาลงทะเบียนกว่า 1.5 แสนรายก่อน เพราะเป็นประชาชนที่มีระดับรายได้น้อยที่สุด ความเดือดร้อนมากที่สุดแต่มีการให้ข้อมูลครบถ้วนมากที่สุด 

.

-  สศค.  วิเคราะห์ว่า การปรับโครงสร้างหนี้นอกระบบผ่านสถาบันการเงินของรัฐ จะทำให้ผู้ลงทะเบียนหนี้นอกระบบกว่า 1.5 แสนล้าน คนที่มีมูลหนี้ต่อรายไม่เกิน 5 หมื่นบาท เป็นประชาชนที่มีระดับรายได้น้อยที่สุด โดยเฉพาะในภาคอีสาน หลักเกณฑ์เงินกู้มีเงื่อนไขให้วงเงินกู้สูงสุด 2 แสนบาท

.

สำหรับธนาคาร ธ.ก.ส คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี หรือร้อยละ 1 ต่อเดือน ใน 3 ปีแรก ส่วนธนาคารออมสินใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ไม่เกินร้อยละ 0.75 ต่อเดือน ตลอดระยะเวลาการกู้ โดยคาดว่าจะมีลูกหนี้ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร ธ.ก.ส. กว่าร้อยละ 70 ของผู้ลงทะเบียนทั้งหมด หรือ 2.5 แสนราย โดยธ.ก.ส. โดยเตรียมเงินวงเงินให้สินเชื่อใว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท   

.
2. ลดภาษีอสังหาริมทรัพย์ยาวกระตุ้นเศรษฐกิจ

-  กระรวงการคลัง เผยว่า ขณะนี้มาตรการการลดหย่อนภาษีซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลและเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเป็นการยกเว้นค่าโอนและเงินจำนองที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 53

.

รวมทั้งมีการปรับปรุงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ขอศึกษาภาวะเศรษฐกิจอีก 2- 3 เดือนให้ชัดเจนก่อน นอกจากนี้ จะต้องมีกระบวนการกำหนดราคาประกาศที่ดินให้มาตรฐาน

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์รวมในเดือนธ.ค. 52 ขยายตัวร้อยละ 10.6 ต่อปี ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 6.1 ต่อปี  ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

.

ส่งผลให้ไตรมาส 4 ของปี 52 ขยายตัวร้อยละ 5.1 ขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาส 3 ที่หดตัวร้อยละ -6.6 ต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ และการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น

.
3. การค้าเสรีอาเซียน-จีน ของรถยนต์และชิ้นส่วนยังไม่คืบหน้า หวั่นรถจีนถล่มราคา

-  สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ของจีน (CAAM) เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ของจีนสามารถแซงหน้าสหรัฐด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลในปี 52 ที่ 10.3 ล้านคัน ขยายตัวในอัตราสูงถึงร้อยละ 52.9 ต่อปี ขณะที่ยอดขายรถยนต์ทั้งหมดสูงถึง 13.6 ล้านคัน ขยายตัวร้อยละ 45 ต่อปี

.

ขณะที่ นักวิเคราะห์จากสถาบันสังคมศาสตร์แห่งจีน เตือนว่าเศรษฐกิจจีนในปี 53 อาจขยายตัวสูงที่ร้อยละ 16 ต่อปี ซึ่งถือเป็นอัตราที่ร้อนแรง จนเสี่ยงกับภาวะเงินเฟ้อรุนแรง รวมถึงภาวะฟองสบู่แตกในภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกเสียจากรัฐบาลจะชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า มูลค่าการส่งออกของยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ในช่วง 11 เดือนแรก ปี 52 ไปตลาดจีนขยายตัวที่ร้อยละ 5.9 ต่อปี ขณะที่ตลาดอเมริกาหดตัวที่ร้อยละ -32.8 ต่อปี โดยในอนาคตจีนจะเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยรวมถึงใน อย่างไรก็ตาม ไทยจำเป็นต้องพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต (Productivity) ของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่เนื่องเพื่อให้แข่งขันได้ในอนาคต

.
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง