GE Energy ดันเทคโนโลยี FlexAero
เจาะตลาดกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กในประเทศไทย
กองบรรณาธิการ

   จีอี เอ็นเนอร์ยี เปิดตัว FlexAero LM-6000-PH เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าระบบกังหันก๊าซ รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมตอบสนองความต้องการของตลาดผู้บริโภคชาวไทย ด้วยประสิทธิภาพและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำความแข็งแกร่งธุรกิจทางด้านพลังงาน พร้อมย้ำประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาสูง และเป็นตลาดที่มีการเติบโตทางด้านพลังงานรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค

   นายแดร์ริล วิลสัน รองประธาน GE Power & Water Aero Products (ขวา) และ นายคอรี่ เนลสัน ผู้จัดการทั่วไปสายการผลิต จีอี เอ็นเนอร์ยี ร่วมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนถึงเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าระบบกังหันก๊าซ LM6000-PH รุ่นใหม่ล่าสุด ขนาด 50 เมกกะวัตต์ ของจีอี ที่สามารถติดตั้งและผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในเวลาอันสั้น และไม่ใช้น้ำ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้ผลิตโรงงานไฟฟ้าขนาดเล็กในประเทศไทย 

   มร.แดร์ริล วิลสัน เปิดเผยว่า ภาพใหญ่ของจีอี จะครอบคลุมธุรกิจหลากหลายประเภทเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงในส่วนของ จีอี เอ็นเนอร์ยี ที่พยายามอัพเดตความเคลื่อนไหวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกดังกล่าว โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีที่มีการค้นคว้าวิจัยเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขึ้นมาอยู่เสมอ ปัจจุบันจีอี เอ็นเนอร์ยี เป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่สำคัญของจีอี โดยมีพนักงานในส่วนนี้มากกว่า 9 หมื่นคน โดยมีฐานปฏิบัติงานอยู่มากกว่า 145 ประเทศทั่วโลก 

   ในส่วนงานของจีอี เอ็นเนอร์ยีสามารถแบ่งได้เป็น 3 ส่วนคือ GE Power & Water, GE Demand & Management และ GE Oil & Gas

   GE Power & Water เป็นส่วนงานหลักของจีอี เอ็นเนอร์ยี ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางด้านพลังงานทั้งหมด รวมถึงส่วนของ Aeroderivatives ก็ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักในส่วนนี้ นอกจากนี้ยังรวมถึงพลังงานหมุนเวียนอย่างเช่น พลังงานลม โซลาร์เซลล์ ไบโอแก๊ส และพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ด้วย

   GE Demand & Management เป็นส่วนงานบริหารจัดการความต้องการทางด้านพลังงานไฟฟ้าให้สอดคล้องกับการผลิตกระแสไฟฟ้า จัดหาโซลูชันทางด้านพลังงานต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า

   GE Oil & Gas ทำหน้าที่จัดหาและให้บริการด้านอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงรวมถึงงานบริการในส่วนงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทั้งหมด ตั้งแต่กระบวนการขุดเจาะและผลิต ระบบขนส่งทางท่อ และจัดเก็บคลังสำรองเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกระแสไฟฟ้า ไปจนถึงกระบวนการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี นอกจากนี้ยังทำหน้าที่จัดหาโซลูชันต่าง ๆ ทั้งในเรื่องการตรวจสอบและการจัดการข้อมูล ด้วยทีมงานทางด้านออยล์แอนด์แก๊สของจีอีที่มีความพร้อมด้วยเทคโนโลยีทางด้านนวัตกรรม

 
GE FlexAero เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าที่ยืดหยุ่น

   GE FlexAero ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งทำให้บริษัท ชุมชน และอุตสาหกรรม สามารถผลิตพลังงานขึ้นมาได้เอง ในขณะที่ความต้องการผลิตภัณฑ์สำหรับการผลิตไฟฟ้าโดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงมีมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดความยืดหยุ่นในการใช้งาน มีประสิทธิภาพสูง และสะดวกรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ในส่วนนี้อยู่ในส่วนงานของ Aeroderivatives เป็นสินค้าในส่วนของ GE Imagination ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของจีอีเช่นเดียวกัน

สำหรับความโดดเด่นของเทคโนโลยีนี้อยู่ที่การใช้เทคโนโลยีของเครื่องบินเจ็ตมาสร้างเป็นเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าระบบกังหันก๊าซ ที่เรียกว่า Aeroderivative Gas Turbines ซึ่งปัจจุบันโดยรวมแล้วมีมากกว่า 4,100 เครื่องที่ใช้อยู่ทั่วโลก และมีชั่วโมงการทำงานอยู่ที่มากกว่า 182 ล้านชั่วโมง จุดเด่นก็คือความได้เปรียบในเรื่องของ Know How และเทคโนโลยีซึ่งผนวกรวมกันระหว่างเทคโนโลยีของเครื่องบินเจ็ตกับการผลิตพลังงาน รวมถึงความเชื่อมั่นทางด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์จีอี โดยเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าระบบกังหันก๊าซนี้มีขนาดตั้งแต่ 18 เมกะวัตต์-100 เมกะวัตต์

 
ตัวอย่างความสำเร็จที่ผ่านมา

   ในช่วง 24 เดือนที่ผ่านมา จีอี เอ็นเนอร์ยี มีความสำเร็จสำคัญ ๆ หลายงานด้วยกันเช่น ในประเทศจีน เป็นโปรเจ็กต์แรกที่ใช้แก๊สที่เหลือใช้จากการผลิตอุตสาหกรรมหนักมาใช้ในการสันดาปและผลิตไฟฟ้าในประเทศจีน, เครื่องรุ่น LMS100 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถขายได้เป็นเครื่องแรกในออสเตรเลีย, เครื่องผลิตไฟฟ้ารุ่น LM6000 ในบราซิล ที่นอกจากสามารถใช้เชื้อเพลิงจากแก๊สธรรมชาติแล้ว ยังสามารถใช้เชื้อเพลิงจากเอธานอลที่ได้จากอ้อยได้ (Sugarcane Ethanol) ซึ่งเป็นเครื่องแรกในบราซิลเช่นเดียวกัน ส่วนในเอเชียแปซิฟิค สินค้าตัวล่าสุดคือตัว LM6000-PG ที่จำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย และเครื่องผลิตไฟฟ้ารุ่น LMS100 ก็จะถูกใช้ในกีฬาโอลิมปิกเกมในปี 2014 ที่จะจัดขึ้นในรัสเซียด้วยเช่นกัน

สำหรับช่วงสึนามิที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น ทาง GE ได้ซัพพอร์ตสินค้าเพื่อช่วยในเรื่องความต้องการพลังงานเร่งด่วนในญี่ปุ่นโดยที่เราสามารถจำหน่ายเครื่องรุ่น TM-2500 ได้สองเครื่อง ซึ่งใช้เวลาจากการที่เริ่มจำหน่ายจนกระทั่งเวลาที่เครื่องสามารถผลิตไฟฟ้าใช้งานได้จริงภายใน 90 วัน ส่วนในประเทศจีนเราก็มีผู้ร่วมทุนซึ่งเป็นโรงงานที่เรียกว่า Aero Packaging จะประกอบหัวเครื่องของ Gas Turbine, ส่วนในบราซิลจะเป็น Level 4 ส่วนรัสเซียและออสเตรเลียก็จะเป็น Level 2 ซึ่งเป็น Service Center ในส่วนของการซ่อมบำรุงเครื่อง เป็นต้น

 
เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ มุ่งเจาะตลาดโครงการ SPP ในไทย

   GE FlexAero LM6000-PH คือเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันก๊าซขนาด 50 MW ปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นเป็นรุ่นที่สามซึ่งให้ประสิทธิภาพและการทำงานที่สูงกว่าด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย จุดเด่นของ FlexAero อยู่ที่ความสามารถในการทำงานด้วยเทคโนโลยีการเผาไหม้ที่ปล่อยมลภาวะในระดับต่ำสอดคล้องกับระดับมาตรฐาน ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 4,800 เมตริกซ์ตัน/1,000 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถทำงานโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำอีกด้วย ซึ่งทำให้สามารถประหยัดพลังงานในรูปของตัวเงินได้ประมาณ 1.8 ล้านยูโร ของค่าพลังงาน ในช่วงของการทำงาน 3,000 ชั่วโมง สำหรับประสิทธิภาพการทำงานอยู่ที่ 54% เมื่อทำงานเป็นระบบความร้อนร่วม

   GE FlexAero LM6000-PH คือเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันก๊าซขนาด 50 MW ปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นเป็นรุ่นที่สามซึ่งให้ประสิทธิภาพและการทำงานที่สูงกว่าด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย จุดเด่นของ FlexAero อยู่ที่ความสามารถในการทำงานด้วยเทคโนโลยีการเผาไหม้ที่ปล่อยมลภาวะในระดับต่ำสอดคล้องกับระดับมาตรฐาน ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 4,800 เมตริกซ์ตัน/1,000 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถทำงานโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำอีกด้วย ซึ่งทำให้สามารถประหยัดพลังงานในรูปของตัวเงินได้ประมาณ 1.8 ล้านยูโร ของค่าพลังงาน ในช่วงของการทำงาน 3,000 ชั่วโมง สำหรับประสิทธิภาพการทำงานอยู่ที่ 54% เมื่อทำงานเป็นระบบความร้อนร่วม

   GE FlexAero LM6000-PH คือเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันก๊าซขนาด 50 MW ปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นเป็นรุ่นที่สามซึ่งให้ประสิทธิภาพและการทำงานที่สูงกว่าด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย จุดเด่นของ FlexAero อยู่ที่ความสามารถในการทำงานด้วยเทคโนโลยีการเผาไหม้ที่ปล่อยมลภาวะในระดับต่ำสอดคล้องกับระดับมาตรฐาน ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 4,800 เมตริกซ์ตัน/1,000 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถทำงานโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำอีกด้วย ซึ่งทำให้สามารถประหยัดพลังงานในรูปของตัวเงินได้ประมาณ 1.8 ล้านยูโร ของค่าพลังงาน ในช่วงของการทำงาน 3,000 ชั่วโมง สำหรับประสิทธิภาพการทำงานอยู่ที่ 54% เมื่อทำงานเป็นระบบความร้อนร่วม

   ความโดดเด่นของ FlexAero อีกอย่างคือสามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากตัวเครื่องถูกชิฟมาให้อยู่ในรูปแบบโมดูล ซึ่งมีการเดินสายและท่อสำเร็จรูปมาจากโรงงาน ทำให้ใช้เวลาในการติดตั้งไม่เกิน 70 วันเท่านั้น และสามารถผลิตไฟฟ้าได้ภายในเวลา 10 นาทีนับตั้งแต่เริ่มเดินเครื่องจนถึง Full Load จึงนับว่าสามารถติดตั้งและใช้งานได้รวดเร็วที่สุดในอุตสาหกรรม ทำให้ FlexAero สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบโครงข่ายพลังงานไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน FlexAero จึงเป็นเทคโนโลยีก้าวหน้าล่าสุดในสายผลิตภัณฑ์ LM6000 ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของจีอี ตลอดเวลา ที่ผ่านมา FlexAero มีปริมาณการส่งมอบแล้วกว่า 1,000 เครื่อง มีชั่วโมงการทำงานกว่า 21 ล้านชั่วโมง และมีความน่าเชื่อถือถึง 99% ทำให้ FlexAero เป็นทางเลือกสำหรับการผลิตพลังงานที่ไว้วางใจได้ และมีความเร็วสูงสุดในกลุ่มเดียวกัน 
       
          
   “สำหรับการเปิดตัวในครั้ง จีอี เอ็นเนอร์ยี ให้ความสำคัญกับโครงการ SPP (Small Power Producer) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่ให้ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถผลิตไฟฟ้าได้เอง ดังนั้นศักยภาพของ FlexAero จึงเป็นความเหมาะสมที่จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของโรงผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กที่กระจายอยู่ตามท้องถิ่นได้ ปัจจุบันโครงการ SPP ของการไฟฟ้าอยู่ในระหว่างการดำเนินงานในระยะเฟสที่ 3 ซึ่งมีทั้งหมด 39 โครงการ โดยหนึ่งโครงการมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 100-120 MW ซึ่งเราคาดหวังว่าในส่วนของจีอีจะได้รับการพิจารณา เนื่องด้วยศักยภาพการทำงานของเครื่องจักรดังกล่าวที่มีความสอดคล้องต่อความต้องการ ทั้งทางด้านเทคโนโลยีที่อยู่ในระดับเวิร์ลคลาส และความเชื่อมั่นจากโครงการในเฟส 1 และเฟส 2 ที่ผ่านมาซึ่งจีอีได้รับการตอบรับมากกว่า 50%” มร.คอรี่ เนลสัน กล่าว

  “สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยนั้น กว่า 30 ปีที่จีอี เอ็นเนอร์ยี ได้มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตกระแสไฟฟ้า อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ รวมถึงระบบพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย ปัจจุบันในส่วนของ จีอี เอ็นเนอร์ยี มีเครื่องผลิตไฟฟ้าแก๊สเทอร์ไบน์ที่ถูกติดตั้งอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 100 เครื่อง ซึ่งมีปริมาณกำลังการผลิตมากกว่า 8,000 MW และด้วยเศรษฐกิจที่มีความเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับนโยบายของทางภาครัฐที่ส่งเสริมในเรื่องของการพัฒนาพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ด้วยแล้วนั้น ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาทางด้านพลังงานสูง และเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียแปซิฟิค จึงนับเป็นโอกาสดีที่จีอี เอ็นเนอร์ยี จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี และสามารถเติมเต็มความต้องการทางด้านพลังงานในอนาคตของตลาดพลังงานในประเทศไทย” ผู้บริหารของจีอี เอ็นเนอร์ยี กล่าวทิ้งท้าย