ผู้ควบคุมยานพาหนะไม่ว่าจะเป็นขบวนรถบรรทุก รถแท็กซี่ รถให้เช่า ฯลฯ ต่างสนใจเป็นอย่างยิ่งในการติดตามและตรวจหาตำแหน่งของยานพาหนะของตน บริษัทเดบีสคาร์ฟลีต (Dbis Carfleet) บริษัทในเครือของเมอร์ซีเดสยังได้ติดตั้ง "Smart" กล่องตรวจหาตำแหน่งแบบทันใจในรถยนต์ให้เช่าเป็นจำนวนหลายคัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ส่งถ่ายข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานทั้งหมดไปยังสำนักงานใหญ่ กล่องดังกล่าวประกอบด้วยตัวรับสัญญาณระบบจีพีเอส การ์ดค้นหาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และโมเด็มจีเอสเอ็ม มีราคาอยู่ในราว 1,000-2,000 ยูโร ทำให้ศูนย์ควบคุมสามารถตรวจหาตำแหน่งของรถได้โดยทันทีรวมทั้งข้อมูลด้านอื่น ๆ หากรถหยุดในบริเวณที่เสี่ยงต่ออันตราย โมเด็มจะหมุนเรียกส่งสัญญาณเตือนให้ศูนย์ควบคุมทราบ หลักการตรวจหาตำแหน่งแบบเดียวกันนี้สามารถนำไปใช้กับรถไฟลำเลียงสินค้าและรถไฟความเร็วสูงได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงการขนส่งบนท้องถนนทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถบรรทุก หรือรถไฟก็ตาม ที่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งและสื่อสาร

โครงการเอด้า (AIDA) ก่อกำเนิดขึ้นเพื่อสร้างความปลอดภัยและความสะดวกสบายในระหว่างการขับขี่บนท้องถนน โดยเสริมให้เครือข่ายการกระจายข้อมูลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยสร้างวิธีการสื่อสารกับรถยนต์แบบทันทีและเป็นเฉพาะรายบุคคล โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากบริษัทจัดการจราจรบนท้องถนน Cofiroute และ CSSIRoute และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เรโนลต์และพีเอสเอเปอโยต์ซีตรอง วัตถุประสงค์คือเพื่อให้ผู้ขับขี่รับทราบถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อาทิ อุบัติเหตุ งานก่อสร้างบนถนน สภาพอากาศที่ไม่เหมาะสม ฯลฯ

เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นการติดต่อสื่อสารระหว่างพาหนะโดยผ่านทางโครงสร้างของท้องถนนด้วยการติดตั้งระบบสัญญาณทุก ๆ 10 กิโลเมตร ตามสะพานหรือโครงเหล็กเหนือถนน ประสิทธิภาพของระบบอยู่ที่การติดตามตำแหน่งของพาหนะโดยอัตโนมัติและการใช้ประโยชน์จากรถยนต์เป็นตัวรับและส่งข้อมูลในรถยนต์โดยผ่านทางโมดูลที่ติดตั้งไว้ เมื่อรถยนต์วิ่งผ่านระบบสัญญาณไฟเหล่านี้ จะมีการส่งข้อมูลนี้ไปยังคอมพิวเตอร์กลาง หลังจากนั้นข้อมูลเหล่านี้จะถูกประมวลผลและส่งต่อไปยังรถยนต์คันถัดไป

เมื่อเดือนเมษายน 2544 ได้มีการเริ่มทดลองใช้ระบบส่งข้อมูลนี้เป็นครั้งแรก ในระยะเวลา 4 เดือนมีการติดตั้งระบบเอด้าในรถยนต์จำนวน 30 คัน ได้แก่ รุ่น 406, 206, ลากูนา และรุ่นอื่น ๆ เพื่อวิ่งผ่านทางหลวงสาย A10 ทางภาคใต้ของกรุงปารีส ตั้งแต่ด่านเก็บค่าผ่านทางที่เมืองแซงต์อาร์นูลด์ในเขตอีฟลีนส์ไปยังเมืองออร์เลอองส์ (ระยะทางประมาณ 100 กม.)

รถยนต์จะได้รับข้อมูลบนหน้าจอในรูปของไอคอนหรือข้อความสั้น เมื่อมีข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือตามที่ขอไปเกี่ยวกับสภาพการจราจร การพยากรณ์อากาศ และอื่น ๆ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปโดยอัตโนมัติและในทันที

ยุโรปมุ่งพัฒนา plastic optical fibre( POF)

ในขณะที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิต POF (plastic optical fibre) แต่กลับเป็นยุโรปที่เป็นผู้ผลักดันและพัฒนาการใช้งานใหม่ๆ และทดสอบมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าได้มีการนำ POF มาใช้ในรถยนต์ เครื่องเล่นซีดี เครื่องใช้ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมแล้วมากมาย

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญของอุตสาหกรรม POF ในยุโรป เพราะจะมีเผยแพร่การกำหนดแนวทางใหม่ของยุโรปในการทดสอบและการวัดของ POF มีการจัดตั้ง POF applications centre หรือ POFAC อย่างเป็นทางการเป็นแห่งแรกของโลก ณ นูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมัน ซึ่ง BMW ก็จะเปิดตัวรถในซีรีย์ 7 ตัวใหม่ที่มีการนำ POF มาใช้ในรถซึ่งยาวถึง 100 เมตร นอกจากนี้ยังจะมีการประชุม POF 2001 ควบคู่ไปกับการประชุมยุโรปในหัวข้อการสื่อสารทางแสง ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์อีกด้วย

POFAC กล่าวว่าได้มีการนำเอา POF มาใช้ในอุปกรณ์ส่องสว่างมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และปัจจุบันPOF ก็เป็นส่วนประกอบในเครื่องเล่นซีดีทุกเครื่องอีกด้วย อีกทั้งยังมีโครงการวิจัยต่อไปอีก แต่ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีโครงการวิจัยนำ POF ,มาใช้แทนเคเบิ้ลทองแดงในบางงานด้วย นอกจากนี้ POF ยังถูกนำไปใช้ประโยชน์มากมายในปัจจุบัน และยุโรปก็เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเทคโนโลยีทางด้านนี้

POF มีข้อดีกว่าใยแก้วตรงที่ สามารถประกอบติดตั้งด้วยราคาที่ถูกกว่า เพราะใช้เพียงขั้วต่อธรรมดา ต่อเป็นเส้นเดียวเชื่อมกับพลาสติกไฟเบอร์ ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากกว่า สามารถผลิตให้มีความหนาได้มากกว่า จึงสามารถจุข้อมูลทางแสงได้มากกว่า มีความสูญเสียทางแสงต่ำ และที่สำคัญคือทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนและข้อดีในด้านการรับแรงสั่นสะเทือนนี้เองที่ทำให้มีการนำ POF ไปใช้ในรถของเมอร์ซีเดสทั้งหมดตั้งแต่ S คลาสไปจนถึง A คลาส ใช้ POF ในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างวิทยุ ระบบคอมพิวเตอร์นำทาง เครื่องเล่นซีดี และระบบโทรศัพท์มือถือ โดยใช้ POF ไปยาวทั้งสิ้น 12 เมตร

แต่ BMW ได้ก้าวนำหน้าไดมเลอร์ไครสเลอร์ไปก้าวหนึ่ง โดย BMW เป็นจ้าวแรกที่ได้นำ POF มาใช้ในการเชื่อมโยงระบบมัลติมีเดียในรถซีรี่ส์ 7 ทั้งยังรวมไปถึงด้านความปลอดภัยอีกด้วย

โฆษกของ BMW กล่าวว่า ปัจจุบันได้ใช้ระบบบัสข้อมูล 2 ระบบ โดยระบบหนึ่งใช้สำหรับระบบมัลติมีเดียทั้ง อีกระบบหนึ่งใช้สำหรับการเชื่อมโยงเซ็นเซอร์ทั้งหมดในอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย การใช้ POF แทนทองแดงนั้นไม่ได้ทำให้ได้ผลกำไรด้านราคาเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ได้มานั้นคือมีอัตราการรับส่งข้อมูลสูง น้ำหนักโดยรวมของรถที่ลดลง ปัญหาเรื่องการจัดเก็บสายไฟไม่มี และไม่มีปัญหาเรื่องการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

อุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมันไม่เพียงแต่เป็นผู้นำในด้านการนำ POF ไปใช้งานเท่านั้น ยังเป็นผู้กำหนดแนวนโยบายมาตรฐานการทดสอบและการวัดที่เกี่ยวกับ POF อีกด้วย