เนื้อหาวันที่ : 2010-01-04 09:13:12 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1277 views

มาร์ค เปิดทาง กมธ. ทบทวบพ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้าน

"อภิสิทธิ์" สั่งรมว.คลังเร่งตรวจโครงการไทยเข้มาแข็ง พร้อมเปิดโอกาสให้กรรมาธิการนำเสนอและทบทวนพ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท

นายกรัฐมนตรีสั่งนายกรณ์  จาติกวณิช รมว.คลัง ตรวจโครงการไทยเข้มแข็ง  พร้อมเปิดโอกาสให้กรรมาธิการนำเสนอและทบทวนพ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท 

.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

.

วันที่ 2 ม.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง หลังเกิดปัญหาการทุจริตในกระทรวงสาธารณสุข ว่า ในส่วนของพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ตนได้ย้ำไปแล้วว่าเรื่องสาธารณสุขที่เกิดขึ้นนั้นงบประมาณยังไม่ได้ ใช้ 

.

แต่เมื่อมีข้อกังขาคงต้องเข้าไปดูจริงจัง และงบฯ ในส่วนอื่นๆ ต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ส่วนกรณีของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจากเรื่องยังอยู่ในสภาฯ  จึงให้นายกรณ์ จาติกวณิช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไปดูว่าแนวของโครงการไทยเข้มแข็งนั้นจะปรับอะไรได้หรือไม่  

.

ในส่วนของพ.ร.บ. เนื่องจากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเท่าพ.ร.ก.ที่จะช่วยแก้ปัญหานี้  ตนจึงถือว่าเป็นโอกาสที่ทางกรรมาธิการจะได้นำเสนอและทบทวนกันด้วย แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่อาจจะยากขึ้น แต่เพื่อให้มีความมั่นใจก็ต้องยอมรับ เพราะนี่คือเหตุผลที่เราเสนอให้สภาฯ เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น

.

ดังนั้น จึงกำลังดูภาพรวมทั้งหมด ขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจกำลังเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จึงไม่มีแรงกดดันในเรื่องเวลาในส่วนของพ.ร.บ. กู้เงิน 4 แสนล้านบาท                

.

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาเรื่องการพิจารณาอยู่ที่ข้อกฎหมาย เพราะไม่มีใครสามารถระบุชัดเจนว่า คำว่าเพื่อพิจารณานั้นจะพิจารณากันแบบไหน  เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายรองรับ  

.

แต่เข้าใจเจตนาของสมาชิกสภาฯ ดีว่าต้องการเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบ  และจากเดิมที่เสนอให้มีกรรมาธิการฯ เพื่อให้พิจารณาในรายละเอียดต่างๆ  พร้อมเสนอความเห็นมาได้นั้น อาจจะไม่ตรงกับคำว่าพิจารณาให้ความเห็นชอบในรายโครงการจึงติดอยู่ตรงนี้   จึงมีคำถามขึ้นว่าถ้าพิจารณาเป็นรายโครงการ จะมีกระบวนการในการพิจารณาอย่างไร           

.

จะให้พิจารณาทีละสภาฯ หรือร่วมสองสภา จะพิจารณาที่ 1 วาระหรือ 3 วาระ หรือจะเห็นชอบเฉยๆ หรือจะแก้ไขเพิ่มเติมได้เหล่านี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ปัญหาคือติดอยู่ตรงนี้ แต่ในหลักการตนไม่ขัดข้องที่จะให้สภาฯ มีส่วนร่วมมากขึ้น อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาดูในทุกๆทางเลือก      

.

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะเริ่มเดินหน้าเรื่องการจัดเก็บภาษีที่ดินและภาษีมรดกได้เมื่อไหร่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชื่อว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะให้ความเห็นชอบได้ภายใน 1-2 เดือนนี้  แต่จะต้องส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาอีก   

.

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการประมาณการเศรษฐกิจในปี 2553  ว่า ในส่วนของเศรษฐกิจก็ยังยืนยันตัวเลขเดิมคืออยู่ที่ร้อยละ 3.5  ที่เป็นการประมาณการที่คิดว่าสมเหตุสมผล แต่จะพยายามทำให้ได้มากกว่านั้น 

.

ผู้สื่อข่าวถามว่า  เกรงว่าจะมีวิกฤตโลกซ้อนเข้ามาอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น เพียงแต่การฟื้นตัวในบางประเทศอาจจะเจอปัญหาที่มีการหยุดชะงักบ้าง  เหมือนที่เราเห็นปัญหาในบางจุดอย่างเช่นที่ดูไบ เป็นต้น และมั่นใจว่าเศรษฐกิจประเทศไทยในปีหน้าจะฟื้น เพราะมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจและนโยบายที่เราวางไว้          

.

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่ารัฐบาลจะสามารถก้าวผ่านปี 2553 ไปได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  “ถ้าสมมติว่าฝ่ายค้านรับเงื่อนไขผม 7-8 เดือนยุบสภามันก็ไม่ผ่านปี  2553 เรื่องนี้ผมตอบไม่ได้ต้องไปถามฝ่ายค้าน”

.
ที่มา : เว็บไซต์รัฐบาลไทย