คำว่า Black Belt ไม่ได้จำกัดความอยู่แต่ในวงการ Six Sigma เท่านั้น แต่ในทุกวงการของการจัดการ เริ่มมีการนำเอาตำแหน่ง Black Belt เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยในการจัดการโครงการสำหรับการเปลี่ยนแปลงองค์กรธุรกิจ
ดร.วิทยา สุหฤทดำรง |
. |
. |
Black Belt หรือที่เราเคยได้ยินกันว่า ยูโดสายดำ นั่นเอง ผมเคยได้ยินคำนี้เมื่อตอนสมัยเด็ก เคยพยายามที่จะเรียนยูโด และใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้สายดำกับเขาบ้าง ผ่านมาอีกหลายสิบปี มาได้ยินอีกทีตอนที่มีโครงการ Six Sigma ออกมา คิดว่าหลาย ๆ ท่านคงจะได้ยินคำนี้หนาหูขึ้นในวงการการจัดการธุรกิจและอุตสาหกรรม |
. |
คำว่า Black Belt นั้นไม่ได้จำกัดความอยู่แต่ในวงการ Six Sigma เท่านั้น แต่ในทุกวงการของการจัดการ เริ่มมีการนำเอาตำแหน่ง Black Belt เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยในการจัดการโครงการสำหรับการเปลี่ยนแปลงองค์กรธุรกิจ |
. |
Black Belt คือใคร ? |
หลังจากที่องค์กรได้ Champion ที่พร้อมจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงขององค์กรแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องมีทีมเฉพาะกิจส่งลงไปในพื้นที่ปฏิบัติงาน ทีมงานเหล่านั้นเราจะเรียกพวกเขาว่า Black Belt (ผมขออนุญาตใช้ทับศัพท์จะดีกว่า) ตามที่ผมเคยกล่าวไว้เสมอว่า โครงการต่าง ๆ ในด้านการจัดการในยุคปัจจุบันนั้นไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ในอดีตเราคิดกันเป็นส่วน ๆ แตกแยกย่อยออกมาเป็นเรื่องเล็ก ๆ ปัญหาย่อย ๆ |
. |
แต่ปัจจุบันความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์และองค์กรนั้นมากขึ้นตามลำดับ การดำเนินงานในการจัดการและการเปลี่ยนแปลงนั้นจะต้องดำเนินการทั่วทั้งองค์กรและจะต้องมีผลลัพธ์ออกมาในภาพรวมทั้งหมดขององค์กร Black Belt จะต้องเป็นทีมเฉพาะกิจในการเข้าไปค้นหาปัญหาและแก้ปัญหาต่าง ๆ พร้อม ๆ กันเป็นทีม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในภาพรวมในเชิงปฏิบัติการ (Operation) และเชิงการเงิน (Financial) |
. |
ด้วยหน้าที่และขอบข่ายงานที่กว้างขวางที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งองค์กรทำให้งานหน้าที่ของ Black Belt และ Champion ส่วนใหญ่นั้นจะต้องทำงานในตำแหน่งเต็มเวลา (Full Time) โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรกที่องค์กรเริ่มนำเอาแนวความคิดการเปลี่ยนแปลงมาปฏิบัติใช้โดยแนวคิด เช่น Logistics, Supply Chain, Lean, Six Sigma หรือ Lean Six Sigma |
. |
Black Belt ถ้าเปรียบเทียบในอดีตก็จะเป็นเหมือน Project Engineer ที่ดูแลโครงการย่อย ๆ ของโครงการใหญ่อีกที แต่ในมุมมองของ Black Belt นั้นมีพัฒนาการมากกว่า Project Engineer ผู้ที่เป็น Black Belt จะต้องมีบทบาทของความเป็นผู้นำทีม เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นซึ่งถูกกำหนดมาในแต่ละโครงการในระหว่างกระบวนการคัดเลือกโครงการ |
. |
ส่วน Project Engineer ในอดีตอาจจะมีบทบาทและวิธีการตามโครงการที่ออกแบบมาแล้ว แต่ Black Belt นั้นมีหน้าที่และบทบาทมากกว่า ที่สำคัญคือ Black Belt จะต้องค้นหารากของปัญหาต่าง ๆ เพื่อที่จะกำจัดปัญหาและความสูญเปล่าให้หมดไปและจะต้องทำงานร่วมกับ Champion และเจ้าของกระบวนการ (Process Owner) ในการสร้างและออกแบบกระบวนการปรับปรุงต่าง ๆ |
. |
ดังนั้น Black Belt จึงจำเป็นจะต้องมีภาวะผู้นำ (Leadership) ในการนำทีมในการปรับปรุงกระบวนการด้วยหลักการและวิธีการปรับปรุงต่าง ๆ Black Belt จะต้องกระตุ้นโน้มน้าวเพื่อจะเอาปัญญา พลังและข้อปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practices) ออกมาจากทีมงานเพื่อที่จะให้ผลลัพธ์ออกมาตามเป้าหมาย |
. |
จากประสบการณ์ที่ Black Belt ได้ทำงานร่วมกับทีมงาน พวกเขาได้ค้นพบหรือพัฒนาข้อปฏิบัติ (Best Practices) ที่ดีที่สุดในแต่ละกระบวนการเพื่อที่จะได้นำเสนอต่อ (Master Black Belt) ซึ่งจะเป็นหัวหน้าทีมของ Black Belt อีกที และ Champion เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้กันไปทั่วทั้งองค์กร |
. |
Black Belt: The Trainers |
สิ่งหนึ่งที่ Black Belt ต่างจาก Project Engineer ในอดีต คือ ความเป็นผู้ฝึกสอน (Trainer) ผู้ที่เป็น Black Belt ทุกคนส่วนมากจะต้องมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ในวิธีการต่าง ๆ หรือเครื่องมือ (Tools) ต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาในกระบวนการให้แก่ Process Owner ซึ่งในบางองค์กรจะแต่งตั้งให้เป็น Green Belt ในเรื่องแนวคิดและเรื่องราวต่าง ๆ ของวิธีการแก้ปัญหา และ Black Belt จะทำโครงการร่วมกับเจ้าของกระบวนการในช่วงแรก Black Belt จะมีบทบาทมาก |
. |
แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งบทบาทในโครงการนั้นจะบรรลุผลสำเร็จได้ก็มาจากความเป็นผู้นำและการบริหารจัดการโครงการของ Black Belt และการทำงานร่วมกับเจ้าของกระบวนการ ดังนั้นจุดสำคัญของความเป็น Black Belt ก็คือการปลูกฝังแนวคิดไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Lean Six Sigma หรือ Supply Chain |
. |
และประเด็นในการปรับปรุงกระบวนการธุรกิจต่าง ๆ ให้กับผู้ร่วมทีมทุกคน และนำพาพวกเขาผ่านกระบวนการการเรียนรู้ ในวิธีการและขั้นตอนต่าง ๆ Black Belt จะสั่งสมประสบการณ์ในการเป็นผู้นำโครงการต่าง ๆ หลายโครงการทั้งระยะสั้นและระยะยาว จนถึงระยะเวลาหนึ่งจึงกลับเข้าไปทำงานตามสายงานด้วยประสบการณ์จากการทำงานในโครงการต่าง ๆ |
. |
การฝึกอบรม Black Belt |
Black Belt ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมากในการผลักดันโครงการปรับปรุงกระบวนการขององค์กร ดังนั้นบุคคลที่จะเป็นตัวจักรสำคัญของโครงการจะต้องถูกฝึกอบรมมาอย่างเข้มข้น โดยมีแนวคิดของการฝึกอบรมดังนี้ 1) การฝึกอบรมในห้องเรียนประมาณ 5-6 สัปดาห์ (แล้วแต่ลักษณะของกลยุทธ์และเครื่องมือที่ใช้เช่น Lean Six Sigma และ Supply Chain) |
. |
สัปดาห์แรกจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับภาวะความเป็นผู้นำ สี่สัปดาห์ต่อมาก็จะเป็นเนื้อหาในแนวคิดการปรับปรุงการจัดการและกลุ่มของเครื่องมือที่ใช้ อาจจะเพิ่มเติมตัวในรายละเอียดที่ลึกลงไปอีก การฝึกอบรมนั้นควรจะเต็มไปด้วย การสาธิต การจำลองสถานการณ์ การปฏิบัติของผู้รักการอบรม และการลงมือทำ |
. |
2) ผู้เชี่ยวชาญจะคอยเป็นพี่เลี้ยง เป็นการทำงานกันแบบตัวต่อตัว หรือเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ในการดำเนินงานโครงการที่ได้เลือกขึ้นมา เพื่อที่จะได้ฝึกในการมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการ 3) Black Belt แต่ละคนจะได้รับการทดสอบจากการดำเนินโครงการ (ทำโปรเจ็กต์) และได้รับคำแนะนำจากผู้ฝึกอบรมจากประสิทธิผลของการเรียนรู้จากการดำเนินโครงการ |
. |
หลังจากผ่านการฝึกอบรมและผ่านการทดสอบจากการดำเนินโครงการแล้ว Black Belt ก็จะได้รับการรับรอง (Certified) ตรงนี้อาจจะมีคำถามว่า แล้วใครจะเป็นคนรับรอง มีสถาบันไหนบ้างที่จะรับรอง บริษัทต่าง ๆ รับรองเองได้ไหม |
. |
ผมคิดว่าจะต้องมองว่าทั้ง Supply Chain Lean Six Sigma นั้นเป็น Industry Model ซึ่งเกิดขึ้นจากการการริเริ่มจากวงการธุรกิจอุตสาหกรรม Model แบบนี้มีข้อแตกต่างจากการรับรอง ISO ทั้งหลายที่จะต้องมีสถาบันรับรอง (Certified Body) หรือผู้ตรวจรับรอง |
. |
ตามความเข้าใจของผมเองนั้นคิดว่าการรับรอง Black Belt และการรับรอง ISO นั้นต่างกัน เพราะแก่นของการรับรอง ISO ต่าง ๆ นั้นเหมือนกับเป็นการตรวจสอบข้อบังคับที่ทุกองค์กรต้องมี จะต้องมีการปฏิบัติใช้อยู่ในองค์กร จะต้องมีขั้นตอนต่าง ๆ ตามที่กล่าวไว้ในข้อกำหนด เพื่อเป็นการประกันในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย |
. |
และประเด็นอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานต่าง ๆ เพื่อให้บุคคลที่สาม หรือบุคคลอื่น ๆ ที่จะมาเกี่ยวข้องได้รับรู้ว่าองค์กรแห่งนี้มีกิจกรรมหรือคุณสมบัติตามข้อกำหนด ทำให้ไม่จำเป็นจะต้องมาเช็คตรวจสอบกันอีก ผู้ที่จะเข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียนั้นสามารถมั่นใจได้เพราะมีบุคคลที่สาม คือ สถาบันรับรองให้การรับรอง แล้วมาตรฐานเหล่านี้บอกไว้แค่นี้จริงหรือ |
. |
ที่จริงแล้วผมมองว่าก็เหมือนกับตราหรือเครื่องหมายว่าลงทะเบียนแล้วก็เท่านั้นเอง แต่ก็ยังไม่ได้บอกถึงประสิทธิภาพขององค์กร ผมอาจจะเปรียบเทียบได้ว่า คุณอาจจะพบคนที่ถือหนังสือเดินทางไทยแต่พูดภาษาไทยไม่ได้ก็ได้ |
. |
ส่วนการรับรอง Black Belt นั้น เขาดูเรื่องอะไรกันบ้าง ? สำหรับ Black Belt นั้นเหมือนเป็นประกาศนียบัตรรับรองความสามารถของบุคคล ซึ่งใคร ๆ ก็สามารถออกให้ได้ไม่ว่าจะเป็นบริษัท มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่บริษัทฝึกอบรมหรือบริษัทที่ปรึกษา ไม่เกี่ยวกับสถาบันวิชาการ มหาวิทยาลัย แต่ขึ้นอยู่กับผู้ให้การรับรองนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือมีชื่อเสียงในเรื่องนั้นมากเท่าไหร่ |
. |
ถ้าคุณเป็น Black Belt ที่มาจากบริษัทชั้นนำของโลกและทำโครงการมามากจนบริษัทประสบผลสำเร็จในวงการธุรกิจ คุณก็จะได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่าคนที่เป็น Black Belt ที่มาจากบริษัทเล็กหรือไม่กับการรับรองมาจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียง คุณก็จะได้รับความน่าเชื่อถือน้อยกว่า ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้เป็นการประกันผลลัพธ์ของการดำเนินงานของ Black Belt เหมือนกับว่าคนจบปริญญาทุกคนไม่ใช่จะทำงานได้ผลทุกคน |
. |
เรื่องนี้เป็นสัจธรรมในวงการจัดการทรัพยากรมนุษย์ แต่การรับรอง Black Belt หรือใบปริญญาก็สามารถช่วยคัดเลือกบุคคลได้บ้างในขั้นแรก ขั้นตอนต่อไปก็ต้องลองร่วมงานและพิสูจน์ฝีมือกันดู บางคนเพียงแค่ต้องการเพิ่มค่าตัวให้กับตัวเองก็เลยต้องไปฝึกอบรมเป็น Black Belt กับสถาบันที่มีชื่อเสียง |
. |
ผมว่าก็ไม่ผิดหรอก เขาได้ความรู้ด้วย ทุกคนได้ประโยชน์ นั่นคือธุรกิจที่เกิดขึ้นสำหรับการให้การรับรอง ผมเคยเห็นคำกล่าวสำหรับความเป็น Black Belt ว่า คุณต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง เพราะมันหาซื้อกันไม่ได้ |
. |
การคัดเลือก Black Belt |
Black Belt นั้นถือว่าเป็นยอดฝีมือแถวหน้าขององค์กรในการจัดการความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นทุกคนคงไม่สามารถเป็น Black Belt ได้ การคัดเลือกคนที่ดีที่สุดในกลุ่มแรกที่ดำเนินโครงการนั้นจะมีผลกระทบต่อองค์กรอย่างยิ่ง ถ้า Black Belt กลุ่มแรกสามารถดำเนินการได้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ก็ยังเป็นการสร้างความมั่นใจในที่จะพัฒนา Black Belt ในรุ่นต่อ ๆ มาอีก |
. |
หลังจาก Black Belt ในแต่ละคนหมดวาระลง พวกเขาก็ยังจะมีอนาคตที่ดีในองค์กรเหล่านั้น เพราะได้ฝึกภาวะความเป็นผู้นำมาในโครงการการปรับปรุงต่าง ๆ Black Belt หลายคนพอหมดวาระลง กลับเข้าสู่สายงานปกติในตำแหน่งและผลตอบแทนที่สูงขึ้น |
. |
หลักเกณฑ์พื้นฐานในการคัดเลือก Black Belt คือ ต้องมีความปรารถนาในการทำงานชิ้นนี้และมีคุณสมบัติส่วนตัว เช่น ความชำนาญ ความรู้ และความสามารถในการเป็น Black Belt คุณสมบัติที่สำคัญของ Black Belt ก็คือลักษณะความเป็นผู้นำในตัวบุคคลนั้น เพราะการที่จะเข้าสู่การเป็น Black Belt ไม่ใช่เป็นการบังคับหรือเป็นวาระที่แต่ละคนจะต้องมาเป็น |
. |
แต่ในทางตรงกันข้ามการที่จะเป็น Black Belt ได้นั้นมันเป็นการสร้างโอกาสและการหาโอกาสมากกว่า ดังนั้นบุคคลที่มีศักยภาพและความตั้งใจในการเปลี่ยนแปลงทั้งตัวเองและองค์กร |
. |
พื้นฐานแรกของ Black Belt ที่จะต้องเผชิญคือ การเปลี่ยนแปลงชีวิตการทำงานจากเดิมที่เป็นงาน Routine ประจำวัน กลายมาเป็นงานโครงการที่หวังผลลัพธ์ที่เป็นเลิศทางการดำเนินงานและทางด้านการเงิน เมื่อออกมาเป็น Black Belt แล้วคุณจะเป็นนายของตัวเองจะต้องหาอาวุธหรือเครื่องมือติดตัว |
. |
ดังนั้นด่านแรกของการเป็น Black Belt คือ จะต้องกลับเข้ามาเป็นนักเรียนอีกครั้งหนึ่งจึงทำให้คุณสมบัติของการเป็นคนที่เรียนรู้ได้ไวเป็นคุณสมบัติที่สำคัญ ในระหว่างการฝึกอบรม Black Belt นั้นจะมีการทดสอบในการทำโครงการ (Project) ต่าง ๆ ด้วย คุณสมบัติอีกอย่างของความเป็น Black Belt ก็คือ การมุ่งหวังให้เกิดผลสัมฤทธิ์ |
. |
เพราะผลดีผลเสียของโครงการนั้นอยู่ในมือของ Black Belt แต่เป็นไปตามสายงานปกตินั้นจะดูไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไหร่ เพราะงานก็ไหลไปตาม Workflow ขององค์กรปกติที่มีการควบคุมอยู่แต่เป็นงานของ Black Belt นั้นถือเป็นงานสร้างสรรค์หรือเป็นนวัตกรรมย่อย ๆ ภายในองค์กร เพราะเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสามารถทำกำไรให้กับองค์กรได้ด้วย |
. |
Black Belt นั้นจะต้องทำงานร่วมกับคนในพื้นที่ปฏิบัติงาน เช่น เจ้าของกระบวนการ และเจ้าหน้าที่จากฝ่ายการเงิน เพื่อประเมินผลสำเร็จทางด้านการเงิน ดังนั้นการทำงานร่วมกันการแบ่งปันความรู้และทรัพยากรกันระหว่างทีมงานและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงเป็นคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้โครงการสามารถดำเนินงานไปได้ |
. |
เมื่อโครงการเริ่มขึ้นแล้ว Black Belt จะต้องใช้ภาวะผู้นำในการนำทีมบริหารโครงการ ทำการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และจัดทำโครงการปรับปรุงขึ้น Black Belt ก็จะต้องสวมวิญญาณครูเป็นผู้ฝึกสอนความรู้และเครื่องมือต่าง ๆ พร้อมทั้งการเป็นพี่เลี้ยงให้กับทีมในโครงการด้วย ดังนั้นความรู้ทางด้านการวิเคราะห์ปัญหาและการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในแต่ละปัญหาจึงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของ Black Belt |
. |
สรุป |
Black Belt อาจจะเป็นตำแหน่งที่ดูทันสมัย แต่การที่จะได้ทำงานในตำแหน่งหรือชื่อเรียกนี้ได้อย่างเต็มที่ตามความคาดหวังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ ทุกคนจะต้องได้รับการฝึกฝน ผมสังเกตดูจะคล้าย ๆ กับเป็นเหมือนการเรียนในโรงเรียนเสนาธิการของทหารของเหล่าทัพ เพื่อเพิ่มพูนความรู้นั้นมาพัฒนากรมกอง Black Belt ก็น่าจะคล้าย ๆ กัน ยิ่งถ้าบุคคลใด ผ่านการเป็น Black Belt มาก่อน ก็สามารถการันตี ในความสามารถที่กล่าวมา |
. |
ดังนั้นเมื่อ Black Belt ออกจากงานประจำ เปลี่ยนหัวโขนใหม่ มาลงทำงานโครงการเต็มเวลา เมื่อกลับเข้าไปทำงานประจำแล้ว ส่วนใหญ่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่สูงกว่าหรือไม่ก็ถูกซื้อตัวไปทำงานให้องค์กรอื่น ๆ แล้วคุณล่ะครับพร้อมที่จะเป็น Black Belt หรือ Enterprise Black Belt ขององค์กรของคุณแล้วหรือยัง |
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.
ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด