เชื่อว่าออสซิลโลสโคปเป็นเครื่องมือที่เหล่านักอิเล็กทรอนิกส์ทุกคน ต่างก็คุ้นเคยกันมานาน คงจะดีถ้าเจ้าเครื่องมือตั้งโต๊ะที่มีขนาดใหญ่นี้ ถูกย่อให้มีขนาดที่เล็กจนพกพาไปใช้งานได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าไม่ต้องมีสายสโคปยาวรุงรังด้วยแล้ว ก็จะยิ่งดีมากขึ้นไปอีก และที่ว่ามาทั้งหมดก็คือคำอธิบายและรูปลักษณะของเครื่องมือวัดแบบใหม่ที่ ชื่อ Aeroscope นั่นเอง
Aeroscope เป็นออสซิลโลสโคปแบบไร้สายซึ่งมีขนาดเล็ก มองโดยผิวเผินแล้วรูปร่างดูแล้วเหมือนกับลอจิกโพรบไม่มีผิด รูปสัญญาณต่างๆ ที่ได้จากการวัดโดยใช้ Aeroscope จะถูกส่งแบบไร้สายไปแสดงผลยังแอพฯ ที่ติดตั้งอยู่บนแท็บเล็ต (Android หรือ iPad) โดยใช้การสื่อสารผ่านทาง Bluetooth 4.1 ในการใช้งานจึงไม่ต้องปวดหัวกับสายโพรบที่รุงรัง แถมการพกพาไปใช้งานก็ทำง่าย
สำหรับสเปคโดยคร่าวๆ ของ Aeroscope มีดังนี้
ขณะนี้แอพฯ สำหรับ iOS เสร็จและมีพร้อมให้ใช้งานได้แล้ว ส่วน Android คาดว่าจะตามออกมาในไม่ช้า อ้างอิงจากข้อมูลที่ Aeroscope Lab เจ้าของโครงการให้ไว้ คาดว่าโครงการนี้จะเป็นแบบโอเพนซอร์ส ซึ่งข้อมูลต่างๆ ของแอพฯ รวมทั้งข้อมูลต่างๆ เช่น โปรโตคอลในการสื่อสาร จะถูกเปิดให้นักพัฒนาสามารถต่อจะยอดและนำไปประยุกต์ใช้ในงานที่ต้องการได้ โดยแอพฯ ในเวอร์ชันปัจจุบัน จะสามารถวัดค่าได้เพียง 1 แชนแนล (channel) เท่านั้น ซึ่ง Aeroscope Lab ก็กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาฟีเจอร์ในการวัดค่าจาก 2 แชนแนล พร้อมกันได้ ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย
โครงการ Aeroscope ยังคงอยู่ระหว่างระดมทุนผ่านทาง crowdfunding ที่ชื่อว่า Crowdsupply โดย Aeroscope Lab ต้องการระดมทุนเป็นจำนวนเงิน 100,000 ดอลลาร์ เพื่อใช้ในการผลิต สำหรับคุณผู้อ่านที่ต้องการข้อมูล หรือต้องการจะช่วยสนับสนุนโครงการนี้ให้เป็นจริง ก็สามารถจะดูข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้เพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ http://aeroscope.io
Google คงเชื่อว่าภายในส่วนลึกของพวกเราทุกคนน่าจะมีความเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ใน ตัว จึงได้ปล่อยแอพฯ ใหม่ล่าสุด ที่สามารถจะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของเราให้กลายเป็นเครื่องมือทดลองรุ่นจิ๋วแต่ แจ๋ว เจ้าแอพฯ ที่ว่านี้ก็มีชื่อว่า Science Journal
โดยแอพฯ นี้จะใช้เซนเซอร์ภายในสมาร์ทโฟนในการวัดค่าและบันทึกข้อมูลต่างๆ แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหว ระดับแสง และเสียง นอกจากนั้น Science Journal ก็ยังสามารถถูกเชื่อมเข้ากับ Arduino101 โดยผ่านทาง Bluetooth LE เพื่อใช้สร้างให้เป็นเครื่องมือในการทดลองที่ซับซ้อนมากขึ้นได้อีกด้วย
จริงอยู่ว่า มีแอพฯ จำนวนตั้งมากมายที่สามารถจะเข้าถึง และอ่านค่าจากเซนเซอร์ภายในสมาร์ทโฟนได้เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ Science Journal ให้ได้มากกว่า ก็คือการที่เราสามารถบันทึกค่าข้อมูลที่เกิดขึ้นได้ในรูปของกราฟ (graph) และแผนผัง รวมทั้งการจัดเก็บ เรียบเรียงและรวบรวมข้อมูล รวมทั้งจดโน๊ตต่างๆ จากการศึกษาแต่ละครั้ง ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถจะบันทึกข้อความเสียงไปในขณะทำการทดลองเพื่อช่วยให้สามารถจำราย ละเอียดต่างๆ ระหว่างการทดลองได้ เป็นต้น
นอกจากนั้น Google ยังได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เช่น Jameco (http://www.jameco.com), makershed (http://www.makershed.com) และ Sparkfun (https://www.sparkfun.com) ซึ่งผู้สนใจสามารถจะสั่งซื้อชุดอุปกรณ์ประกอบการทดลอง สื่อการสอนแบบต่างๆ ที่พาร์ทเนอร์แต่ละรายได้ออกแบบขึ้น เพื่อนำมางานใช้ร่วมกับ Science Journal ได้ด้วย
คุณผู้อ่านที่สนใจสามารถดาวน์โหลด Science Journal ได้ฟรีจาก Play Store ของ Google และถ้าต้องการข้อมูลที่เกี่ยวกับ Science Journal เพิ่มเติม ก็สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ https://makingscience.withgoogle.com ส่วนผู้ที่ใช้งาน iOS ก็คงต้องอดใจรอติดตามความคืบหน้ากันอีกสักพัก