เนื้อหาวันที่ : 2013-04-22 16:33:09 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 5590 views

การวัดระดับของแข็ง (Solids Level Measurement) (ตอนจบ)

ระบบการวัดระดับอย่างต่อเนื่องแบบอัลตราโซนิคเป็นเทคโนโลยีที่เสร็จสมบูรณ์แล้วในปัจจุบันนี้ระบบอัลตราโซนิค นำเสนอประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและมีความน่าเชื่อถือเนื่องจากความก้าวหน้าในเทคโนโลยี

การวัดระดับของแข็ง (Solids Level Measurement) (ตอนจบ)

ทวิช ชูเมือง

    
ระบบการวัดระดับแบบอัลตราโซนิก (Ultrasonic Level Systems)

เช่นเดียวกับระบบน้ำหนักและสายเคเบิล ระบบการวัดระดับอย่างต่อเนื่องแบบอัลตราโซนิคเป็นเทคโนโลยีที่เสร็จสมบูรณ์แล้วในปัจจุบันนี้ระบบอัลตราโซนิค นำเสนอประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและมีความน่าเชื่อถือเนื่องจากความก้าวหน้าในเทคโนโลยี ส่วนหลักเป็นการแปลงสัญญาณและเทคนิคในการประมวลผลสัญญาณที่ฝังอยู่ในอิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องมือวัดและซอฟต์แวร์ปัญหาการใช้งานโดยรวมของระบบอัลตราโซนิคไม่สามารถที่จะทำการวัดในการใช้งานกับสภาวะต่าง ๆ

ดังนี้
- สภาพที่มีฝุ่น
- ความผันผวนของความดัน
- มีการเปลี่ยนมุมของการพิงกับผนังถัง
- ขนาดอนุภาคขนาดใหญ่
- สิ่งกีดขวางภายในถัง
- การเคลือบหรือการก่อตัวของ Clumps บนพื้นผิวภายในถัง



     

     บางส่วนของสิ่งเหล่านี้เป็นเงื่อนไขที่อาจมีผลต่อวิธีสะท้อนคลื่นเสียงออกจากพื้นผิวและ/หรือให้กำเนิดสัญญาณสะท้อนที่จะเป็นหน้ากากของสัญญาณระดับจริง
 ความผันผวนของอุณหภูมิจะเป็นปัญหาสำหรับระบบอัลตราโซนิค แต่อาจจะไม่มีผลกระทบอีกต่อไปถ้าใช้งานระบบเครื่องมือวัดที่ทันสมัยซึ่งจะมีการชดเชยผลกระทบของอุณหภูมิ


 ผลตอบรับจากการใช้งานจะไม่เหมือนกับระบบน้ำหนักและสายเคเบิล มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นของผู้ใช้อัลตราโซนิคยังไม่ได้รับความพึงพอใจกับประสิทธิภาพในการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นข้างต้น ด้วยเหตุนี้จึงมีความเข้าใจในตลาดที่ว่าต้องใช้เวลาอย่างต่อเนื่องกับระบบอัลตราโซนิคเพื่อให้พวกมันทำงาน นอกจากนี้การรับรู้เป็นปกติว่าระบบอัลตราโซนิคอาจเชื่อถือไม่ได้ในสภาพที่มีฝุ่นมาก 

 
     ดังนั้นคำถามสำคัญเกี่ยวกับระดับอัลตราโซนิคระบบเป็นดังนี้
     1. วิธีการออกแบบขั้นสูงในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้งานกับปัญหาแบบเดิม ๆ 
     2. เป็นไปได้ไหมในการติดตั้งจริง ๆ แล้วไม่ต้องเข้าไปดูแลเหมือนกับที่สามารถทำได้ในเทคโนโลยีอื่น ๆ ส่วนใหญ่ใช่แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ผู้ผลิตระบบอัลตราโซนิคเชื่อว่าในปัจจุบันเป็นระบบที่เชื่อถือได้เหมือนกับเทคโนโลยีอื่น ๆ ในตลาด


     การออกแบบและการใช้งานระบบอัลตราโซนิคในปัจจุบันดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ได้อย่างไร ขั้นแรกเป็นการติดตั้งที่เหมาะสม จุดมุ่งหมายและการตั้งค่ายังคงเป็นจุดวิกฤติคงเหลือที่สำคัญเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยระบบชาญฉลาดทำให้ระบุการตั้งค่ารวมถึงไม่เพียงแต่จุดมุ่งหมายเซนเซอร์ แต่ยังต้องแสดงและการกำจัดความผิดพลาดของคลื่นเสียงสะท้อน ที่เรียกว่าการสร้างหรือการทำแผนที่ของถังและสามารถช่วยขจัดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความผิดพลาดของคลื่นเสียงสะท้อน


     ในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้งานที่มีฝุ่นมากรวมถึงการใช้ความถี่ของเซนเซอร์ต่ำลดลงถึง 5 kHz อย่างไรก็ตามวัสดุที่สามารถดูดซับความถี่ต่ำมากกว่าที่จะสะท้อนความถี่นี้ ซึ่งวิธีการนี้จึงไม่อาจจะแก้ได้อย่างอเนกประสงค์ นอกจากนี้วงจรอัตราขยายอัตโนมัติ (เปลี่ยนแปลงจำนวนของการขยายทั้งหมด) และ/หรือวงจรพลังงานอัตโนมัติ (เปลี่ยนแปลงความเข้มของความถี่) ช่วยให้ระบบอัตราโซนิคในการรักษาการวัด ถ้าเงื่อนไขของถังทำให้เกิดความแรงของสัญญาณที่สะท้อนให้จางหายในระหว่างการบรรจุหรือการถ่ายออก 


     การใช้ระบบประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ยังเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพที่สำคัญ ระบบประมวลผลสัญญาณดิจิตอล และโปรแกรมที่มีเสถียรภาพกับกระบวนการชุดคำสั่งและการวิเคราะห์ขั้นสูงเพื่อนำสัญญาณเสียงกลับและสามารถปรับ (การเพิ่มอัตราขยายและหรือพลังงาน) ตามความจำเป็นเพื่อรักษาการวัดที่เชื่อถือได้ ระบบประมวลผลสัญญาณดิจิตอลยังช่วยให้ระบบใช้เวลาบันทึกสภาพแวดล้อมในถัง บันทึกไปยังหน่วยความจำและจัดการกับมัน การกรองแบบดิจิตอลสามารถเฉลี่ยโปรไฟล์การสะท้อนเหล่านี้และกำจัดแหล่งที่มาของการรบกวนแบบสุ่มไปอย่างน่าเชื่อถือมากขึ้นในการกำหนดระดับวัสดุ

 
     จากรายละเอียดข้างต้นจะเห็นได้ว่าไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ที่เกี่ยวกับระบบระดับอัลตราโซนิคได้กำจัดปัญหาจำนวนมากโดยการออกแบบ แต่ยังคงมีความสงสัยในความเป็นไปได้ว่าปัญหาทั้งหมดโดยเฉพาะฝุ่นหนัก ซึ่งเป็นผลที่น่าพอใจกับความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีใหม่ หลายผู้ผลิตนำเสนอเทคโนโลยีระดับอื่น ๆ เช่นกันและจะไม่อนุมัติให้นำไปใช้งานหากมีเงื่อนไขการทำงานเกินกว่าขอบเขตของระบบอัลตราโซนิค 

     ดังนั้นควรมีความมั่นใจในประสิทธิภาพการทำงานที่เชื่อถือได้ของระบบอัลตราโซนิค ที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ผลิตสำหรับการใช้งานเฉพาะ สุดท้ายของคำแนะนำจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีอัลตราโซนิค ขอให้พิจารณาการจัดซื้อการให้ความช่วยเหลือที่ภาคสนาม การเริ่มต้นใช้งานควรจะได้รับคำแนะนำหรือปรับตั้งค่าจากผู้ผลิต ซึ่งจะสามารถทำให้การปรับตั้งค่าเริ่มต้นที่ราบเรียบมากขึ้นและมีความสัมพันธ์กับการบันทึกของผู้ผลิตลงในโปรแกรมหลังการขายซึ่งสามารถช่วยในการแก้ปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน 


    
ระบบการวัดระดับด้วย GWR (Guided Wave Radar)


     
     GWR มีประโยชน์มากสำหรับการใช้งานกับย่านการวัดระดับที่กว้าง ซึ่งการใช้งานเทคโนโลยีก่อนหน้านี้เป็นการยากต่อการวัดในลักษณะนี้ ข้อเสียที่สำคัญที่สุดคือของระบบ GWR จะมีเซนเซอร์ที่ต้องยื่นเข้าไปในถังที่ต้องการวัดและราคาซื้อที่สูงขึ้น


     GWR ได้รับการบอกกล่าวถึงข้อดีในการใช้งานจากปากต่อปากของผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องกับความน่าเชื่อถือในการวัดสำหรับการใช้งานที่เต็มไปด้วยฝุ่น คลื่นพลังงานเรดาร์พุ่งรวมกันและเน้นการเดินทางไปตามตัวนำคลื่น (Wave Guide) มีสัญญาณน้อยมากที่กระจายตัวออกไปขณะที่เดินทางไปยังพื้นผิวของแข็งหรือหลังจากที่มีการสะท้อนกลับ ฝุ่นไม่ได้ทำให้คลื่นพลังงานกระจายออกตามที่สามารถทำได้กับสัญญาณจากเทคโนโลยีการวัดแบบไม่สัมผัส


     ผู้ผลิตส่วนใหญ่แสดงให้เห็นว่าการออกแบบหัววัดที่เหมาะสมและมีเทคนิคการประมวลผลสัญญาณทางดิจิตอลระบบ GWR ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการเคลือบ แต่ประสิทธิภาพของระบบอาจได้รับผลกระทบหากความชื้นเกิดขึ้นและความชื้นสามารถร่วมกับฝุ่นในการสร้างการยึดติดซึ่งเป็นชนิดของสารเคลือบผิวของสื่อตัวนำไฟฟ้า ซึ่งอาจต้องมีการสอบเทียบระบบอีกครั้งหรือการทำความสะอาดตัวนำคลื่นเป็นระยะ ๆ แน่นอนว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่พบมากที่สุดสำหรับเทคโนโลยีการตรวจวัดระดับอื่น ๆ เช่นเดียวกัน สถานะการรวมกันของฝุ่นหนักและความชื้นอาจจะใช้งานกับระบบน้ำหนักสามารถทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


     การเปรียบเทียบระหว่างระบบคลื่นเรดาร์ผ่านตัวนำ GWR กับระบบคลื่นเรดาร์ผ่านอากาศ (TAR) ต่อไปนี้เป็นข้อได้เปรียบของระบบ GWR เมื่อเทียบกับระบบ TAR หรือระบบคลื่นเรดาร์ผ่านอากาศ

 
     1) ระบบ GWR มีความถูกต้องมากกว่า เพราะคลื่นเรดาร์ไม่กระจัดกระจาย อัตราส่วนของสัญญาณกับการรบกวนของคลื่นที่สะท้อนกลับจะสูงกว่าและระบบ GWR จะตรวจจับสำหรับสัญญาณการสะท้อนกลับเพียงอย่างเดียว

 
หมายเหตุ: การระบุค่าความถูกต้องจากบริษัทผู้ผลิตของระบบทั้งสองมีค่าใกล้กันมาก การกระจายสัญญาณของระบบคลื่นเรดาร์ผ่านอากาศ และการสะท้อนกลับโดยสิ่งกีดขวางสัญญาณภายในถัง รวมทั้งพื้นผิวของแข็งเป็นปัญหาของความแรงสัญญาณ ระบบคลื่นเรดาร์ผ่านอากาศ มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่แตกต่างจากคุณสมบัติของระบบ GWR ที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ชัดเจนว่าระบบ GWR จะให้ค่าความถูกต้องที่เป็นข้อได้เปรียบกว่าระบบ TAR ตามข้อ 1 เพียงอย่างเดียว


     2) ระบบ GWR ติดตั้งได้ง่ายกว่า สามารถปรับให้เข้ากับการเลือกสรรมากมายของถังและมีความสามารถในการทำงานในพื้นที่ขนาดเล็ก 


     3) การตั้งค่าสำหรับ GWR ก็สามารถทำได้ง่ายเนื่องจากมีการสะท้อนสัญญาณเพียงอย่างเดียว 
มีการนำเสนอว่าระบบคลื่นเรดาร์ผ่านอากาศต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปไปทำแผนผังของถังในระหว่างการตั้งค่า ซึ่งพบว่าการสมมุติฐานนี้ไม่เป็นความจริงสำหรับระบบทั้งหมด แต่จะนำไปใช้กับหลายระบบ


     4) GWR ใช้เวลาอ่านมากขึ้นต่อวินาที ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับกระบวนการที่มีการเติมและถ่ายออกอย่างรวดเร็ว 


      5) GWR มีความไวน้อยต่อการเคลือบผิวและการพอกพูนขึ้น 
นี้หมายถึงความจริงที่ว่าการเคลือบ, การจับกันเป็นกลุ่มก้อน (Clumps) ของวัสดุที่อยู่ด้านข้างของถัง อาจมีผลต่อการฉสะท้อนของสัญญาณระบบคลื่นเรดาร์ผ่านอากาศ เหมือนกับการวัดระดับด้วยระบบอัลตราโซนิค

 
     6) GWR สามารถวัดวัสดุที่มีค่าสื่อนำไฟฟ้าคงที่ (Dielectric Constant) ต่ำ 
  ข้อกำหนดสำหรับระบบทั้งสองมีค่าใกล้เคียงกัน แต่ระบบ GWR อาจมีประโยชน์สำหรับวัสดุที่มีค่าสื่อนำไฟฟ้าคงที่ใกล้ความต้องการขั้นต่ำสำหรับระบบคลื่นเรดาร์ผ่านอากาศ มีความสับสนบางอย่างเกี่ยวกับผลต่อการเปลี่ยนแปลงในค่าสื่อนำไฟฟ้าคงที่ที่มีต่อประสิทธิภาพของระบบ GWR ในทางทฤษฎีควรจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานตราบใดที่ค่าสื่อนำไฟฟ้าคงที่ยังคงอยู่ในค่าความต้องการขั้นต่ำ ผู้เชี่ยวชาญบางท่านกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงค่าหลังจากเริ่มต้นขึ้นอาจทำให้เกิดคลื่นเรดาร์จะเจาะลึกเข้าไปในพื้นผิวที่เป็นของแข็งก่อนที่จะสะท้อนให้เห็น อย่างไรก็ตามผู้ผลิตส่วนใหญ่จะแสดงค่าผิดพลาดใด ๆ ที่สร้างขึ้นโดยผลกระทบนี้จะเป็นค่าเล็กน้อย

 
     7)  ระบบ GWR มีความละเอียดที่ดีกว่าสำหรับย่านการวัดกว้าง ๆ
     ข้อกำหนดสำหรับทั้ง GWR และ TAR จะใกล้เคียงกันอีกครั้งอย่างไรก็ตาม จริง ๆ แล้ว TAR อาจมีประโยชน์สำหรับย่านการวัดที่กว้างในของแข็งหนัก ย่านการวัดของ GWR อาจมีข้อจำกัด เนื่องจากแรงดึงสูงสุดที่เกิดขึ้นบนตัวนำคลื่น


     8)  ระบบ GWR มีราคาซื้อต่ำกว่าระบบ TAR 
 ระบบ GWR และระบบ TAR มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน สิ่งหนึ่งอาจจะยิ่งได้เปรียบกว่าที่อื่น ๆ สำหรับการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง แต่อย่างใดอย่างหนึ่งความเชื่อถือได้ควรจะเท่ากันในการใช้งานถ้าได้รับการอนุมัติโดยผู้ผลิต


     ระบบการวัดระดับด้วยคลื่นเรดาร์ผ่านอากาศหรือ TAR (Thru-Air Radar)

 

 

     GWR เป็นระบบที่มีชิ้นส่วนไปสัมผัสกับกระบวนการอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับระบบน้ำหนักและสายเคเบิลหรือลักษณะที่ไม่สัมผัสกระบวนการของเทคโนโลยี  อื่น ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสูงของถังและน้ำหนักของวัสดุซึ่งอาจเป็นปัญหา

 
     GWR เป็นการวัดระดับอย่างต่อเนื่องที่อย่างแท้จริงซึ่งแตกต่างจากระบบน้ำหนักและสายเคเบิลและมีข้อแนะนำให้ใช้งานมากกว่าระบบน้ำหนักและสายเคเบิลเฉพาะเมื่อกระบวนการวัดมีความจำเป็นต้องอ่านค่าอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ในกรณีอื่น ๆ ให้เลือกตัวเลือกที่ประหยัดที่สุดที่เหมาะกับการประยุกต์ใช้งานตรงกับความต้องการมากที่สุด 

     
     TAR เป็นผู้บุกเบิกวิธีการใช้งานของคลื่นเรดาร์ในการวัดระดับ ในขณะที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการวัดระดับของเหลวและสารละลาย ในอดีตที่ผ่านมา กำลังจะกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับการวัดระดับฝุ่นผงและของแข็งจำนวนมากเช่นกัน 


     พลังงาน TAR มีความแตกต่างกันตามระยะที่พุ่งลงไปในถังเพื่อที่จะสะท้อนออกจากพื้นผิวของแข็ง เช่นเดียวกับระบบวัดระดับด้วยอัลตราโซนิค ผลกระทบต่อระดับสัญญาณสะท้อนและสร้างการสะท้อนภายในถัง อาจมีผลมาจากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้


- สิ่งกีดขวางภายในถัง


- การเปลี่ยนมุมของการพิง


- การพอกพูน (Clumps) ของวัสดุที่ยึดมั่นในผนังถัง


- อื่น ๆ 


     การติดตั้งที่เหมาะสมและการตั้งค่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสมรรถนะการทำงานที่ดี ระบบ TAR อนุญาตให้ผู้ใช้งานตั้งค่าแผนผังของถัง ในช่วงเริ่มต้นขึ้นเพื่อระบุและลดการสะท้อนสัญญาณที่ผิดพลาด มีผู้ผลิตบางรายให้ใช้คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปที่ติดตั้งด้วยซอฟต์แวร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตั้งค่า ซอฟต์แวร์นี้ได้รวบรวมประสบการณ์ในการใช้งานที่ได้รับทั้งหมดเพื่อให้มองเห็นระดับสัญญาณจริง เหมือนที่ระบุไว้สำหรับระบบอัลตราโซนิค ระบบ TAR มักจะใช้การประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) และเทคนิคเฉลี่ยสัญญาณเพื่อสำหรับการหาค่าสัญญาณระดับ

 
     ระบบ TAR ใช้พลังงานมากขึ้นว่าระบบ GWR ระบบ TAR มีรูปแบบขั้นพื้นฐานอยู่ 2 แบบคือ


-พัลซิ่งเรดาร์ (Pulsed Radar)


-คลื่นมอดูเลตความถี่ต่อเนื่อง หรือ FMCW (Frequency Modulated Continuous Wave)


     มีการผลิตคลื่นไฟฟ้าพลังงานสูงที่สามารถผ่านทุกสภาพแวดล้อมในถัง รวมทั้งฝุ่นไปยังพื้นผิวของแข็ง สิ่งที่จะต้องกังวลที่เป็นไปได้หากไอระเหยหรือความชื้นรวมกันเพื่อให้บรรยากาศในถังมีค่าสื่อนำไฟฟ้าคงที่สูงขึ้นกว่าค่าของวัสดุของแข็งเอง ระบบ GWR อาจต้องมีพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีคลื่นเรดาร์ที่ไม่แตกต่างหรือสร้างภาพสะท้อนเท็จและมีอัตราส่วนคลื่นสะท้อนกับสัญญาณรบกวนที่สูงขึ้นและคุณสมบัติขั้นสูงของระบบอิเล็กทรอนิคทำให้มีสมรรถนะการทำงานที่ไว้วางใจได้สำหรับหลายการใช้งาน


     ระบบ TAR อาจมีข้อเสียในวัสดุที่มีค่าสื่อนำไฟฟ้าคงที่ต่ำ ซึ่งจะทำให้สัญญาณสะท้อนปรับตัวลดลงและอาจจะจำกัดช่วงใช้งานได้ นอกจากนี้ข้อจำกัดอัตราการสุ่มตัวอย่าง เนื่องจากการประมวลผลสัญญาณพิเศษในระบบ TAR อาจมีความน่าเชื่อถือไม่เพียงพอสำหรับการวัดระดับในการใช้งานกับอัตราการบรรจุหรือการถ่ายเทที่รวดเร็ว อาจจะเป็นปัญหาในถังขนาดเล็ก แต่ไม่ปกติสำหรับสถานการณ์การจัดเก็บในความจริง


     ในขณะที่ระบบ GWR จะแนะนำสำหรับการใช้งานที่มีฝุ่น ระบบ TAR ยังสามารถใช้ได้ อย่างไรก็ตามเซนเซอร์ของระบบ TAR ไม่สามารถทำความสะอาดด้วยตนเองในสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยฝุ่น ผู้ผลิตบางรายเสนอตัวเลือก มีฝาปิดฝุ่น Teflon ความชื้นเมื่อรวมกับฝุ่นละอองทำให้เกิดยางเหนียว เคลือบติดอาจจะเป็นชนิดที่เป็นปัญหาสำหรับระบบ TAR การไล่ด้วยอากาศอาจได้รับการเสนอเป็นตัวเลือกสำหรับการเซ็นเซอร์ที่จะทำความสะอาด อย่างไรก็ตามการไล่ด้วยอากาศอาจจริง สร้างโพรงในสารเหนียวที่สร้างขึ้นแทนการไล่ออกอย่างสมบูรณ์

 
     ระบบวัดระดับด้วยเลเซอร์ 

 

จากรายละเอียด แสดงให้เห็นว่าระบบ TAR มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันและอาจจะหรืออาจจะไม่เป็นเหมือนกับระบบ GWR สำหรับบางการใช้งาน แน่นอนว่าการไม่มีส่วนยื่นไปสัมผัสกระบวนการเป็นข้อดีหลักสำหรับระบบ TAR ในการใช้งานที่สามารถขจัดความเสียหายต่อตัวนำคลื่นของระบบ GWR หรือสำหรับถังขนาดใหญ่เต็มไปด้วยวัสดุหนัก ระบบ TAR ควรทำงานได้อย่างมีความน่าเชื่อถือระดับเดียวกับระบบอื่น ๆ สำหรับการใช้งานที่ได้รับ การอนุมัติโดยผู้ผลิตและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่ตรงกับข้อดีและข้อเสีย

ระบบ TAR มีความได้เปรียบของการเป็นจริงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับระบบน้ำหนักและสายเคเบิล แต่ยังมีความรู้สึกว่าดีที่สุดของการดำเนินการคือการเลือก ตัวเลือกประหยัดที่เหมาะกับการประยุกต์ใช้และความต้องการที่สำคัญที่สุดของการใช้งาน 

 ระบบวัดระดับด้วยเลเซอร์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับย่านการวัดที่ยาวมากจะมีราคาในการจัดซื้อที่สูงมากในช่วงราคาจาก $2,500 ถึง $6,000 ถูกนำไปใช้งานหลักกับระบบวัดระดับที่ยากมากด้วยค่าใช้จ่ายของระบบการวัดที่ต่ำกว่าไม่เหมาะสม เมื่อเร็ว ๆ นี้ผู้ผลิตรายหนึ่งได้แนะนำระบบเลเซอร์ที่มีความคุ้มค่ามากขึ้น สำหรับถังขนาดเล็กที่มีฝุ่นน้อยมากโดยมีค่าใช้จ่ายในการซื้ออยู่ในช่วง $1,500 ถึง $2,000

 
     เลเซอร์เป็นลำแสงแคบ ๆ ที่ไม่กระจายในการสะท้อน ง่ายที่จะเล็งเป้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบสิ่งกีดขวางภายในถัง และง่ายต่อการตั้งค่า ระบบเลเซอร์สามารถเชื่อมต่อตรงไปยังถัง ถ้าอุณหภูมิมีค่า 150 องศาฟาเรนไฮต์หรือน้อยกว่าและความดันมีค่า 3 psig หรือน้อยกว่า สำหรับสภาพสภาวะการภายนอกค่านี้ เลเซอร์ติดตั้งอยู่นอกถังและส่งผ่านทางที่เหมาะสมติดตั้งกระจกมองเห็นในด้านบนของถัง ตัวเลือกดังกล่าวจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการจัดซื้อและติดตั้งระบบ


     ผู้ผลิตได้แสดงว่าเลเซอร์สามารถทะลุผ่านฝุ่น แต่เลนส์เลเซอร์จะต้องมีการรักษาความสะอาด ผู้ผลิตมีตัวเลือกหนึ่งสำหรับเซนเซอร์ป้องกันฝุ่นและล้างด้วยอากาศ แม้จะมีตัวเลือกดังกล่าว เลเซอร์ได้รับการแนะนำสำหรับใช้งานกับสภาวะฝุ่นปานกลางจะดีที่สุด

 
     ระบบเลเซอร์จะให้ค่าความถูกต้องสูงในการวัดระดับ ความถูกต้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับระบบอื่น ๆ ที่ระยะทางในช่วงความยาวมากกว่า 50 ฟุต 


     ระบบเลเซอร์ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้งานอย่างกว้างขวางเหมือนกับระบบเรดาร์ เนื่องจากค่าใช้จ่ายการซื้อสูง มีการนำเสนอมากขึ้นสำหรับการออกแบบที่คุ้มค่าสำหรับย่านการวัดสั้นมีข้อได้เปรียบในเชิงบวกมากมาย ควรจะส่งผลให้มีการใช้งานกว้างขึ้นกับผู้ใช้ที่อาจเกิดขึ้นและขยายการใช้งานออกไป ระบบจะไม่มีส่วนที่ยื่นเข้าไปในกระบวนการ ความถูกต้องสูงและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในระดับวัสดุ ถ้าต้องการวัดจริงอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็น ระบบนี้เป็นตัวเลือกที่ดี อย่างไรก็ตามถ้าพิจารณาในด้านของราคา ควรเลือกที่ประหยัดที่สุดตัวเลือกที่เหมาะกับการประยุกต์ใช้และความต้องการที่สำคัญที่สุด

      
     ระบบน้ำหนักแบบ Load Cell ตามรายละเอียดที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้จะติดตั้งอยู่ภายใต้โครงสร้างของถังและมีความถูกต้องสูงสุดของการวัด (? 0.2% หรือที่ดีกว่า) มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงมาก (ค่าใช้จ่ายรวมการจัดซื้อ, ติดตั้งและการสอบเทียบ) และจะถูกใช้เป็นหลักสำหรับการรับรองเพื่อการค้าหรือการตรวจสอบสินค้าภายใน (ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้การวัดมวล) หรือการใช้งานในกระบวนการรุนแรงที่การใช้งานระบบอื่น ๆ จะไม่ทำงาน ยังใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหาร, ยาและส่วนผสมคอนกรีต สำหรับการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงเหล่านี้เป็นระบบจะถูกออกแบบโดยผู้ผลิต

 
   

 

 

ระบบน้ำหนักแบบ Strain Gage เชื่อมต่อหรือโบลต์ไปยังโครงสร้างของถัง เป็นระบบที่มีค่าใช้จ่ายในการจัดหาระบบที่มีประสิทธิภาพที่มีความถูกต้องของมวลจาก 1% ถึง 5% ไม่มีความต้องการให้บริการบำรุงรักษาเป็นปีหลังจากที่มีการติดตั้งและสอบเทียบ


     ผู้ผลิตจะต้องการรายละเอียดที่สมบูรณ์ของถังเพื่อให้คำแนะนำวิธีการและตำแหน่งที่จะติดตั้งตัวเซนเซอร์ เมื่อได้จัดทำสิ่งเหล่านี้แล้วเสร็จ ระบบสามารถติดตั้งได้โดยผู้ใช้งานเอง เคล็ดลับในการสอบเทียบจริง ระบบจำเป็นต้องใช้ความเร็วในการโหลดอย่างแม่นยำไปยังถัง (อย่างใดอย่างหนึ่งผ่านทางวัสดุหรือน้ำหนัก) เพื่อกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักและความเครียดที่ส่งไปยังเซนเซอร์ 


     เนื่องจากระบบน้ำหนักแบบ Strain Gage มีต้นทุนที่ต่ำ (เมื่อเทียบกับระบบ Load Cell) ความถูกต้องในการวัดมวลและข้อดีการออกแบบทำให้มีการเปรียบเทียบมากยิ่งขึ้นกับระบบระดับในช่วงการวัดที่กว้างขึ้น เช่นในตัวอย่างก่อนหน้านี้ข้อได้เปรียบของระบบน้ำหนักเทียบกับระบบระดับจะแตกต่างกันในการนำไปใช้งานและไม่มีระบบอื่นที่ดีกว่าที่จะนำมาใช้ ขอแนะนำให้เลือกตัวเลือกที่ประหยัดที่สุดที่เหมาะกับการประยุกต์ใช้และความต้องการที่สำคัญที่สุด 


 ระบบน้ำหนักแบบ Strain Gage

 

ถึงแม้จะมีการพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้น เช่น เรดาร์และเลเซอร์หรือมีการปรับปรุงเทคโนโลยี เช่น ระบบน้ำหนักและสายเคเบิลและคลื่นความถี่เสียงก็ยังไม่มีตัวเลือกการวัดระดับโดยเฉพาะสำหรับการตรวจวัดปริมาณของแข็ง ไม่มีเทคโนโลยีอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาในทุกการใช้งานกับของแข็ง ในความเป็นจริงของการวัดระดับของแข็งยกเว้นการใช้งานในการวัดแบบที่ง่าย ๆ โดยทั่วไปการใช้งานเกือบทั้งหมดต้องการวิธีแก้ปัญหาโดยตรงจากผู้ผลิตระบบ 


     แนวทางสี่ขั้นตอนที่จะใช้ในการเลือกวิธีที่ถูกต้องสำหรับการใช้งานเป็นดังนี้

 -กำหนดความต้องการของการใช้งาน มีความสำคัญและจำเป็นอย่างไร ต้องการค่าความถูกต้องสูงหรือไม่ จัดลำดับความสำคัญของความน่าเชื่อถือและการบำรุงรักษาในรายการ ? ต้องการเป็นเพียงการเปลี่ยนกระบวนการวัดด้วยตนเองหรือต้องการค่าความถูกต้องสำหรับการวัดเพื่อการซื้อขาย ? 

- สร้างรายการชื่อของเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้งานได้อาจเกิดขึ้นจากการจับคู่กับความต้องการพร้อมกับระบุข้อดีและข้อเสียสำหรับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ได้กล่าวถึง 

- พูดคุยกับผู้ผลิตชั้นนำที่ขายเครื่องมือในรายการชื่อ จากนั้นประเมินข้อเสนอกับความต้องการและค้นหาลักษณะการใช้งานสำหรับที่คุ้มค่าสูงสุด มีการแสดงเกี่ยวกับกระบวนการเงื่อนไขข้อกำหนดของการติดตั้ง, ลักษณะของวัสดุ, ค่าความถูกต้องที่ต้องการและเป้าหมายในค่าใช้จ่าย (การจัดซื้อ, การติดตั้งและค่าใช้จ่ายในระยะยาวของการเป็นเจ้าของ) กับแต่ละผู้ผลิต ต่อไปจะเป็นการลดจำนวนรายชื่อในรายการ

- ทำการเลือกครั้งสุดท้ายจากรายชื่อผู้ผลิตและเทคโนโลยี จะมีอย่างน้อยหนึ่งรายชื่อและส่วนใหญ่เทคโนโลยีเกือบทั้งหมด สามารถประสบความสำเร็จได้รับการจับคู่กับการใช้งาน การเลือกจากรายชื่อสุดท้ายมีอิทธิพลโดยทั่วไปอย่างน้อยหนึ่งปัจจัยดังต่อไปนี้ 

 

1. ความพึงพอใจส่วนตัว (Personal Preference) ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ที่ผ่านมากับเทคโนโลยีและผู้ผลิตที่เฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตามต้องคิดไว้เสมอว่าเทคโนโลยีมีวาระการครบกำหนดแม้มีระดับความก้าวหน้าที่สำคัญในการออกแบบในปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบการออกแบบในปัจจุบันกับการออกแบบที่สามารถใช้งานได้แม้ว่าเพียง 5 ปีมาแล้ว หลายผู้ผลิตมีการออกแบบเป็นรุ่นที่สองหรือที่สาม  

ทำให้มั่นใจได้ว่าประวัติการใช้งานไม่ได้เป็นผลจากการใช้งานไม่ถูกต้องหรือใช้ผิดวัตถุประสงค์ของเทคโนโลยีหรือเพียงข้อจำกัดของการออกแบบก่อนหน้านี้ จากนั้นควรพิจารณาที่ผู้ผลิตอื่น ๆ สำหรับเทคโนโลยีหรือผู้ผลิตมีค่าใช้จ่ายไม่คุ้มค่าหรือไม่สามารถแก้ปัญหาที่ผ่านมาได้

 

 
2. การรับรู้ด้านความคงทนและความยุ่งยากที่ต้องการ สิ่งต่าง ๆ ที่ควรกำจัดดังเช่น

- การบำรุงรักษา

- การปรับเทียบใหม่

- ความยุ่งยาก

หัวข้อดังกล่าวซึ่งอาจดูเหมือนจะเป็นปัจจัยสำคัญตอนแรกในการเลือก แต่เมื่อผู้ผลิตได้อนุมัติอุปกรณ์ที่ผลิตมาเพื่อใช้สำหรับงานของที่ผู้ใช้งานกำหนดแล้วและสมมติว่ามีข้อดีข้อเสียของอุปกรณ์ตรงตามความต้องการ โปรแกรมการบำรุงรักษาไม่ควรเป็นข้อกังวลสำคัญใด ๆ ของเทคโนโลยีที่ยังคงอยู่ในรายชื่อที่แสดงไว้


3 .ความถูกต้องสูงสุด ความถูกต้องที่สูงขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ไม่ได้เป็นเปอร์เซ็นต์ที่ไม่มีนัยสำคัญของการใช้งานตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อความถูกต้องเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผลักดันในการเลือกใช้ ระบบการวัดน้ำหนักอาจจะเหมาะสมมากกว่าระบบการวัดระดับ สําหรับส่วนใหญ่ของการใช้งานอื่น ๆ เมื่อความถูกต้องไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญ ระบบการวัดระดับจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า


4 .ซึ่งไม่ว่าสุดท้ายแล้วจะเลือกเทคโนโลยีใดก็ตาม โปรดจำไว้ว่าส่วนใหญ่สิ่งที่สำคัญคือการทำตามคำแนะนำอย่างใกล้ชิดของผู้ผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ

 

เอกสารอ้างอิง
     [1] Level user guide for the instrument and project engineer in the refining industry, Emerson.
     [2] Joseph D lewis,sr. Technology review level measurement of bulk solids in Bin, silos and hoppers, December 2004.

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.

ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด