ที่ประชุม กรอ.รับทราบความคืบหน้า 11 มาตรการภาษี ปักธงต้องสามารถแข่งขันได้ ให้สิทธิไม่ด้อยกว่าสิงคโปร์ มาเลเซีย พร้อมมอบสภาพัฒฯ รับ ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจประเทศไทย ประกอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11
|
ที่ประชุม กรอ.รับทราบความคืบหน้า 11 มาตรการภาษี ปักธงต้องสามารถแข่งขันได้ ให้สิทธิไม่ด้อยกว่าสิงคโปร์ มาเลเซีย พร้อมมอบสภาพัฒฯ รับ “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจประเทศไทย” ประกอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 |
| . |
|
|
|
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี |
| . |
|
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 9/2552 โดยมี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและตัวแทนภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งผลการประชุมสรุปสาระสำคัญดังนี้ |
| . |
|
ที่ประชุมรับทราบมติคณะรัฐมนตรี (8 ธันวาคม 2552) เรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกรรมการในคณะกรรมการ กรอ. เพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเสนอแนะนโยบายและมาตรการในการสร้างความสามารถทางเทคโนโลยีของประเทศร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น |
| . |
|
พร้อมทั้ง รับทราบความคืบหน้าข้อเสนอมาตรการภาษี ตามที่กระทรวงการคลัง รายงานเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการภาษี ซึ่งมีจำนวน 11 มาตรการ โดยแบ่งเป็นระยะสั้น 6 มาตรการ และระยะยาว 5 มาตรการ) ดังนี้ |
| . |
|
1) การขยายขอบเขตและระยะเวลาการยกเว้นภาษีสำหรับการปรับโครงสร้างหนี้ที่ยังไม่ถูกฟ้องล้มละลาย ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (22 ธันวาคม 2552) ให้ขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ออกไปอีก 1 ปี เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 2) การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และเพิ่มสภาพคล่องของภาคธุรกิจระหว่างปี 2552-2553 โดยเฉพาะธุรกิจด้านโรงแรม |
| . |
|
3) การผ่อนปรนเงื่อนไขการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค (Reducing the requirement for regional office headquarters) : ROH โดยผ่อนปรนให้ ROH สามารถให้บริการวิสาหกิจในเครือหรือสาขาที่อยู่นอกประเทศได้ 3 สาขาภายในระยะเวลา 5 ปี โดยได้มีการดำเนินการผ่อนปรนหลักเกณฑ์ มีการกำหนดเงื่อนไขเพื่อให้เกิดประโยชน์โดยรวมต่อประเทศไทย และอยู่ระหว่างการดำเนินการทบทวนมาตรการ ROH |
| . |
|
โดยอย่างน้อยต้องให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ และไม่ควรให้สิทธิด้อยกว่าประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ทั้งนี้จะได้มีการพิจารณาประเด็นภาษี และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่างๆ ในคณะอนุกรรมการพัฒนานโยบายส่งเสริมการลงทุนกิจการสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคโดยเร็วต่อไป |
| . |
|
ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยเห็นควรให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และตัวแทนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง (เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนการค้าไทย |
| . |
|
โดยให้อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน ทำหน้าที่ทบทวนหลักเกฑณ์และแนวทางกำกับดูแลราคาสินค้าและการพิจารณาราคาสินค้าและบริการ รวมทั้งแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกำหนดราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 และปัญหาในการดำเนินมาตรการบริหารในการกำกับดูแลราคาสินค้าของกรมการค้าภายใน |
| . |
|
ซึ่งประกอบสาระคัญหลักได้แก่ (1) หลักเกณฑ์การกำหนดสินค้าภายใต้การกำกับดูแลให้มีความชัดเจนและรัดกุม โดยหลีกเลี่ยงการกำหนดประเภทสินค้าในวงกว้าง (2) หลักเกณฑ์ในการอนุมัติขึ้นราคาสินค้า เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางและนโยบายในเรื่องราคาสินค้าและบริการที่เหมาะสมต่อไป แล้วนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรายงานคณะกรรมการ กรอ. ภายใน 2 เดือนสำหรับการขออนุมัติเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2552 เพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ 2 นั้น |
| . |
|
ที่ประชุมเห็นควรเร่งรัดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งผลการจัดสรรโควตาการนำเข้านมผงปี 2553 ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการประกาศโควตานมผงสำหรับปี 2553 เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ หากในกรณีที่ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีความต้องการนำเข้านมผงเพิ่มเติม ให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป |
| . |
|
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมรับทราบตามที่หอการค้าไทยได้รายงานผลการจัดการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2552 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ได้มีการจัดทำ “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจประเทศไทย” เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ฯ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม |
| . |
|
ซึ่งที่ประชุม กรอ. ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ กรอ. รับไปพิจารณาประกอบในการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์เศรษฐกิจประเทศไทยของหอการค้าไทย |
| . |
|
โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดนั้นให้ประสานกับคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (กนจ.) และกระทรวงมหาดไทยเพื่อนำยุทธศาสตร์ 18 กลุ่มจังหวัด ของหอการค้าไทย ไปพิจารณาเพื่อใช้เป็นกรอบในการขับเคลื่อนการพัฒนาในระดับพื้นที่ควบคู่ไปกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดของภาครัฐต่อไป |
| . |
|
สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินงาน One Stop One Start (OSOS) ซึ่งได้มีการเปิดดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2552 นั้น ทางกระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รายงานว่าได้มีการทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่ให้บริการของไทย รวมทั้งสถานเอกอัครราชทูตทั้งในประเทศและประเทศที่มีการทำธุรกิจการค้าและการลงทุนกับประเทศไทย เพื่อให้มีการมาใช้ประโยชน์บริการของ OSOS ด้วย |
| . |
| ที่มา : เว็บไซต์รัฐบาลไทย |
Thailandindustrycom_official
.jpg)
