เนื้อหาวันที่ : 2009-12-29 09:52:19 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 684 views

"บรรลุ" จี้นายกฯเอาผิด รมต. สาธารณสุข เหตุทุจริตไทยเข้มแข็ง

นายแพทย์บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการสอบสวนโครงการทุจริตไทยเข้มแข็งในกระทรวงสาธารณสุข รายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการร้องเรียนการทุจริตทั้งปวงในโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ของกระทรวงสาธารณสุข ให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ

.

วานนี้ (28 ธันวาคม 2552) เวลา 13.00 น. ณ ห้องรับรองนายกรัฐมนตรี ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล  นายแพทย์บรรลุ ศิริพานิช  ประธานคณะกรรมการสอบสวนโครงการทุจริตไทยเข้มแข็งในกระทรวงสาธารณสุข  พร้อมด้วยคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่ได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 227/2552  จำนวน 12 คน

.

เข้าพบ นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการร้องเรียนการทุจริตทั้งปวงในโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข         

.

ภายหลังรายงานผลการสอบสวนฯ ต่อนายกรัฐมนตรีเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายแพทย์ บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการฯ ได้แถลงผลการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ แก่สื่อมวลชน ณ ห้องประชุม 201 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ      

.

รองประธานกรรมการฯ และคณะกรรมการฯ  รวม 7 คน เข้าร่วมชี้แจงด้วย นายแพทย์ บรรลุ ศิริพานิช ได้แถลงข่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันนำหลักฐานการทุจริตของผลการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ (จำนวน 4,733 แผ่น)  มอบให้นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งภาพรวมของการสอบสวนสรุปสาระสำคัญดังนี้

.

1. การดำเนินการจัดตั้งงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขตามข้อร้องเรียน ส่อไปในทางที่จะทำให้เกิดการทุจริตจริง เพราะการจัดทำงบประมาณไม่เป็นไปตามหลักการและวัตถุประสงค์ของโครงการฯ  ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552   ที่มุ่งให้มี  “การลงทุนของภาครัฐในโครงการที่จะสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในอนาคต” และไม่ “เป็นไปอย่างรัดกุม มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า”

.

2.  การขอตั้งงบประมาณทั้งสิ่งก่อสร้าง ครุภัณฑ์การแพทย์ และรถพยาบาล มีความผิดพลาดมากมาย การกระจายตัวไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม และราคาที่ตั้งไว้สูงเกินสมควร และมีพฤติกรรมบางอย่างที่ส่อเจตนาในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หากไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้อง แทนที่จะทำให้ไทยเข้มแข็งสมเจตนารมณ์ จะกลับทำให้ประเทศชาติอ่านแอลง ซึ่งสรุปประเด็นสำคัญดังนี้          

.

2.1 งบประมาณสิ่งก่อสร้าง มุ่งเน้นการสร้างความเจริญในตัวจังหวัด แทนที่จะกระจายสู่อำเภอรอบนอก ทำให้เกิดช่องว่างของคุณภาพบริการสาธารณสุขระหว่างตัวจังหวัด  และอำเภอรอบนอก จึงทำให้ประชาชนต้องหลั่งไหลเข้าไปรับบริการในตัวจังหวัดมากขึ้น สร้างทั้งภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มความเสี่ยงระหว่างเดินทาง โดยเฉพาะกรณีของผู้ป่วยที่มีอาการหนัก                  

.

2.2 งบประมาณสิ่งก่อสร้าง มีความกระจุกตัวในบางจังหวัด เช่น จังหวัดราชบุรี ทั้ง ๆ ที่มีโรงพยาบาลระดับจังหวัดถึง 3 แห่ง และมีโรงพยาบาลศูนย์อีก 1 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จังหวัดหนึ่งมีโรงพยาบาลระดับจังหวัดเพียงแห่งเดียว ขณะที่บางจังหวัดซึ่งขาดแคลนกลับได้รับการจัดสรรน้อย                  

.

2.3 งบประมาณคุรภัณฑ์การแพทย์ มีการจัดซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็น และราคาแพงจำนวนมาก นอกจากเป็นการสิ้นเปลืองแล้ว ยังเป็นภาระในการบำรุงรักษา ครุภัณฑ์บางอย่างหน่วยงานไม่ได้ต้องการหรือขอมา กลับจัดสรรให้โดยส่อเจตนาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่ง ครุภัณฑ์การแพทย์เหล่านี้ล้วนต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น                  

.

2.4 งบประมาณส่วนใหญ่ มุ่งเน้นที่สิ่งก่อสร้างและครุภัณฑ์การแพทย์ แต่งบประมาณสำหรับการสร้างและพัฒนาบุคลากรกลับไม่ได้สัดส่วน ทำให้สิ่งก่อสร้างและเครื่องมือแพทย์ที่ใช้เงินจำนวนมาก  การจัดซื้อจัดจ้างไว้ใช้ประโยชน์จึงได้ไม่คุ้มค่า      

.

3. เหตุของความบกพร่องผิดพลาด ส่อไปในทางที่จะนำให้เกิดการทุจริต สรุปสาระ ใหญ่ ๆ ได้ 3 ประการ ได้แก่                   

3.1 ข้าราชการประจำอ่อนแอ ปลัดกระทรวงและรองปลัดกระทรวงที่ได้รับมอบหมายขาดความรับผิดชอบ ไม่ให้ความสำคัญกับโครงการนี้เท่าที่ควร และควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการ

.

รวมทั้งควรมีการกำหนดนโยบาย และหลักเกณฑ์การพิจารณา ทั้งในเรื่องการกระจายงบประมาณอย่างเหมาะสม และการพิจารณากำหนดราคาที่สมควร การที่ผู้บริหารระดับสูงไม่เป็นผู้รับผิดชอบต่อหน้าที่ด้วยตนเอง ประกอบกับการไม่มีคณะกรรมการมาร่วมพิจารณา และไม่มีหลักเกณฑ์วางไว้ งานจึงไม่มีระบบมักเปลี่ยนแปลงตามใจของผู้มีอำนาจ                   

.

นายแพทย์บรรลุฯ  ได้แถลงย้ำในเรื่องนี้ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะต้องรับผิดชอบในความบกพร่องครั้งนี้ เพราะส่อเจตนาไม่สุจริต เอื้อให้มีการกระทำตามใจชอบ และเปิดทางให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในกระทรวงสาธารณสุข        

.

อีกทั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งไม่ได้รับมอบหมายให้ดูแลโครงการไทยเข้มแข็ง และไม่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข แต่กลับมีพฤติกรรมก้าวก่าย ล้วงลูก กดดัน ให้มีการจัดสรรงบประมาณเกินความจำเป็นเพื่อไปลงในพื้นที่ของตนเอง และส่อเค้าว่าอาจจะมีส่วนพัวพันกับเรื่องการจัดซื้อรถพยาบาลด้วย             

.

คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้วจึงมีข้อเสนอสรุปสาระดังนี้

(1) ควรมีการทบทวนการพิจารณาโครงการใหม่ทั้งหมด ทั้งรายการสิ่งก่อสร้าง รายการครุภัณฑ์การแพทย์ และรายการรถถพยาบาล ทั้งในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกรมอื่น ๆ โดยเฉพาะกรมการแพทย์  รวมทั้งโครงการพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะต้องได้งบประมาณในสัดส่วนที่เหมาะสม  และควรที่จะดำเนินการโดยมุ่งคุณภาพ                

.

เพื่อให้เกิดการสร้างความเข้มแข็งของประเทศอย่างแท้จริง  ไม่ใช่ทำให้ประเทศชาติอ่อนแอลงและสร้างปัญหาในระยะยาว โดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มาดูแลและเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง  ควบคู่กับการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการอย่างสมเหตุสมผล โปร่งใส เลือกใช้บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขที่มีคุณภาพมาช่วยกัน ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน

.

(2)  ควรมีการสอบสวนข้าราชการประจำที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ยังรับราชการและที่เกษียณอายุไปแล้ว ในกรณีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่เข้าข่ายว่าเป็นความผิดที่ได้ทำมา เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

.

(3)  ควรพิจารณาดำเนินการกับนักการเมืองที่เกี่ยวข้องตาม “กฎเห็น 9 ข้อ” ของนายกรัฐมนตรี ที่แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก (23 ธ.ค.51) โดยเฉพาะในข้อ 2 ที่  “เน้นให้ยึดถือการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเคร่งครัด” และข้อ 9 ที่ระบุว่า “ความรับผิดชอบทางการเมืองนั้นมีมาตรฐานที่สูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย”         

.

ในตอนท้ายของการแถลงข่าวฯ นายแพทย์บรรลุฯ ได้กล่าวว่า ผลการสอบสวนการทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขในครั้งนี้  นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง  โดยได้มีการซักถามถึงความเป็นมาและรายละเอียดของหลักฐานต่าง ๆ  ที่ส่อไปในทางทุจริตด้วยความสนใจเป็นเวลานาน 

.

ซึ่งคาดว่าจะสามารถเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและคาดว่า เมื่อรัฐบาลได้รับทราบข้อมูลแล้ว จะมีการปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินการให้คุ้มประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด สมตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในประเทศชาติต่อไป

.
ที่มา : เว็บไซต์รัฐบาลไทย