เนื้อหาวันที่ : 2009-12-23 09:59:26 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 625 views

ผลการบริหารจัดการหนี้สาธารณะภาครัฐ เดือน พ.ย.

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอสรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนพฤศจิกายน 2552 พร้อมทั้งรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2552 ดังนี้

.
1.  การปรับโครงสร้างหนี้ภาครัฐ
1.1 เดือนพฤศจิกายน 2552
หนี้ในประเทศ

กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) ที่ครบกำหนด ในเดือนพฤศจิกายน 2552 จำนวน 30,000 ล้านบาท โดยการทยอยออกพันธบัตรรัฐบาลในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 - มกราคม 2553

.

ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนได้ดำเนินการประมูลพันธบัตรไปแล้ว 8,000 ล้านบาท และนำเงินที่ได้จากการประมูลพันธบัตรดังกล่าวไปทยอยชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้นที่ใช้เป็น Bridge Financing ในการปรับโครงสร้างหนี้          

.

นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) ที่ครบกำหนด 10,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน

..

นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ โดยทำการ Roll Over วงเงินรวม 64,000 ล้านบาท โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ทำการ Roll Over หนี้เดิม วงเงิน 30,000 ล้านบาท และการประปาส่วนภูมิภาค การเคหะแห่งชาติ และธนาคารอาคารสงคราะห์ได้ทำการ Roll Over หนี้เดิม วงเงินแห่งละ 1,000 ล้านบาท ตามลำดับ

.

ประกอบกับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินได้ทำการ Roll Over พันธบัตรออมทรัพย์ของกองทุนที่กระทรวงการคลัง ค้ำประกันที่ครบกำหนด 31,000 ล้านบาท

.
1.2  ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553
หนี้ในประเทศ          

กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้าง หนี้ในประเทศ วงเงินรวม 63,000 ล้านบาท โดยการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล 23,000 ล้านบาท การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวง

.

การคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) ที่ครบกำหนด 30,000 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) ที่ครบกำหนด 10,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน และรัฐวิสาหกิจได้ทำการ Roll over หนี้เดิมรวม 69,440 ล้านบาท

.
2. การกู้เงินภาครัฐ
เดือนพฤศจิกายน 2552

กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศเพื่อชดเชย    การขาดดุลงบประมาณโดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 31,000    ล้านบาท และได้เบิกเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 2,400 ล้านบาท และการกู้เพื่อลงทุนในโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 1,000     ล้านบาท

.

ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553 ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 37,400 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินของกระทรวงการคลัง 36,400 ล้านบาทและของรัฐวิสาหกิจ 1,000 ล้านบาท

.
3. การชำระหนี้ภาครัฐ
เดือนพฤศจิกายน 2552

กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณรวม 11,284 ล้านบาท โดยเป็นการชำระคืนเงินต้น 6,478 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 4,806  ล้านบาท ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553 กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย     และค่าธรรมเนียมจากงบประมาณรวม 19,287 ล้านบาท   

.
รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2552

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2552 มีจำนวน 3,993,133 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.83 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,584,012 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,103,343 ล้านบาท  หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 209,596 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 96,182 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะลดลง 8,898 ล้านบาท

.

โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 2,501 ล้านบาท 5,326 ล้านบาท และ 1,965 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้น 894 ล้านบาท ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง

.

การลดลงสุทธิของหนี้สาธารณะคงค้างเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมานั้น ที่สำคัญเกิดจากการลดลงของ หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน โดยลดลงสุทธิ 5,326 ล้านบาท รายการที่สำคัญเกิดจากการลดลงของหนี้ที่รัฐบาล ค้ำประกันทั้งในส่วนของหนี้ในประเทศและหนี้ต่างประเทศ

.

โดยหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาล ค้ำประกันลดลง 3,331 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ไถ่ถอนพันธบัตร จำนวน 2,000 ล้านบาท และการเปลี่ยนแปลงสุทธิของหนี้ต่างประเทศในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อแปลงเป็นเงินบาทลดลง 3,380 ล้านบาท

.

สำหรับหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลงสุทธิ 2,501 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนดและการเปลี่ยนแปลงสุทธิของหนี้ต่างประเทศในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อแปลงเป็นเงินบาทลดลง 1,475 ล้านบาท

.

สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้นสุทธิ 894 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน รายการที่สำคัญเกิดจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ออกพันธบัตร จำนวน 1,000 ล้านบาท

.

สำหรับหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 1,965 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการซื้อคืนพันธบัตรของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน

.

หนี้สาธารณะ 3,993,133 ล้านบาท แยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 379,163 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.50 และ  หนี้ในประเทศ 3,613,970 ล้านบาท หรือร้อยละ 90.50 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 3,630,613 ล้านบาท หรือร้อยละ 90.92 และหนี้ระยะสั้น 362,520 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.08 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

.
ที่มา : กระทรวงการคลัง