แผนภูมิสายธารแห่งคุณค่า เป็นเครื่องมือสนับสนุนการพัฒนาผลิตภาพกระบวนการด้วยการแสดงลำดับขั้นตอนของกิจกรรมต่าง ๆ ที่มุ่งส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าและทำให้ทราบภาพรวมของกระบวนการ รวมทั้งปรับปรุงการไหลของทรัพยากรและสามารถระบุกิจกรรมไคเซ็นเพื่อขจัดความสูญเปล่า ดังนั้น VSM จึงมักใช้จำแนกกิจกรรมที่สร้างคุณค่าเพิ่มและกิจกรรมที่เกิดความสูญเปล่าโดยนำข้อมูลผลลัพธ์จากการวิเคราะห์สถานะปัจจุบัน แสดงด้วยเอกสารสำหรับกำหนดสถานะหลังจากการปรับปรุง ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงลูกค้าสุดท้าย
แผนภูมิสายธารแห่งคุณค่า (Value Stream Mapping) เป็นเครื่องมือสนับสนุนการพัฒนาผลิตภาพกระบวนการด้วยการแสดงลำดับขั้นตอนของกิจกรรมต่าง ๆ ที่มุ่งส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าและทำให้ทราบภาพรวมของกระบวนการ รวมทั้งปรับปรุงการไหลของทรัพยากรและสามารถระบุกิจกรรมไคเซ็นเพื่อขจัดความสูญเปล่า ดังนั้น VSM จึงมักใช้จำแนกกิจกรรมที่สร้างคุณค่าเพิ่มและกิจกรรมที่เกิดความสูญเปล่าโดยนำข้อมูลผลลัพธ์จากการวิเคราะห์สถานะปัจจุบัน (Current State) |
. |
ซึ่งถูกแสดงด้วยเอกสารสำหรับกำหนดสถานะหลังจากการปรับปรุง (Future State) ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นและส่งมอบคุณค่าให้กับกระบวนการถัดไปจนถึงลูกค้าสุดท้าย (Final Customer) เช่น การตอบสนองคำสั่งซื้อ การผลิต การส่งมอบ การเรียกเก็บเงินและบริการหลังการขาย เป็นต้น โดยคุณค่าที่เกิดขึ้นได้เชื่อมโยงระหว่างกระบวนการ เรียกว่า สายธารแห่งคุณค่า ซึ่งผลิตภัณฑ์หรือรูปแบบการให้บริการที่มีลักษณะใกล้เคียงกันได้ถูกผนวกในสายธารแห่งคุณค่าเดียวกันหรืออาจกล่าวได้ว่าสายธารแห่งคุณค่าประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หรือการให้บริการที่มีคุณลักษณะเดียวกัน |
. |
รูปที่ 1 สายธารแห่งคุณค่ากระบวนการธุรกรรม |
. |
ด้วยเหตุนี้สายธารแห่งคุณค่าจึงไม่เพียงจำกัดขอบเขตเพียงแค่กระบวนการผลิตเท่านั้น แต่สามารถนำมาใช้แสดงกระบวนการโดยรวมที่สร้างคุณค่าให้กับลูกค้า สำหรับบางองค์กรได้มีการจำกัดขอบเขตการแสดงรายละเอียดเฉพาะในส่วนขั้นตอนการผลิตจึงทำให้ขาดข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการสนับสนุนกิจกรรมการผลิต ในทางปฏิบัติแล้วสายธารแห่งคุณค่าต้องประกอบด้วยรายละเอียดขององค์ประกอบที่มุ่งสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า |
. |
แม้ว่าองค์ประกอบนั้นจะอยู่นอกเหนือการควบคุมขององค์กรหรือโรงงานก็ตาม ดังเช่น การแสดงคลังสินค้า ผู้ส่งมอบ (Supplier) และผู้กระจายสินค้าเป็นส่วน
|
. |
สำหรับความหมายหรือนิยามแผนภูมิสายธารแห่งคุณค่า มักมีผู้สับสนกับแผนภูมิกระบวนการ (Process Mapping) เนื่องจากมีความหมายใกล้เคียงกันจึงมักใช้แทนกัน โดยแผนภูมิทั้งสองนี้มีวัตถุประสงค์การใช้งานเหมือนกัน คือ การจำแนกความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นในกระบวนการเพื่อดำเนินการปรับปรุง แต่มีข้อแตกต่างบางประการดังนี้ |
. |
รูปที่ 2 ขอบเขตสายธารแห่งคุณค่า (Value Stream Scope) |
. |
|
. |
. |
รูปที่ 3 สัญลักษณ์ไอคอนสำหรับเขียนแผนภูมิสายธารแห่งคุณค่า |
. |
โดยแผนภูมิสายธารแห่งคุณค่าได้มีบทบาทในช่วงต้นการพัฒนากลยุทธ์ผลิตภาพสายการผลิตที่แสดงกระบวนการไหลของทรัพยากรและข้อมูลกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Product Group) เพื่อใช้วิเคราะห์ปรับปรุงผลิตภาพระบบการผลิตและแสดงด้วยแผนภูมิสถานะในอนาคต |
|
. |
รูปที่ 4 แผนภูมิกระบวนการไหลในสายการประกอบ |
. |
สำหรับการเขียนแผนภูมิสายธารแห่งคุณค่าคงไม่มีความซับซ้อนหากผู้จัดทำมีความเข้าใจภาพรวมกระบวนการทำงานและสามารถเขียนแผนภูมิกระบวนการไหลของงานได้ ส่วนสัญลักษณ์ไอคอนของ VSM คงไม่มีมาตรฐานที่ตายตัว แต่ที่ใช้งานทั่วไปอาจจำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ การไหลของงาน (Material Flow Icons) การไหลของข้อมูล (Information Flow Icons) และสัญลักษณ์ทั่วไป |
. |
โดยทั่วไปการสร้างแผนภูมิสายธารแห่งคุณค่าอาจจำแนกได้เป็นสามช่วง ดังนี้ |
|
สำหรับการจัดทำ VSM สามารถดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ |
|
|
รูปที่ 5 การจำแนกตระกูลผลิตภัณฑ์ |
. |
ดังนั้นการกำหนดขอบเขตอาจคัดเลือกเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจเพื่อดำเนินการร่าง VSM โดยพิจารณาผลิตภัณฑ์หรืองานที่มีลักษณะการไหลที่ใกล้เคียงกันและจัดเป็นกลุ่มเดียวกันเพื่อเขียนเส้นทางกระบวนการไหล (Process Routing) ผลิตภัณฑ์หลักในกลุ่มและนำข้อมูลมาดัดแปลงเพียงเล็กน้อยก็สามารถจัดทำแผนภูมิผลิตภัณฑ์ตัวอื่นในกลุ่มต่อไป ซึ่งทำให้สะดวกรวดเร็วกว่าการจัดทำแผนภูมิในทุกงาน |
. |
. |
|
รูปที่ 6 แผนภูมิสถานะปัจจุบัน |
. |
|
รูปที่ 7 แผนภูมิแสดงสถานะอนาคต |
. |
|
ส่วนการปรับองค์กรจากรูปแบบเดิมที่มีกระบวนการไหลของงานแบบฝ่ายงาน (Departmental Organization) เข้าสู่องค์กรที่มุ่งสายธารแห่งคุณค่าได้ส่งผลให้เกิดการลดความซับซ้อนผังโครงสร้างองค์กร นั่นคือ การลดลำดับชั้นตามสายบังคับบัญชาและลดปริมาณธุรกรรมที่เกิดความซ้ำซ้อนกัน โดยมุ่งความชัดเจนในบทบาทความรับผิดชอบของบุคลากรแต่ละคนและเกิดความยืดหยุ่นกับความเปลี่ยนแปลงด้วยการจัดโครงสร้างบริหารแบบเมตริกซ์ (Matrix Organization) ซึ่งมีรูปแบบของการบริหารโครงการที่มักใช้กับองค์กรขนาดใหญ่ โดยสมาชิกแต่ละทีมงานได้ถูกจัดวางในผังโครงสร้างดังกล่าวเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานให้เกิดความคล่องตัว แต่เนื่องจากสายธารแห่งคุณค่าเป็นเพียงแค่องค์ประกอบ
|
. |
ดังนั้นจึงไม่ควรมีสายธารแห่งคุณค่าภายในองค์กรมากเกินความจำเป็นเนื่องจากอาจเกิดความยุ่งยากในการมอบหมายงานให้กับทีมงาน เช่น หากมีวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญดำเนินโครงการไคเซ็นเพียง 5 คน แต่ภายในองค์กรประกอบด้วยสายธารแห่งคุณค่า 8 กลุ่ม นั่นหมายถึง ทีมงานบางคนได้ถูกมอบหมายงานให้ดูแลมากกว่า 1 กลุ่ม สำหรับองค์กรทั่วไปควรประกอบด้วยสายธารแห่งคุณค่าเพียง 3-4 กลุ่ม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการกำหนดความรับผิดชอบของบุคลากรแต่ละคนและสามารถสนับสนุนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิผล |
. |
สรุป |
แผนภูมิสายธารแห่งคุณค่าเป็นเครื่องมือหลักที่มุ่งศึกษาคุณค่าหรือความต้องการตามมุมมองของลูกค้า ดังนั้นแผนภูมิสายธารแห่งคุณค่าจึงเป็นการแสดงถึงภาพรวมการไหลของงานตลอดทั้งกระบวนการ (Holistic Approach) ทำให้สามารถระบุขอบเขตและกิจกรรมที่จำเป็นสำหรับการปรับปรุงผลิตภาพที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยจำแนกระหว่างกิจกรรมที่เกิดคุณค่ากับกิจกรรมที่เกิดความสูญเปล่า สำหรับในมุมมองลูกค้าจะยินดีจ่ายเงินเพื่อได้รับในสิ่งที่เกิดคุณค่าโดยไม่สนใจกับความสูญเปล่าหรือกิจกรรมที่ไม่เกิดคุณค่าใด ๆ เช่น ของเสีย งานที่ต้องแก้ไข เป็นต้น |
. |
ดังนั้นหากไม่สามารถจำแนกประเภทความสูญเปล่าทั้งหลายที่ซ่อนเร้นในกระบวนการก็ยังจะส่งผลให้เกิดต้นทุนสูงขึ้น ดังคำกล่าวที่ว่า “หากท่านทราบว่าวันนี้ท่านอยู่ที่ไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะวางแผนเพื่อปรับเปลี่ยนสู่สถานะเป้าหมาย” ด้วยเหตุนี้สายธารแห่งคุณค่าจึงมีบทบาทกำหนดแนวทางปรับปรุงสู่สถานะอนาคตที่คาดหวังได้อย่างสมบูรณ์ |
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.
ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด