ตัวแทนบริษัท เอบีบี จำกัด ได้มีโอกาสต้อนรับคณะ Korean Standards Association กลุ่มบริษัทสมาชิกที่ดำเนินงานด้านวิศวกรรมในประเทศเกาหลี พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการคุณภาพ การผลิตสินค้า การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และงานด้านการซ่อมบำรุงของบริษัท ณ โรงงานบางปู จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีผู้แทนแต่ละโรงงานนำชมกระบวนการผลิตภายหลังการแนะนำข้อมูล
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค โดย นายทวี อนันต์รักษ์ (ซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ชไนเดอร์ อิเล็ค ทริค ประเทศไทยรับโล่ประกาศเกียรติคุณในฐานะสถานประกอบกิจการดีเด่น ด้านการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน กรณีให้การสนับสนุน บริจาคเครื่องมือ วัสดุ และงบประมาณ ในการพัฒนาฝีมือแรงงานให้แก่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ประจำปี 2558 จาก พลเอกศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่กระทรวงแรงงาน เมื่อเร็ว ๆ นี้
นายธวิช จารุวจนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงานฉลองครบรอบ 30 ปี ให้กับพนักงานและบริษัทในเครือ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2559 ณ Event Hall 107 ไบเทค บางนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พนักงานและผู้บริหารได้ร่วมกิจกรรมเพื่อสร้างความผูกพันภายในองค์กร และรับทราบความเป็นมาของการก่อตั้งบริษัทฯ ตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น และพร้อมที่จะเติบโตไปพร้อมกับบริษัทฯ ภายในงาน ยังมีการบรรยายพิเศษจากวิทยากรรับเชิญ และเพลิดเพลินกับคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง โดยพนักงานและผู้บริหารตลอดจนแขกรับเชิญพิเศษเข้าร่วมงานครั้งนี้เกือบหนึ่งพันคน
สุรพงษ์ จำจด (ขวา) เลขาธิการ กศน. มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ภาคีเครือข่ายดีเด่นระดับจังหวัด ประเภทองค์กรเอกชน รางวัลที่ 2 แก่ ดร.วีรณัฐ โรจนประภา ผู้ก่อตั้งมูลนิธิบ้านอารีย์ และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ภาคีเครือข่ายดีเด่นระดับจังหวัด ประเภทองค์กรนอกภาครัฐ (NGO) รางวัลที่ 1 แก่สมาคมบ้านปันรัก ในงานประกาศผลการคัดเลือกบุคลากร/หน่วยงาน/สถานศึกษา/เครือข่าย ที่จัดและหรือสนับสนุน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ดีเด่น ประจำปี 2559 ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ
กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย โดยนายพรวุฒิ สารสิน (ซ้ายสุด) ประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด เปิดตัว โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจเกษตรกรสตรีชาวไร่อ้อย ร่วมกับ กลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง โดย ดร.ณัฐพล อัษฎาธร (ขวาสุด) กรรมการบริหาร และ สถาบันคีนันแห่งเอเซีย โดย นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ (ที่ 2 จากขวา) ประธานอำนวยการและรองประธานกรรมการ ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม โดยนายสมศักดิ์ จันทรรวงทอง (ที่ 3 จากขวา) เลขาธิการ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรสตรีชาวไร่อ้อย 600 คน ในห่วงโซ่คุณค่าหรือแวลูเชนของโคคา-โคลา ภายในโครงการนำร่อง 1 ปี ผ่านหลักสูตรการบริหารจัดการการเงินและทำการเกษตรอย่างยั่งยืน
บริษัท อีทีเค อีเอ็มเอส เอเชีย โปรดักชั่นส์ จำกัด ผู้ผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก จัดพิธีเปิดโรงงานแห่งใหม่ขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) โดยฐานการผลิตแห่งใหม่นี้จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมมอบบริการคุณภาพสูงให้แก่ลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลก โดย คุณสุชาดา ลิ้มพรภักดี (ที่ 3 จากขวา) ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) มอบพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แก่ มร. ทอร์เบน ซี.เวนเดลโบ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีทีเค อีเอ็มเอส เอเชีย โปรดักชั่นส์ จำกัด โดยมี มร. ทอร์เบน เดรเยอร์ (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และ มร.โทมัส วินเทอร์ (ขวาสุด) ประธานบริษัท ที่เดินทางมาจากสำนักงานใหญ่ในประเทศเดนมาร์ก ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดโรงงานแห่งใหม่นี้ด้วย
ในย่างก้าวที่การพัฒนาสู่ประเทศไทย 4.0 ซึ่งขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและองค์ความรู้ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) นำโดย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายก วสท. รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ เลขาธิการ นางสาวบุษกร แสนสุข ประธานสาขาวิศวกรรมความปลอดภัย ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) แถลงเปิดตัวเตรียมจัดงาน วิศวกรรมแห่งชาติ 59 ( National Engineering 2016) ซึ่งเป็นนิทรรศการและสัมมนาใหญ่แห่งปีภายใต้ธีม วิศวกรรมกับความปลอดภัยสาธารณะ ในวันที่ 25-26 พ.ย.2559 ณ โซนเอและห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายแจ็ค จุนผิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ควายทอง นิว เอเนอร์จี จำกัด, นายเจี่ยง กัวชิง ประธาน บริษัท ฉงชิ้ง รุ่ยหยาง นิว เอเนอร์จี ออโตโมบิล จำกัด, นายสัก กอแสงเรือง ประธาน บริษัท ควายทอง มอเตอร์ จำกัด และ นายจาง ควายทอง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน บริษัท ควายทอง นิว เอเนอร์จี จำกัด ร่วมเปิดตัว บริษัท ควายทอง นิว เอเนอร์จี จำกัด และรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ประเภทจักรยานยนต์สองล้อและจักรยานยนต์สามล้อ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน สมรรถนะสูง ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ ควายทอง สำหรับส่งเสริมอาชีพให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ณ บริษัท ควายทอง นิว เอเนอร์จี จำกัด อาคารไซเบอร์เวิลด์ ทาวเวอร์ เอ
รศ.ดร.คมสัน มาลีสี คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. พร้อมด้วย คุณสิริพรรณ ลิขิตวิวัฒน์ รองอธิบดี กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ดร.สำราญ ชูดวงเงิน นายกสมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่น ในพระบรมราชูปถัมภ์ คุณสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและ คุณโทรุ ซาซากิ กรรมการผู้จัดการ บ.เอมเจเซอวิส (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนทางด้านการศึกษาและธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น เพื่อผนึกกำลังร่วมผลักดันความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน ระหว่างธุรกิจ SME ไทย และญี่ปุ่น ณ ห้องประชุม 206 ตึกเฉลิมพระเกียรติ (HM) คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. เปิดตัวงานแรกด้วย Japan-Thai Business Expo in Thailand 2016 วันที่ 1 - 4 กันยายน 2559 โดยจัดร่วมกับงาน Engineering Expo 2016 (วิศว'59)
คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ หรือ ซิป้า นำโดย นายศุภชัย จงศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ ร่วมแสดงความยินดีกับ นายมีธรรม ณ ระนอง เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานฯ คนใหม่ หลังจากนายปริญญา กระจ่างมล รองผู้อำนวยการสำนักงานฯ ได้เกษียณอายุราชการไปเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งนี้นายศุภชัย ได้กล่าวให้กำลังใจและแสดงความยินดี ว่า ต่อไปการทำงานของซิป้าจะได้ขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะได้คนมีความรู้ความสามารถอย่างนายมีธรรมร่วมเป็นกำลังสำคัญและขอให้ชาวซิป้าทุกคนทำงานกันเหมือนพี่น้องต่อไป เพื่อผลักดันพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยให้ก้าวไกล
สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำคณะนิสิตที่กำลังศึกษาวิชา MGMT D55-Information Technology ของหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) พร้อมเจ้าหน้าที่สถาบันฯ รวม 40 คน เข้ารับฟ้งการบรรยายในหัวข้อ Digital Business พร้อมเข้าเยี่ยมชม PageWide Technology Center ศูนย์สาธิตเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของบริษัทฯ โดยมี นางเนาวนิจ หลิมประเสริฐศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลือง บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2559 สำหรับท่านที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ PageWide Technology Center กรุณาติดต่อ กลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลือง โทร.1640 www.metro-oa.com
นายอภิจิณ โชติกเสถียร รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (คนกลาง) เปิดกิจกรรม ประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียต่อร่างประกาศเพื่อควบคุม กำกับ ดูแล การลด และเลิกใช้ไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFCs) ของประเทศไทย เพื่อนำความคิดเห็นไปพิจารณาปรับแก้ร่างประกาศดังกล่าวให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรมโกลเด้นทิวลิป พระราม 9 กรุงเทพฯ
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (คนกลาง) พร้อมด้วย นายชาติ หงส์เทียมจันทร์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (ที่3 จากซ้าย) และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเปิดงาน Industrial Supply Chain Logistics Conference 2016 กิจกรรมสัมมนาด้านซัพพลายเชนโลจิสติกส์ครบวงจรประจำปี 2559สำหรับกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ หรือกิจกรรมต่างๆ ของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สามารถติดตามข่าวสาร กิจกรรม รวมถึงโครงการต่าง ๆ ได้ที่ เว็บไซต์ www.dpim.go.th หรือ www.facebook.com/prdpim
นายเกียรติศักดิ์ จันทรา (กลาง) วิศวกรใหญ่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา จีดีเอสเอฟและสมาโฮมไทยแลนด์ 2016 (GDSF and SMAhome Thailand 2016 by Secutech) พร้อมด้วย นายนิคม เลิศมัลลิกาพร (ที่ 2 จากซ้าย ) ประธานบริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี. จำกัด และ คุณเวโรนิกา เฉิน (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการกลุ่ม บริษัท เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต นิว เอร่า บิสิเนส มีเดีย จำกัด และผู้บริหารจากหน่วยงานผู้สนับสนุนได้แก่ ดร.วัลลภ กิ่งชาญศิลป์ (ที่ 3 จากขวา) ประธานสมาคมรักษาความปลอดภัยภาคพื้นเอเชีย และ นายวสวัตติ์ กฤษศิริธีรภาคย์ (ขวาสุด) นายกสมาคมผู้ตรวจสอบและบริหารความปลอดภัยอาคาร ณ ฮอลล์ 102 ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา
โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา นำโดย ผศ.นพปฎล สุวัจนานนท์ รองผู้จัดการ ประชุมความร่วมมือกับสมาคมการค้าธุรกิจในแม่น้ำเจ้าพระยา นำโดย นาวาโท ปริญญา รักวาทิน นายกสมาคมและคณะกรรมการ ณ ห้องประชุมเมียนมาร์ โรงแรมชางกรีลา เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นการพัฒนาพื้นที่ริมฝั่ง โครงข่ายสนับสนุนระบบขนส่งทางราง การเชื่อมต่อเข้าถึงแม่น้ำและทางเดินสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ตลอดแม่น้ำ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม พร้อมข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการ
นางสาวดาลัดย์ ทรัพย์ทวีชัยกุล กรรมการผู้อำนวยการ (ที่ 3 จากซ้าย), นายศุภกิจ ติยะวัชรพงศ์ กรรมการผู้จัดการสายธุรกิจผู้แทนจำหน่ายและบริการระบบคอมพิวเตอร์องค์กร (ที่ 2 จากซ้าย), นายวีระวงศ์ เหมจั่นเพ็ชร ผู้จัดการฝ่ายขาย (ที่ 1 จากซ้าย) และ นายปรีชา ชุณหวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจการค้าและบริการ บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด (ที่ 6 จากซ้าย) ร่วมกับ นายแอนดรู ยง ผู้จัดการทั่วไป - เอเชียแปซิฟิก (ที่ 4 จากซ้าย) และ นายวี มิน ตัน ผู้จัดการส่วนภูมิภาค บริษัท เล็กซ์มาร์ก อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (ที่ 5 จากซ้าย) ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรทางการค้าระหว่างกัน โดยให้ บริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Lexmark ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
นางสาวรำภา คำหอมรื่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และรองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (บีเจซี) เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับมอบรางวัล Thailand’s Top Corporate Brand 2016 จาก ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานในพิธี โดยรางวัลดังกล่าว เป็นเกียรติคุณที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มอบให้แก่องค์กรเอกชนที่มีศักยภาพ ธรรมาภิบาล และมูลค่า แบรนด์องค์กรสูงสุดจาก 17 หมวดธุรกิจในประเทศไทยในปี 2559 โดยบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เป็นห้างค้าปลีกห้างเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้
มร.เทอร์รี่ แบล็คเบิร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้กูรู อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 4 จากซ้าย) แถลงข่าวงาน Thailand Property Awards ครั้งที่ 11 ออสการ์แห่งอสังหาฯ ไทย โดยมี 59 บริษัทอสังหาฯ เข้าร่วมชิงรางวัล กับ จำนวน 214 โครงการ ที่มีสิทธิ์ลุ้น 34 ประเภทรางวัล โดยจะมีการประกาศผลในงานกาล่า ดินเนอร์ ในวันที่ 22 กันยายนศกนี้ ที่ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี อะ รอยัล เมอริเดียน
บริษัท จีโนล กรุ๊ป ซีที อิเล็คทริคฟิเคชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างชั้นนำ ของประเทศไทยภายใต้แบรนด์ CT.ELECTRIC และ GINOLR โดย มร.เจ๊า จิง หยี่ ประธาน บริษัท จีโนล กรุ๊ป ซีที อิเล็คทริคฟิเคชั่น จำกัด พร้อมด้วย นายคมกฤช อภิธารานนท์ ผู้จัดการฝ่ายโครงการ นำทีมงานร่วมงานแสดงสินค้า Thailand Lighting Fair 2016 งานแสดงนวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างที่ครบวงจรที่สุดในอาเซียน ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ในงานจีโนลกรุ๊ปฯ นำแบรนด์ GINOLR เข้าร่วมงานบนพื้นที่ 27 ตร.ม. ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมไฟฟ้าและแสงสว่างใหม่ ๆ อย่างครบครัน โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาการออกแบบระบบไฟฟ้าและแสงสว่างที่เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท ตลอดงานมีผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมบูธเกินความคาดหมาย โดยส่วนใหญ่จะให้ความสนใจเรื่องของการออกแบบระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง รวมทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์แบรนด์ GINOLR แบบครบวงจร
ดร.วิโรจน์ กุศลมโนมัย (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานชมรมผู้ผลิตรถ 3 ล้อ และรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย นำทีมผู้ผลิตและผู้ประกอบการ เข้าหารือแนวทางการจดทะเบียนรถ 3 ล้อบรรทุก เครื่องยนต์เบนซิน และรถ 3 ล้อไฟฟ้า กับกระทรวงคมนาคม โดยมี นายออมสิน ชีวพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายณันทพงศ์ เชิดชู รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมหารือ ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันคือให้สามารถจดทะเบียนได้ตั้งแต่เครื่องยนต์ 125–660 ซีซี และรถสามล้อไฟฟ้าที่ไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ เพื่อส่งเสริมการค้าของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า ณ สำนักปลัดกระทรวงคมนาคม ราชดำเนินนอก
นายอรพงศ์ เทียนเงิน (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ (ที่ 2 จากซ้าย) เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในนามคณะกรรมการสานพลังประชารัฐ ด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพ โดยไมโครซอฟท์จะสนับสนุนศูนย์การเรียนรู้และสร้างโอกาสทางอาชีพบนคลาวด์ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 105 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อใช้พัฒนาอาชีวะ โดยมี พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ (ที่ 3 จากซ้าย) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หัวหน้าทีมภาครัฐ คณะกรรมการสานพลังประชารัฐ ด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพ เป็นประธานในพิธี และ นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส (ที่ 3 จากขวา) หัวหน้าทีมภาคเอกชนฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน
นางเนาวนิจ หลิมประเสริฐศิริ (ที่ 3 จากซ้าย) พร้อมด้วย นายกฤษฎา พันธุ์ลำใย (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลือง บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ นายชัยศิริ ยลยินประเสริฐ (ที่ 5 จากซ้าย) IT Manager และ ทีมงานแผนกจัดซื้อ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด ในโอกาสเข้าประเมิน Vender ประจำปี และ เยี่ยมชม PageWide Technology Center ศูนย์สาธิตเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์เอชพีใหม่ล่าสุดของบริษัทฯ ณ สำนักงานใหญ่ เพื่อตอกย้ำความมั่นใจในการทำธุรกิจร่วมกัน
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมด้านเกี่ยวกับพลังงาน รับรางวัล Prime Minister's Export Award 2016รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยม จาก นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งในอดีต ถิรไทย เคยได้รับรางวัล นี้ มาแล้ว 2 ครั้งคือในปี ค.ศ.1999 และค.ศ.2008 บอกถึง ถิรไทย มีศักยภาพในแข่งขันได้ในตลาดการค้าโลกด้วยคุณภาพสินค้า และบริการในมาตรฐานสากล ที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลไทย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายแจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ (ขวา) ประธานมูลนิธิสร้างเสริมไทย รับมอบเงินจาก นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 1 แสนบาท เพื่อสนับสนุนการประกวดวาดภาพในโครงการการ์ดนี้เพื่อน้องครั้งที่ 14 ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมที่ทางเอปสันให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้เป็นการประกวดวาดภาพภายใต้หัวข้อ มองมุมใหม่ บนโลกใบเดิม เพื่อเปิดเวทีให้กับน้องๆผู้ด้อยโอกาสจากมูลนิธิและสถานสงเคราะห์ต่างๆทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ได้มีโอกาสออกมาแสดงความสามารถทางด้านศิลปะผ่านดินสอ สีไม้ ปลายพู่กัน ตามแต่จินตนาการเพื่อสะท้อนมุมมองต่อโลกและสังคม โดยภายในงานเอปสันยังเปิดบูธขนมและกิจกรรมถ่ายรูป พร้อมพิมพ์ภาพให้น้อง ๆ ที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้เป็นที่ระลึกอีกด้วย
นายสุธน บุญประสงค์ (ที่ 5 จากซ้าย) รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ นางปรียนาถ สุนทรวาทะ (ที่ 4 จากซ้าย) นายกสมาคมผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมเป็นประธานเปิดงานสัมมนา ร้อยใจผู้ผลิตไฟฟ้าไทย ปี 2559 พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (Independent Power Producer: IPP) และ ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer: SPP) เข้าร่วมสัมมนาอย่างคับคั่ง ณ โรงแรมดุสิตธานี อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้
นายวีรพันธ์ อังสุมาลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร รับมอบสัญลักษณ์เครื่องหมายร้านค้า มอก. จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อรับรองมาตรฐานสินค้าภายในร้านว่ามีคุณภาพตรงตามมาตรฐาน มีราคาที่เหมาะสม และปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน โดยมี นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติมอบสัญลักษณ์ ณ โรงแรมเดอะเบอร์เคลียร์ ประตูน้ำ
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรกว่า 30 หน่วยงาน เปิดงานมหกรรม Thailand Tech Show 2016 ระหว่างวันที่ 8 - 10 กันยายน 2559 ภายใต้แนวคิด S&T for Thailand 4.0 เพื่อเป็นเวทีกลางนำเสนอและเผยแพร่ผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมของ สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร เชื่อมโยงผลงานวิจัยจากหิ้งสู่ห้าง ให้ผู้ประกอบการและนักลงทุน ได้พบปะจับคู่ธุรกิจและร่วมลงทุนต่อยอดจาก ผลงานวิจัยที่ใช้ได้จริง นำไปผลิตและขายในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยผู้ที่ร่วมลงทุนต่อยอดงานวิจัยในงานนี้ ยังรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุดถึง 300 เปอร์เซ็นต์ ตามนโยบายรัฐบาลอีกด้วย
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่ากากรระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง Japan Thailand Innovation Support Network: JTIS และ Thailand Tech Start up: TTSA ในเรื่อง Energize Japan-Thai Startup Ecosystem เพื่อสนับสนุนนโยบายสตาร์ทอัพในไทยโดยเฉพาะเรื่องของ Ecosystem ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของแต่ละหน่วยในระบบนิเวศของ Startup นั่นเอง และการลงนามในครั้งนี้ยังเป็นการลงนามร่วมกันส่งเสริมภาคชน โดยเชื่อว่าจะสามารถสร้างเครือข่ายซึ่งกันและกันนอกจากนี้ รมว.วท. ยังได้เข้าพบ นายฮิโระชิเกะ เสะโค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีอวกาศร่วมกันและผลักดันให้เกิดการสร้างดาวเทียม THEOS 3 ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อไป
กลุ่มอินทัช ประกอบด้วย บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายฟิลิป เชียง ชอง แทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอินทัช พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานกว่า 300 คน ร่วมแสดงพลังวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2559 ตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มอินทัช ในการบริหารงานบนพื้นฐานความเป็นมืออาชีพ โปร่งใส ภายใต้หลักธรรมาภิบาล หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยงานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปีนี้ จัดขึ้นโดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ร่วมกับภาคีเครือข่าย ภายใต้แนวคิด ‘กรรมสนองโกง” พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวด้วยการเป็นพลังพลเมืองตื่นรู้ต่อต้านการโกง หรือ Active Citizen ร่วม ‘เปิดไฟไล่โกง’ แสดงเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน โดยจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2559 ณ บริเวณท้องสนามหลวง
มร.ไบรอัน จอห์น เดวิดสัน (ที่ 2 จากขวา) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยรับมอบช่อดอกไม้ในโอกาสฉลองครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการค้าของประเทศไทย–อังกฤษจาก นางแฮตเตอร์ แมรี่ สุขเกษม (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทโอซีเอส ภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง นางอคริมา อภิพรพัชร (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการส่วนธุรกิจแคนนอน ไฮยีน นางสาวพัชรวไล ศานต์ภารี (ขวา) ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าว โอซีเอส ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการบริหารจัดการอาคารแบบครบวงจร ในประเทศไทยในนาม บริษัท รักษาความปลอดภัย พีซีเอส และฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด ได้ร่วมออกบูธแนะนำผลิตภัณฑ์และการบริการของบริษัทฯ ณ ฮอลล์ 105 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ
นายอภิสฤษฎิ์ นิรุชทรัพย์รดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาต้า เพาเวอร์ จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายปลั๊กไฟมากว่า 25 ปี ภายใต้ชื่อแบรนด์ ดาต้า (DATA) คุณภาพดี ปลอดภัยสูง ได้มอบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งของจำเป็นให้แก่บ้านราชาวดี เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรมต่าง ๆ และเป็นกำลังใจให้กับเด็ก ๆ โดยมีคณะคุณครูพี่เลี้ยงให้การต้อนรับ ณ สถานสงเคราะห์บ้านราชาวดี (ชาย) จ.นนทบุรี เมื่อเร็ว ๆ นี้
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) โดย นางสาวจรีพร จารุกรสกุล (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แถลงข่าวความร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ โดย นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ภายใต้โครงการสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินประกอบธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการด้านสินเชื่อและบริการของธนาคารแก่กลุ่มนักธุรกิจชาวจีนที่ต้องการลงทุนซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของเหมราชได้สะดวก รวดเร็ว และสามารถดำเนินธุรกิจได้คล่องตัว พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไปในอนาคต
นรเชษฐ์ แซ่ตั้ง ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ โรงงานเทพารักษ์ บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้าย) มอบเครื่องมือสำหรับทดสอบคุณสมบัติทางกลของหัวอ่านฮาร์ดดิสก์เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยแก่ ผศ.ดร.นภดล มณีรัตน์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมการวัดและควบคุม คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) (ขวา) เมื่อเร็ว ๆ นี้
ศ.ดร.สุภา หารหนองบัว คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะประธานที่ประชุมคณบดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนแถลงจุดยืนของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวม 28 สถาบัน ตามมติที่ประชุมฯ ครั้งที่ 4 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมราชพฤกษ์ 1 คณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบที่จะผนึกกำลังสร้างความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม (Industrial Linkage) ให้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล โดยมีการบูรณาการการเรียนการสอน การเชื่อมโยงหลักสูตรกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อผลิตกำลังคนทางวิทยาศาสตร์ (STEM Workforce) ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บัณฑิตให้มากขึ้นและสนับสนุนให้อาชีพนักวิทยาศาสตร์เป็นอาชีพที่มีความสำคัญและก้าวหน้าในการร่วมพัฒนาประเทศ
นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมด้วย ดร.จุลพงษ์ ทวีศรี รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และโฆษกกรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมเปิดบริการ ระบบนัดหมายล่วงหน้าออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ต อาทิ การขออนุญาต นำเข้า ส่งออก ครอบครองวัตถุอันตราย และการต่ออายุ การขอใบกำกับการขนส่งของเสีย การขออนุญาตนำสิ่งปฏิกูลฯ ออกนอกบริเวณโรงงาน (สก.2) การยื่นขออนุญาตประกอบกิจการโรงงาน การขยายโรงงาน (ร.ง.4) และการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ฯลฯ โดยผู้รับบริการสามารถเข้าไปที่ www.diw.go.th เพื่อเลือกวันและเวลาที่สะดวกในการติดต่อขอรับบริการล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายณัษฐา ประโมจนีย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด หรือ (ITALTHAI Engineering: ITE) เป็นประธานในการประกาศยกระดับระบบบริหารคุณภาพจาก ISO 9001:2008 พร้อมการฝึกอบรมต่าง ๆ สู่มาตรฐานใหม่ ISO 9001:2015 เพื่อสร้างวัฒนธรรมในการคำนึงถึงการลดความเสี่ยงในการทำงานและเพิ่มโอกาสในการเพิ่มพูนความพึงพอใจให้กับลูกค้าและการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยมีเป้าหมายในการได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO9001:2015 ภายในปี 2016 ณ ห้องสัมมนาชั้น 25 บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) ร่วมกับ องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น หรือ แจ็กซ่า (Japan Aerospace Exploration Agency: JAXA) แถลงข่าวผลการคัดเลือกสุดยอดไอเดียการทดลองวิทยาศาสตร์ของเยาวชนไทย คือ การโค้งของผิวของเหลวในอวกาศ (Capillary in Zero gravity) ส่งให้กับมนุษย์อวกาศญี่ปุ่นทดลองบนสถานีอวกาศนานาชาติ พร้อมเปิดโอกาสให้เด็กไทยเจ้าของไอเดียร่วมเป็นสักขีพยานชมการทดลองสดที่ญี่ปุ่น ในวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมานี้
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ (ยืนกลาง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า “กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) ร่วมกับ องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น หรือ Japan Aerospace Exploration Agency (แจ็กซ่า) จัดทำโครงการ Asian Try Zero-G 2016 เปิดรับแนวคิดการทดลองวิทยาศาสตร์จากเยาวชนไทย เพื่อส่งให้มนุษย์อวกาศญี่ปุ่น นายทะกุยะ โอะนิชิ เลือกนำไปใช้ทดลองในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง บนสถานีอวกาศนานาชาติ โดยในโครงการมีเยาวชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจาก นิวซีแลนด์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ปากีสถาน เป็นต้น ให้ความสนใจส่งไอเดียการทดลองวิทยาศาสตร์เข้าร่วมจำนวน 28 เรื่อง ซึ่งทางแจ็กซาได้คัดเลือกไอเดียของเด็กไทยจำนวน 1 เรื่อง นำขึ้นไปทดลองบนสถานีอวกาศนานาชาติ ในวันที่ 14 กันยายน คือ การทดลอง (Capillary in Zero Gravity) ผลงานของ นายวรวุฒิ จันทร์หอม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี” ซึ่งกระทรวงฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการสนับสนุนพัฒนาทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของเด็กไทยให้มีความทัดเทียมกับนานาประเทศ และเป็นกำลังสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศต่อไปในอนาคต
นายทะกุยะ โอะนิชิ
มนุษย์อวกาศญี่ปุ่น
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล (ที่ 1 จากซ้าย) ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สวทช.องค์กรด้านการวิจัยและพัฒนามีนโยบายให้การสนับสนุนเยาวชนในการพัฒนาความรู้ด้าน วทน. ซึ่งในแต่ละปีจะมีเยาวชนเข้าร่วมโครงการของ สวทช. เป็นจำนวนมาก สำหรับโครงการนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ข้อเสนอโครงการของเยาวชนไทยได้รับการคัดเลือกจากแจ๊กซ่า คือ “การโค้งของผิวของเหลวในอวกาศ (Capillary in Zero gravity)” พร้อมกับข้อเสนอโครงการของเยาวชนอีก 4 เรื่องจาก 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ ด้วยความร่วมมือในระดับนานาชาติที่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี แจ็กซ่าจึงได้เปิดโอกาสให้เยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการเข้ารับชมการถ่ายทอดสดการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์อวกาศชาวญี่ปุ่น จากสถานีอวกาศนานาชาติ ผ่านห้องบังคับการที่ศูนย์อวกาศสึคุบะ (Tsukuba Space Center) ในวันพุธที่ 14 กันยายน 2559 และมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมหลักสูตรการฝึกมนุษย์อวกาศระยะสั้น 1 วัน อีกด้วย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกการที่แจ็กซ่าเปิดโอกาสดังกล่าว และการที่เยาวชนไทยเข้าร่วมโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการคิดและค้นคว้าความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ที่ได้จากการทดลองในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก เพราะการทดลองนี้ไม่สามารถทำได้บนพื้นโลก
นายวรวุฒิ จันทร์หอม (ที่ 4 จากซ้าย) นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เจ้าของไอเดียการทดลอง “Capillary in Zero Gravity” กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการทดลองนี้มาจากการทำ Lab ในห้องเรียน ซึ่งผมสังเกตว่าของเหลวที่อยู่ในภาชนะที่มีลักษณะเป็นหลอด ผิวของน้ำจะมีลักษณะแตกต่างกัน บางผิวมีลักษณะเว้าขึ้น บางผิวมีลักษณะเว้าลง ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการอ่านข้อมูล ผมจึงเริ่มหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาสนับสนุนการทดลองในครั้งนี้ และพบว่าความเว้านูนของน้ำขึ้นอยู่กับแรง Adhesive และ Cohesive ซึ่งในสมการจะมีแรงเนื่องจากแรงโน้มถ่วงอยู่ในสมการ ผมจึงสงสัยว่าถ้าทดลองในสภาวะไร้น้ำหนัก ลักษณะของผิวของเหลวจะเป็นอย่างไร โดยการทดลองจะนำของเหลวต่างชนิดกันมาบรรจุในเข็มฉีดยา (Plastic Syringe) จากนั้นสังเกตผิวของของเหลวแล้วนำมาเปรียบเทียบกับการทดลองบนโลก
“ผมรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากครับ ที่การทดลองของผมได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 5 ของการทดลองในปีนี้ และเป็นประสบการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่ได้เข้าร่วมโครงการกับองค์กรระดับโลกอย่าง JAXA ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เอาข้อสันนิษฐานไปพิสูจน์และผลจากการทดลองไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริงครับ” นายวรวุฒิ จันทร์หอม กล่าว
ทั้งนี้สามารถติดตามการเดินทางเพื่อร่วมชมการทดลองแบบ Real Time ที่ญี่ปุ่นของเด็กไทย และติดตามข้อมูลโครงการ Try Zero-G 2016 ได้ที่ https://www.facebook.com/JaxaThailand
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) สามารถคว้า 2 รางวัลจากโครงการประกวดสุดยอดหุ่นยนต์การแพทย์เพื่อสุขภาพ หรือ i-MedBot Innovation Contest 2016 จัดขึ้นโดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ TCELS โดย 'SensibleTAB' หุ่นยนต์ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวแขน ผลงานวิจัยจากความร่วมมือกันระหว่าง ผศ.นพ.ภาริส วงศ์แพทย์ จากสำโรงการแพทย์ และ ดร.ปราการเกียรติ ยังคง จากสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) ได้รับรางวัลชนะเลิศ รับใบประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล 150,000 บาท และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ผลงาน 'Mobile Robot for Autism Therapies' หุ่นยนต์สนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการทางด้านการปฏิสัมพันธ์ของเด็กออทิสติก จากทีม Bot Therapist ได้รับใบประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท ทั้งนี้โครงการ i-MedBot Innovation Contest 2016 เป็นเวทีสำหรับการประกวดผลงานสร้างสรรค์ในการสร้างเสริม พัฒนา ป้องกัน และแก้ปัญหาสุขภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่มีอยู่ในปัจจุบันและมีโอกาสนำมาใช้งานได้จริง โดยในการจัดประกวดครั้งนี้ถือเป็นการเฟ้นหาสุดยอดผลงานหุ่นยนต์ทางการแพทย์เพื่อสุขภาพที่ TCELS จัดขึ้นเป็นปีที่ 2
พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ (ที่ 3 จากซ้าย) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มอบรางวัลสถานประกอบกิจการปิโตรเลียมที่มีการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2559 ระดับยอดเยี่ยม แก่บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด โดยมี นายแจ็คสัน เบเคอร์ (ที่ 3 จากขวา) ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ รวมถึงตัวแทนผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ เป็นตัวแทนรับมอบ ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
ฐานผลิตฟูนานที่ตั้งอยู่ในอ่าวไทย ของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ได้รับมอบรางวัลระดับยอดเยี่ยม (Excellent Award) จากพิธีมอบรางวัลสถานประกอบกิจการปิโตรเลียมที่มีการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมดีเด่น (SHE Award) ประจำปี พ.ศ. 2559 ที่จัดขึ้นโดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน โดยนายแจ็คสัน เบเคอร์ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ เชฟรอนประเทศไทย รวมถึงคณะผู้บริหารของบริษัทฯ ได้เป็นตัวแทนรับมอบรางวัลจาก พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
การมอบรางวัลสถานประกอบกิจการปิโตรเลียมที่มีการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมดีเด่น หรือ SHE Award จัดขึ้นโดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน เพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมุ่งเน้นการพัฒนาและยกระดับระบบบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นและมุ่งสู่ระดับสากล ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยในปีนี้ แหล่งฟูนาน ของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ได้รับการประเมินอยู่ในระดับยอดเยี่ยม ด้วยระดับคะแนนมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการรับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 รางวัลดังกล่าวเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และสะท้อนวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงานที่เข้มแข็งของเชฟรอน
พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี (ที่ 4 จากซ้าย) เป็นประธานในพิธีเปิดแอปพลิเคชัน “สุขแท้ที่แม่ให้” ร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 7 รอบ 84 พรรษา เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย โดยมี ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ (ที่ 3 จากซ้าย) คุณจันทนี ธนรักษ์ รองราชเลขาธิการ (ที่ 1จากซ้าย ) ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ที่ 4 จากขวา) พล.อ.ท.บรรจง ครายนสูตร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (ที่2 จากขวา) ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (ที่ 3 จากขวา) นางไอรดา เหลืองวิไล รองผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (ที่2 จากซ้าย) นายปรีชา ส่งกิตติสุนทร ผู้ช่วยราชเลขาธิการ (ที่ 1 จากขวา) เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมเรเนซองส์ ราชประสงค์ กรุงเทพฯ
TP-Link ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์เครือข่าย Wi-Fi อันดับหนึ่งของโลกด้วยส่วนแบ่งตลาด 45.94% เปิดเผยวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญสำหรับแนวคิดอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ให้ทำงานได้ผ่านมือถือสมาร์ทโฟนหรือที่เรียกว่า (Internet of Things: IoT) โดยการเปิดตัว “Neffos Smartphone” อย่างเป็นทางการรวมถึงสมาร์ทโฟนซีรีส์ล่าสุดของ Neffos ได้แก่ Neffos X1 และ X1 Max ภายใต้แนวคิดที่ว่า “Close to you” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงก้าวใหม่ในการเปลี่ยนแปลงของ TP-Link ที่ต้องการเดินหน้าขยายตลาดนอกเหนือจากอุปกรณ์ระบบเครือข่ายไปยังเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ใช้สะดวกสบายมากขึ้นและไม่เพียงมีระบบ Wi-Fi ที่มีเสถียรภาพสูงเท่านั้น แต่ผู้ใช้ยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้กับทุกสิ่งที่มีอินเทอร์เน็ต โดยเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกันผ่านระบบอัจฉริยะ
นายเจฟฟรีย์ เฉา ผู้ก่อตั้ง และประธานบริษัทฯ TP-Link กล่าวถึงทิศทางนโยบายในงานแถลงข่าวทั่วโลกของ Neffos ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยได้ตอกย้ำขั้วหลักสี่ขั้วในแผนกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อแนวคิด IoT ได้แก่ อุปกรณ์เราเตอร์, IoT ซึ่งมีหน้าที่เป็นอุปกรณ์และฮับของข้อมูล ขณะที่สมาร์ทโฟนเป็นส่วนติดต่อหลักระหว่างผู้ใช้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมกับระบบคลาวด์ให้เป็นแพลตฟอร์มบริการพร้อมด้วยโซลูชันผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ สำหรับบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) สมาร์ทโฟน Neffos พร้อมเชื่อมโยงผู้คนให้ใกล้ชิดกับทุกสิ่งและทุกความต้องการที่อยู่รอบตัวเราได้มากขึ้น
“ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา TP-Link ได้พัฒนาตัวเองจนเป็นมากกว่าบริษัทด้านเครือข่าย และยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลก” นายเจฟฟรีย์ เฉา กล่าวว่า สมาร์ทโฟน Neffos แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะก้าวไปไกลกว่าเทคโนโลยีไร้สายและทำให้ลูกค้าในโลกดิจิทัลปัจจุบันมีชีวิตที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยวัตกรรมใหม่และประสบการณ์ในรูปแบบที่มีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง”
ภายในงานแถลงข่าว TP-Link ยังเปิดเผยถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่อยู่เบื้องหลัง Neffos แบรนด์ใหม่นี้เป็นครั้งแรกด้วย นั่นก็คือแนวคิด “Close to you” เนื่องจากเป็นส่วนประกอบที่มีสำคัญอย่างยิ่งสำหรับระบบบ้านอัจฉริยะในแนวคิดของ TP-Link ซึ่งทำให้ Neffos พยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างสรรค์อุปกรณ์มือถือส่วนบุคคลที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานเป็นหลักในยุคแห่งดิจิทัลและยังสามารถเชื่อมโยงผู้คนและโลกที่อยู่รอบตัวได้อย่างราบรื่น
Neffos X ซีรี่ย์เป็นสมาร์ทโฟนซีรีส์ที่สามของแบรนด์ Neffos นอกเหนือจาก Neffos C ซีรีย์ และ Y ซีรีย์ โดยบริษัทยังคงเดินตามแนวคิดที่มุ่งเน้นให้ผู้ใช้เป็นศูนย์กลางและได้ผสานรวมดีไซน์ที่ทันสมัย เทคนิคการผลิตขั้นสูง และประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สำหรับ Neffos X1 และ X1 Max มีดีไซน์ที่สวยงามทันสมัยด้วยด้านหลังแบบโค้งทั้งสองข้าง (Dual Curved) กล้องคุณภาพเยี่ยม และสามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วด้วยลายพิมพ์นิ้วมือ ซึ่งผลิตภัณฑ์พร้อมวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2559
นอกจากนี้ TP-Link ยังได้เปิดตัวแอพ Kasa สำหรับแพลตฟอร์ม IoT ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์ในบ้านอัจฉริยะของตนได้อย่างง่ายดายทั้งจากระยะไกลด้วย ส่วนเราเตอร์ IoT รุ่นแรกซึ่งจะเปิดตัวใน ไตรมาสที่ 4 ในทวีปอเมริกาเหนือ สำหรับผลิตภัณฑ์ IoT อัจฉริยะทั้งหมดของ TP-Link ได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน IFA 2016 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี (สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tp-link.co.th/newtplink)
นายคฑายุทธ์ เอี่ยมเล็ก กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุริยะพลัง จำกัด ตัวแทนผู้มอบอำนาจจาก ผู้ประกอบการ 17 โครงการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ โซนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ และจังหวัดสกลนคร) ได้เดินทางมาที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อยืนหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินโดยมี นายธาวิน อินทร์จำนงค์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
นายคฑายุทธ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้ประกอบการโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ ขนาดไม่เกิน 1 เมกะวัตต์ ทั้ง 17 โครงการ ได้รับความเดือดร้อนอย่างสาหัส เนื่องจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. หาเรื่องเตะถ่วงการซื้อกระแสไฟฟ้าที่เอกชนทำไว้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ปล่อยให้ผู้ประกอบการต้องแบกภาระหนี้สินมากกว่า 2 พันล้านบาท ศูนย์เสียดอกเบี้ยให้ธนาคารมานานกว่า 1,500 วัน เรื่องนี้เกิดขึ้นมากว่า 4 ปีแล้ว ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2555 พวกเราได้รับหนังสือการยกเลิกสัญญาฉบับแรก จาก กกพ. สาเหตุที่ กกพ.จะยกเลิกคือ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าล่าช้า ซึ่งเราก็ได้อุทธรณ์ไปว่า เพราะติดปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องแนวเขตพื้นที่ก่อสร้าง แต่การก่อสร้างก็ยังเดินหน้าต่อเนื่อง ซึ่งตอนที่ กกพ. ทำหนังสือมานั้นบางโครงการแล้วเสร็จไปแล้วกว่า 80-90% จะให้เราหยุดแล้วยกเลิกสัญญาได้ยังไง เราลงทุนไปแล้วไม่ใช่บาทสองบาท
“ในครั้งนั้นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ฐานะคู่สัญญาและผู้ประกอบการ ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยหลังจากตรวจสอบคณะทำงานของทั้ง 2 ฝ่ายได้ข้อสรุปว่า “ความล่าช้าในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าของทั้ง 17 โครงการ เป็นเหตุสุดวิสัย มิได้เกิดจากการจงใจ กฟภ.จึงยังไม่มีสิทธิยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เป็นผลให้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าไม่ระงับสิ้นไป และยังคงมีผลผูกพันโดยชอบด้วยกฎหมาย สมควรที่ กฟภ.และบริษัทฯ จะตกลงกำหนดวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าใหม่ต่อไปภายหลัง”
อย่างไรก็ดีจากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน เรื่องดังกล่าวก็ยังไม่ทีท่าว่าจะสิ้นสุด กกพ.ยังคงเตะถ่วงมีการประชุมอีกหลายครั้ง ต้องยืนยันด้วยเอกสารจำนวนมาก ทั้ง ๆ ผู้ประกอบการเองก็มีพร้อมทุกด้านที่จะขายไฟฟ้าให้ กฟภ. แต่เรื่องราวกลับไม่จบยืดเยื้อมากว่า 1,500 วันแล้วพวกเราต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อปี และที่ผิดสังเกตอย่างมากคือ กกพ. อนุญาตให้ 3 บริษัทฯ คือ 1.บจก.แม่โขง โซล่าพาวเวอร์ 2.บจก.สมภูมิโซล่าเพาเวอร์ และ 3.หจก.ภูพานเทคโนโลยี ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขสัญญาเดียวกันได้สิทธิ์จ่ายกระแสไฟฟ้าขายไฟฟ้าให้กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กฟภ. ไปแล้ว และได้ราคาซื้อขายเดิมคือ 11 บาท (รวมค่าแอดเดอร์) ตนจึงคิดว่า กกพ. ใช้หลักอะไรมาพิจารณา แบบนี้เข้าข่ายเลือกปฏิบัติหรือไม่ ?
ส่วนอีก 17 โครงการยังคงยืนอยู่บนความเดือดร้อน ยังคงรอคอยความหวังต่อไป และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา กกพ. มีหนังสือส่งมาให้ผู้ประกอบการเซ็นหนังสือยอมรับราคาการซื้อขายไฟฟ้าในราคาต่ำลงจากสัญญาเดิมที่ทำไว้กับ กฟภ.คือ 3 บาทต่อหน่อยบวกกับ 8 บ่าทคือค่าเอดเดอร์ (ค่าจูงใจเพื่อเชิญชวนให้เอกชนมาลงทุน) รวมเป็น 11 บาทต่อหน่วย ลดลงมาเหลือประมาณ 5.377 บาทต่อหน่วย ซึ่งราคานี้พวกเรารับไม่ได้เพราะเมื่อตอนที่ลงทุนวัสดุอุปกรณ์โซลาร์เซลล์ราคาสูงกว่าวันนี้กว่าเท่าตัว คณะรัฐมนตรีสมัยนั้นถึงต้องมีเงินจูงใจอุดหนุนให้ผู้ประกอบการมาลงทุนกันเยอะ ๆ เราลงทุนไปโรงละไม่ต่ำกว่า 130 ล้านบาท แต่พอมาถึงวันนี้ผู้ประกอบการรุ่นบุกเบิกเสี่ยงตายตามคำชวนเชื่อของรัฐบาลต้องมาเป็นหนี้เป็นสินด้วยราคาที่เป็นไปไม่ได้ 5 บาทต่อหน่วยส่งดอกเบี้ยยังไม่พอเลย นายคฑายุทธ์ กล่าว
นายคฑายุทธ กล่าวต่อไปว่าที่มาร้องเรียนผู้ตรวจการวันนี้ เพื่อขอให้ท่านช่วยตรวจสอบใน 3 ประเด็นดังนี้
นายคฑายุทธ์ เอี่ยมเล็ก กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุริยะพลัง จำกัด กล่าวทิ้งท้าย วันนี้จำเป็นต้องมาขอความเป็นธรรมจากสำนักงานตรวจการแผ่นดิน เพื่อและช่วยตรวจสอบว่าเหตุใดจึงมีความไม่ชัดเจน ล่าช้า ยืดเยื้อ เลือกปฏิบัติ หวังว่าจะได้รับความยุติธรรมบ้าง
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับรางวัลด้านการสนับสนุนและปรับปรุงคุณภาพการศึกษา และด้านความใส่ใจในสุขภาพจากงาน Asia Best CSR Practices Awards ครั้งที่ 6 ซึ่งจัดขึ้นโดย เครือข่ายผู้บริหารการตลาดแห่งเอเชีย (CMO Asia) ที่ประเทศสิงคโปร์ อันถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่มีมายาวนานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยในการส่งเสริมและพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อประกาศเกียรติคุณแก่องค์กรในเอเชียที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
“ในฐานะผู้นำด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ระดับพรีเมียม บีเอ็มดับเบิลยูให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ด้วยวิสัยทัศน์แห่งการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน และความมุ่งมั่นในการรับผิดชอบต่อสังคมของเราก็สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์นี้” ดร.ปีเตอร์-โอลิเวอร์ วากเนอร์ ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย กล่าวหลังจากได้รับรางวัลด้านความใส่ใจในสุขภาพ จากความสำเร็จของ โครงการแคร์ ฟอร์ วอเตอร์ (Care4Water; www.care4water.org/thailand) ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจาก องค์กรไม่แสวงผลกำไร Waves For Water ในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับระบบการกรองน้ำพร้อมมอบโซลูชั่นดังกล่าวให้แก่คนไทยในพื้นที่ชนบทที่ขาดแคลนน้ำสะอาด
“ภายใต้โครงการ แคร์ ฟอร์ วอเตอร์ เราได้นำผู้เชี่ยวชาญไปให้ความรู้ และถ่ายทอดวิธีติดตั้งใช้งานอุปกรณ์กรองน้ำแก่ชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ขาดแคลน เพื่อให้มั่นใจว่าสมาชิกของชุมชนมีน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค ซึ่งได้รับประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เราจึงมีการวางแผนขยายโครงการไปสู่ประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศบราซิล และประเทศจีนในอนาคต ส่วนในประเทศไทย เราตั้งเป้าให้คนไทยกว่า 500,000 คนจาก 117 ชุมชนทั่วประเทศได้เข้าถึงน้ำสะอาด และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ดร.วากเนอร์ กล่าวเสริม
นอกจากนี้ โครงการการศึกษาระบบทวิภาคี หรือ BMW Dual Excellence ซึ่งจัดขึ้นจัดขึ้นเพื่อสร้างโอกาสให้นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการได้รับความรู้และฝึกฝนทักษะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ ยังได้รับรางวัลในด้านการสนับสนุนและปรับปรุงคุณภาพการศึกษา โดยโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง จังหวัดระยอง ได้ร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ และโรงเรียนจิตรลดา (สายวิชาชีพ) ในการฝึกอบรมนักเรียนอาชีวศึกษาด้านเมคคาทรอนิกส์ ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยในกรุงเทพฯ ได้ร่วมกับหอการค้าเยอรมันไทย และผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ จัดโครงการ BMW Service Apprentice เพื่ออบรมความรู้และฝึกฝนทักษะในสายงานด้านช่างเทคนิคให้แก่นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก มหานคร เพื่อเสริมศักยภาพให้เป็นแรงงานฝีมือในอุตสาหกรรมยานยนต์
คุณสุรพล ก่อเกิด ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท บีเอ็มดับเบิลยูแมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการการศึกษาระบบทวิภาคีทั้งสองนี้ช่วยให้เราสามารถสร้างแรงงานฝีมือในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เปี่ยมด้วยความรู้และทักษะความสามารถระดับสูง ด้วยการอบรมความรู้เชิงทฤษฎีและฝึกฝนทักษะเชิงปฏิบัติในด้านเมคคาทรอนิกส์จากช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญจากโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง จังหวัดระยอง และด้านสายงานช่างเทคนิค จากผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ”
“นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการฝึกทักษะความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดในสายอาชีพการทำงานได้” คุณสุรพล กล่าวทิ้งท้าย
ตอบรับไทยแลนด์ 4.0 รศ.ดร.ชูวงค์ พงศ์เจริญพาณิชย์ รองคณบดี และคณาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล. ) ให้การต้อนรับ คุณจิระ จิรัจฉริยากูล ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท ดิเอ็กซ์เพิร์ท ไอซีที จำกัด ในโอกาสประชุมหารือความร่วมมือทางวิชาการและร่วมทำงานวิจัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพทางวิชาการ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การสื่อสารโทรคมนาคมซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและมีบทบาทสูงต่อการพัฒนาประเทศในปัจจุบันและอนาคต เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยศึกษาในโลกกว้าง แล้วนำองค์ความรู้มาใช้พัฒนาประเทศ เสริมสร้างประสบการณ์และการเรียนรู้ให้กับคนรุ่นใหม่
นายจิระศักดิ์ ตรังคิณีนาถ (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการ บริษัท เมโทรคอนเนค จำกัด (MCC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MSC ร่วมมือกับ นางสาวชนิกานต์ โปรณานันท์ (ที่ 2 จากขวา) HPE Indirect Country Manager บริษัท Hewlett Packard Enterprise Thailand-HPE จัดงาน “Accelerating the Digital Transformation with HPE” เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2559 ณ โรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong เพื่อขับเคลื่อนการทำธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ HPE ภายหลังได้รับการแต่งตั้งเป็น Distributor จำหน่ายผลิตภัณฑ์ HPE อย่างเป็นทางการในกลุ่มผลิตภัณฑ์ HPE Products ประกอบไปด้วย Servers and Blades, Storage and Software และในกลุ่มผลิตภัณฑ์ HPE Solutions ประกอบไปด้วย Cloud, Application Transformation, Converged Infrastructure ภายในงานได้เชิญ Business Partner เข้าร่วมรับฟังการบรรยายเรื่อง “Digital Transformation” รวมถึงการประกาศทิศทางและนโยบายการทำธุรกิจของ HPE ในปี 2017 ให้คู่ค้าได้รับทราบ
โรงงานยิปรอค แหลมฉบัง นำโดย ไมค์ เอ็มสัน (ตรงกลาง) ผู้อำนวยการด้านการปฏิบัติการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขึ้นรับรางวัล “สถานประกอบกิจการดีเด่นระดับประเทศ ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน” จาก พรรณี ศรียุทธศักดิ์ (ขวา) อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี
บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตนวัตกรรมยิปซัมคุณภาพสูงแบรนด์ “ยิปรอค” และผู้ให้บริการโซลูชั่นส์ระบบผนังและฝ้าครบวงจรมากว่า 45 ปี ได้รับรางวัล “สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน” จากกระทรวงแรงงานเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยรางวัลนี้มอบให้แก่โรงงานยิปรอค แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธานเปิดงาน
มร.ริชาร์ด จูเชรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในนามพนักงานทั้งหมดขององค์กร ผมขอขอบคุณกระทรวงแรงงานที่คัดเลือก บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ให้เป็นผู้ที่ได้รับรางวัลนี้เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นระดับประเทศ ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงานนี้ เป็นสิ่งยืนยันถึงความพยายามของเราในการมอบสภาพแวดล้อมการปฏิบัติงานที่ปลอดภัย สะดวกสบาย น่ารื่นรมย์และมีความเคารพซึ่งกันและกันให้แก่พนักงานของเราทุกระดับชั้น ซึ่งรวมไปถึงการใช้นโยบายและกระบวนการทำงานรูปแบบใหม่เพื่อสร้างสรรค์ความสุขและการเติบโตในหน้าที่การงานของพนักงานของเรา”
การพิจารณาผู้ได้รับรางวัลคัดเลือกจากหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ แรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน และสิทธิประโยชน์ของพนักงานในปัจจุบัน, นโยบายและการดำเนินงาน อาทิ ด้านทรัพยากรบุคคลและนโยบายด้านแรงงานสัมพันธ์, ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง, การบริหารงานของคณะกรรมการสวัสดิการ (กลุ่มตัวแทนลูกจ้าง), กิจกรรมของลูกจ้าง, การสื่อสารภายในองค์กร, สภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน, กิจกรรมขององค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ และอื่น ๆ
นอกจากการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติแรงงานอย่างเคร่งครัด บริษัทไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่มยังได้รับการยกย่องว่ามีการดำเนินกิจกรรมที่มีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายในฐานะผู้นำทางความคิดและผู้นำด้านการปฏิบัติงานที่ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นตัวอย่างที่องค์กรอื่น ๆ สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง อาทิ การก่อตั้งคณะกรรมการสวัสดิการ, การฝึกอบรมบนพื้นฐานด้านทักษะในตำแหน่งงาน (Skill Matrix Based Training), โปรแกรมการถือครองหุ้นโดยลูกจ้าง, ทุนการศึกษาสำหรับบุตรของลูกจ้าง, ช่องทางการสื่อสารภายในองค์กร และโปรแกรมรูปแบบใหม่อีกมากมาย
ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของยิปรอคถูกผลิตภายใต้แนวคิด “Gyproc Go Green” หรือ “Gyproc 3G” ซึ่งประกอบด้วย Green Products, Green Solutions และ Green Manufacturing โดยมีจุดประสงค์เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยิปซัม ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบหลักในกลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคลที่ประสบความสำเร็จของยิปรอค
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ นับเป็นห้างค้าปลีกเจ้าแรกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2005 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2012 และเมื่อ ISO ได้ออกมาตรฐานเวอร์ชั่นใหม่ ISO/IEC 27001:2013 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2013 บิ๊กซี ได้อัพเกรดระบบเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน จนได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 จากบริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านการตรวจประเมินและให้ใบรับรองในด้านคุณภาพ สุขอนามัย และความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม ระดับโลก โดยมาตรฐานดังกล่าว ครอบคลุมในส่วนของระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์สนับสนุนการดำเนินงาน
ดร.บัณฑิต รุ่งเจริญพร รองประธานกรรมการฝ่ายข้อมูลสารสนเทศ เปิดเผยว่า “บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ”ได้ให้ความสำคัญกับระบบข้อมูลสารสนเทศเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นสินทรัพย์สำคัญ และเป็นหัวใจหลักของการประกอบธุรกิจค้าปลีก จึงได้มีการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยของระบบข้อมูล เพื่อให้มั่นใจว่า ข้อมูลและสารสนเทศจะยังถูกเก็บรักษาไว้ได้อย่างครบถ้วนและปลอดภัย โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้ผ่านการรับรอง ตามมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 ระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Management System : ISMS) อีกครั้ง โดยการตรวจสอบและรับรองจากบริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านการตรวจประเมินและให้ใบรับรองในด้านคุณภาพ สุขอนามัย และความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม รายใหญ่ของโลก”
“บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 27001:2013 ในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการรักษามาตรฐานในด้านระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลขององค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันให้พ้นจากภัยคุกคามรวมถึงความเสี่ยงในรูปแบบต่าง ๆ ในโลกของการติดต่อสื่อสารแบบไร้พรมแดน ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและคู่ค้าของเรา อีกทั้งยังได้มีการจัดทำแผนรับมือกับเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ เพื่อลดความสูญเสีย และทำให้เราสามารถอยู่เคียงข้างพี่น้องชาวไทยให้สมกับที่เป็น ห้างคนไทยหัวใจคือลูกค้า” ดร.บัณฑิต กล่าวสรุป
บริษัท ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) จำกัด ในความร่วมมือกับ รร.สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม เปิดห้องเรียนอนาคตในโอกาสครบรอบ 1 ปี ในการเรียนการสอนโครงการ “Pilot Project of Future Classroom’s Fujitsu Learning Project of Tomorrow” โรงเรียนต้นแบบแห่งแรกในประเทศไทยและแถบเอเซีย โดยมี Mr.Atsushi Saeki, Director, Educational Business Promotion Division บริษัท ฟูจิตสึ ลิมิเต็ด จำกัด, ผศ.ชัยศักดิ์ ชั่งใจ ผู้อำนวยการ และ อาจาร์ยอุไร วิจิตร รองผู้อำนวยการฝ่ายแผน รวมทั้งผู้บริหาร รร.สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม และนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 6 ร่วมกันสาธิตการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในรายวิชาปกตินอกเหนือจากวิชาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เพื่อแสดงให้เห็นถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลงของการเรียนการสอนในอนาคต โดยมีคณะอาจารย์จากโรงเรียนต่างๆ เข้าร่วมเยี่ยมชมห้องเรียนอนาคตจำนวนมาก เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ ห้องเรียนสื่อประสม 1 รร.สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม
นางสมฤดี ชัยมงคล (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รศ.ดร.คมสัน มาลีสี คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (ที่ 3 จากซ้าย) มร.เรย์มอน หลวน (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเช่น กรุ๊ป มร. แอนสัน เจิง (ที่ 1 ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเช่น เทคโนโลยีส์ (ไทยแลนด์) และ มร.เอริค หวัง (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด ร่วมลงนามในสัญญาและบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ ณ งานวิศวกรรม’59 หรือ Engineering Expo 2016 ศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ (BITEC) กรุงเทพฯ
ความร่วมมือของ 4 พันธมิตรในครั้งนี้ ดำเนินการโดยมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน คือ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน ที่สอดรับกับทิศทางพลังงานและเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเพื่อรองรับความต้องการด้านพลังงานของประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย
ทั้งนี้ การลงนามความร่วมมือและพิธีลงนามในสัญญาในครั้งนี้ ได้ระบุความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ออกเป็น 3 ด้านหลัก ผ่านการลงนามระหว่าง 4 องค์กรชั้นนำ ได้แก่
รศ.ดร.คมสัน มาลีสี คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวเกี่ยวกับการลงนามความร่วมมือวิจัยและพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ในครั้งนี้ว่า “มหาวิทยาลัยได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการค้นคว้าวิจัย การอนุรักษ์และพัฒนาพลังงานทดแทนในทุกมิติ และด้วยความพร้อมด้านบุคลากร ผนวกกับคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในสถาบันฯ เราเชื่อมั่นว่า คนไทยมีศักยภาพที่เพียงพอในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานสู่ระดับโลก และการลงนามความร่วมมือกับภาคเอกชนที่เป็นผู้นำด้านพลังงานในครั้งนี้จะเป็นการเปิดมิติใหม่สู่การพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของเอเชียหรือระดับโลกได้อย่างชัดเจน” สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้เริ่มต้นติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนอาคาร ขนาด 4.3 เมกะวัตต์ พร้อมขยายเต็มพื้นที่ในทุกอาคารของมหาวิทยาลัยอีกกว่า 10 เมกะวัตต์ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน อีกทั้งยังเป็นต้นแบบในการใช้พลังงานที่ยั่งยืน และเป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับนักศึกษาและสาธารณะอีกด้วย
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานแห่งเอเชียที่ดำเนินธุรกิจด้านการจัดหาแหล่งพลังงาน และการผลิตกระแสไฟฟ้ามากว่า 30 ปี กล่าวว่า “บ้านปูฯ มีความยินดีกับอีกก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในวันนี้ที่ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งจากสถาบันการศึกษาชั้นนำ และภาคเอกชน ความร่วมมือดังกล่าวนี้เป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และจะช่วยสนับสนุนให้บ้านปูฯ สามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้ 4,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า ภายในปี 2568 โดยจะประกอบไปด้วยพลังงานหมุนเวียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 อีกทั้งยังเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นธุรกิจส่วนปลายน้ำที่จะช่วยสร้างมูลค่าในห่วงโซ่อุปทาน และยังเป็นการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ”
นายอมร หาญคำ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เทเช่น เทคโนโลยีส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะที่เรียกว่า Smart Energy Management Systems (SEMS) กล่าวว่า “เทเช่นมุ่งลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพและประสิทธิภาพสูงสู่ระดับโลก พร้อมตั้งฐานการผลิตในไทย โดยตั้งโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ ขนาด 300 เมกกะวัตต์ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับการเติบโตของการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีแนวโน้มสูงมากทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เทเช่นและพันธมิตรจึงได้ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านพลังงานหมุนเวียนแบบครบวงจร พร้อมเป็นศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรด้านพลังงาน (Standard of Practice) สู่ความเป็นมาตรฐาน รวมทั้งตั้งเป้าหมายให้เป็นศูนย์ทดสอบคุณภาพและกำหนดมาตรฐานของอุปกรณ์พลังงาน เพื่อให้บริการแก่ภาคธุรกิจทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย”
มร. เอริค หวัง ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า “หัวเว่ยมีเทคโนโลยีด้านเครือข่ายและระบบโทรคมนาคมระดับโลก และยังเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์และติดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานของระบบโทรศัพท์รายใหญ่ อันดับ 1 ของโลก ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทุ่มทุนด้านงานวิจัยด้านพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผสานระบบเครือข่ายเพื่อจัดการพลังงานที่มีความถูกต้อง แม่นยำและครอบคลุมได้ทั่วโลก ที่เรียกว่า “Huawei FusionSolar” การลงนามความร่วมมือวิจัยและพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ในครั้งนี้เป็นการต่อยอดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ซึ่งบริษัทฯ รู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอโครงการนี้”
คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และ คุณพีรพล เพ็ชรตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามประสิทธิ์ ในนาม “กิจการค้าร่วม เอส จี แอนด์ อินเตอร์ลิ้งค์ (SG and INTERLINK CONSORTIUM)” ร่วมลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554 – 2560) โดยมี คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็นประธานในพิธี และคุณนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ร่วมลงนาม ณ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดยงานจ้างก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2556) นี้เป็นการดำเนินงานรูปแบบทำสายไฟฟ้าลงใต้ดินและงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยชนิด GIS Substation ซึ่งถือเป็นงานที่บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มีความถนัดและมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ร่วมกับงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคอื่น ๆ ซึ่งรับผิดชอบโดย ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามประสิทธิ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ. ปิยะสกล สกลสัตยาทร (ที่ 2 จากขวา) ร่วมสัมผัสเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality) ด้วยตนเองในงาน HIMSS AsiaPac 16 ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยภายในงาน บริษัท Vital Images ได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาทดลองประยุกต์ใช้เข้ากับอุปกรณ์ ไมโครซอฟท์ โฮโลเลนส์ (HoloLens) เพื่อสร้างโซลูชั่นด้านภาพถ่ายทางการแพทย์สามมิติที่จะช่วยให้แพทย์และผู้ป่วยสามารถชมและโต้ตอบกับภาพเสมือนจริงที่มีความละเอียดสูงของอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของผู้ป่วยได้ โดยหากพัฒนาซอฟท์แวร์ได้สำเร็จจะช่วยเปลี่ยนโฉมหน้าวงการแพทย์ให้มีความแม่นยำมากขึ้น รวมทั้งผู้ป่วยและแพทย์สามารถทำงานร่วมกันเพื่อหาทางรักษาที่ดีที่สุดได้ เป็นการยกระดับประสบการณ์การดูแลรักษาผู้ป่วยในประเทศไทยต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานยังได้พบกับนวัตกรรมล่าสุดทางการแพทย์จาก บริษัท RingMD ประเทศสิงคโปร์ นำโดยประธานเจ้าหน้าบริหาร จัสติน ฟัลเคอร์ (ซ้าย) ผู้อยู่เบื้องหลังบริการเครือข่ายที่เชื่อมโยงผู้ป่วยเข้ากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก ที่สามารถให้คำปรึกษาได้จริง บริการดังกล่าวพัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ นำโดย คัลลัม บีร์ (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแพทย์ ไมโครซอฟท์ เอเชีย แปซิฟิก บนแพลตฟอร์มคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีเฉพาะตัวของ RingMD เอง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์แบบทางไกล ผ่านทั้งรูปแบบข้อความ เสียง และวิดีโอ ปัจจุบัน แอพพลิเคชัน RingMD มีฐานผู้ใช้รวมกว่า 5 ล้านคนใน 10 ประเทศทั่วเอเชีย พร้อมด้วยเครือข่ายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึง 15,000 คน
หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดมิติใหม่สู่โลกแห่งการเรียนรู้ด้วยการเปิดให้บริการฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์อิเล็กทรอนิกส์ (TU E-Theses) แก่บุคคลภายนอก เพื่อตอกย้ำจุดยืนของหอสมุดฯ ที่มุ่งมั่นเป็นผู้นำแหล่งเรียนรู้ภายใต้แนวคิด “ธรรมศาสตร์เพื่อประชาชน”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์เอกรินทร์ ยลระบิล ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่าหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังคงไว้ซึ่งแนวคิดในการเผยแพร่องค์ความรู้สู่ สาธารณะชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษา ที่ล้วนเป็นเรื่องราวใหม่ ๆ ที่ควรเผยแพร่เพื่อเป็นพื้นฐานการต่อยอดองค์ความรู้ในอนาคต ซึ่งขณะนี้หอสมุดฯ มีวิทยานิพนธ์ในรูปแบบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) ที่พร้อมให้บริการแบบสาธารณะกว่า 20,000 เล่ม โดยเป็นวิทยานิพนธ์ในระดับบัณฑิตศึกษาของนักศึกษาในสาขาวิชาต่าง ๆ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เปิดสอน
บุคคลภายนอกสามารถใช้บริการฐานข้อมูล TU E-Theses ได้ที่ https://koha.library.tu.ac.th เลือกที่เมนู E-Theses หรือที่ http://beyond.library.tu.ac.th เลือกที่คอลเล็คชั่น “Thammasat University Theses” ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-613-3544 หรือ E-mail: tulib@tu.ac.th
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทพลังงานชั้นแนวหน้าของเอเชีย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทชั้นนำในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ร่วมกับ RobecoSAM ผู้จัดและประเมินมาตรฐานการตรวจวัดศักยภาพความยั่งยืนของบริษัทสำหรับตลาดเกิดใหม่ประจำปี 2016 ในกลุ่มธุรกิจพลังงาน โดยปีนี้ นับเป็นปีที่ 3 ที่บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกดังกล่าว อีกทั้งยังได้รับคะแนนจากการประเมินสูงสุดในกลุ่มพลังงานถ่านหินและพลังงานเพื่อการใช้งาน และถือเป็นหนึ่งในห้าบริษัทของไทยที่ได้รับคัดเลือกจากกลุ่มดัชนีวัดความยั่งยืนดาวโจนส์ในธุรกิจพลังงานอีกด้วย
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ มีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคัดเลือกในครั้งนี้ รางวัลเหล่านี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของบ้านปูฯ ในการสานต่อแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนอย่างแท้จริง”
รายงานของ DJSI ระบุว่า บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ได้รับการคัดเลือกโดยประเมินจากความโดดเด่นของบริษัทฯ ในการผลักดันธุรกิจพลังงาน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค
“การเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนในความหมายของบ้านปูฯ คือ การดำรงอยู่ในระยะยาว โดยมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจหลักของเรา ทั้งในเรื่องผลประกอบการทางธุรกิจ การพัฒนาบุคลากร และวัฒนธรรมภายในองค์กร ซึ่งยังคงเน้นการบ่มเพาะปรัชญาการทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งสร้าง ความเป็นมืออาชีพ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ทำงานที่แตกต่างกัน ความคิดสร้างสรรค์เชิงบวก ความยืดหยุ่นในการทำงาน และความคล่องตัวในการทำงานในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บ้านปูฯ ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้” นางสมฤดี กล่าวเสริม
“บ้านปูฯ มุ่งมั่นในการเป็นพลเมืองที่ดีในทุก ๆ ประเทศที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ จะมีการเตรียมการและศึกษาเชิงลึกด้านผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนโครงการ หลังจากนั้นเราจะร่วมกับชุมชนท้องถิ่นในการกำหนดแผนงานเพื่อการเติบโตและพัฒนาร่วมกัน ในแผนกลยุทธ์ฉบับใหม่ เราให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตลอดจนการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนควบคู่กับพลังงานหลักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้บริษัทฯ มีการเติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป” นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย
บี.กริม เพาเวอร์ เผยทิศทางการบริหารงานในครึ่งปีหลังปี 2559 ปลื้มผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกโต 150% หากเทียบกับปีที่ผ่านมา มั่นใจศักยภาพความพร้อมเทคโนโลยี บุคลากรของบริษัทฯ สามารถรองรับการเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร คาดรายได้ครึ่งปีหลังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมทั้ง เผยทิศทางแผนการลงทุน 5 ปี เดินหน้าสานต่อพัฒนาโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศด้วยเงินลงทุน 5.9 หมื่นล้านบาท
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี2559 บริษัทฯ มีรายได้ประมาณ 13,400 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกของปี 2558 ประมาณ 21% และมีกำไรสุทธิประมาณ 1,800 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 150%โดยปัจจัยหลักมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าใหม่ 4 โรง คือ โรงไฟฟ้า B1P1 ที่เริ่มดำเนินการในเดือนเมษายน 2558 โรงไฟฟ้า ABP4 เริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน 2558 โรงไฟฟ้า BIP2 เริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2559 และ โรงไฟฟ้า ABP5 ที่เริ่มดำเนินการในเดือนมิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา
"ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.ความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้ลดลงมากอย่างที่คาดการณ์ไว้ 2. ประสิทธิภาพของการบริหารจัดการ ด้านเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯ ด้วยการใช้โรงไฟฟ้าใหม่ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยกว่าเดิมมาผลิตไฟฟ้าแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่มีอัตราการใช้ เชื้อเพลิงสูง เป็นการ Optimization Program เพื่อประหยัดการใช้เชื้อเพลิงสูงสุด และ ปัจจัยสุดท้าย คือ การควบคุมค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ความสามารถในการต่อรองราคาอะไหล่จากการซื้อด้วยปริมาณมาก ทำให้บริษัทฯ สามารถประหยัดงบประมาณได้ถึงกว่า 100 ล้านบาท ฯลฯ" นางปรียนาถ กล่าว
สำหรับ แผนการดำเนินงานของบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ในช่วง 2 ปีข้างหน้า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสานต่อการพัฒนา โรงไฟฟ้าตามที่วางไว้ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 5 โครงการด้วยกัน แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าบ่อวิน ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในช่วงปลายปี 2559 โรงไฟฟ้า ABPR3, ABPR4, ABPR5 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561 และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ที่ประเทศลาวอีก 1 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าเซน้ำน้อย-เซกระตำ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2560 หากการก่อสร้างแล้วเสร็จตามที่วางแผนไว้ บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,626 เมกะวัตต์ ในปี 2559 และ 1,646 เมกะวัตต์ ในปี 2560 และ 2,060 เมกะวัตต์ ในปี 2561 โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมใน 5 โครงการนี้ประมาณ 25,000 ล้านบาท โดยเงินทุนส่วนใหญ่มาจากเงินกู้ธนาคารในรูปแบบของเงินกู้โครงการ (Project Finance) ซึ่งบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารที่เกี่ยวข้องแล้วทุกโครงการ
นางปรียนาถ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ คาดว่าภาพรวมของรายได้และกำไรจากการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ปี 2559 จะเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ หากไม่มีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้มากระทบ ทั้งนี้จากการประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าของนิคมอุตสาหกรรมยังคงมีความต้อง การใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 เล็กน้อยอันเป็นผลมาจากภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจโลก การดำเนินงานของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 4 และ 5 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Co-Generation) และเป็นโรงไฟฟ้าใหม่ของบริษัทฯ ที่มีมูลค่าการลงทุนถึง 11,000 ล้านบาท นับเป็นโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ในการรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม อมตะนครเป็นอย่างดี โดยกลุ่มลูกค้าหลักของโรงไฟฟ้าอมตะบี.กริม เพาเวอร์ 4 และ 5 คือ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
นางปรียนาถ เผยทิศทางการลงทุนในอีก 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2559-2563) ว่าจะสานต่อพัฒนาโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่องอีกหลายโครงการให้เพิ่มขึ้นเป็น 2,383 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่สิ้นปีนี้มีอยู่ 1,626 เมกะวัตต์ หรือเติบโตขึ้น 46.5% จากปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 59,000 ล้านบาท โดยจะให้ความสำคัญกับการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เช่น เวียดนาม ลาว เมียนมา กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ โดยจะเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน ที่มีอยู่เดิม 7% ให้เป็น 24-30% โดยสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังลม โซลาร์รูฟ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และชีวมวล เป็นต้น
ส่วนประเด็นของการนำบริษัทฯ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น บริษัทฯ ได้เลื่อนแผนจากเดิมปลายปีนี้เป็นในต้นปี 2560 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับที่ปรึกษาทางการเงินทั้งในและต่างประเทศ โดยจะขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ให้ประชาชนทั่วไป (IPO) ประมาณ 30% ของทุนจดทะเบียน โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งจะใช้คืนหนี้เงินกู้บางส่วนและนำไปใช้ขยายกิจการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศตามแผนการดำเนินงานต่อไป
การประชุม COP 21 สิ้นสุดลงในปลายปี 2015 และนับเป็นการยกระดับความคาดหวังครั้งยิ่งใหญ่ในความเห็นร่วมกันทั่วโลกว่าทั้งภาคประชาชน ภาครัฐบาลและบริษัทต่าง ๆ ควรประสานความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจในการจำกัดต้นเหตุที่มาและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ ในอีกไม่กี่เดือนถัดมา ได้มีการจัดทำรายงานการจัดอันดับบริษัทที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทสีเขียวระดับโลกประจำปี 2016 หรือ Newsweek Global Green Ranking 2016 ซึ่งเป็นการรวบรวมรายชื่อองค์กรทั่วโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนิวส์วีค (Newsweek) นิตยสารข่าวรายสัปดาห์ของสหรัฐอเมริกา ร่วมกับ Corporate Knights and HIP Investor โดยในการจัดอันดับปีนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการจัดการพลังงานและออโตเมชั่น ก็ได้รับการยกย่องในเรื่องของความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งกลุ่มธุรกิจของชไนเดอร์ เองก็มีความภาคภูมิใจที่ได้รับการจัดอยู่ในอันดับที่ 10 ในระดับที่เทียบเคียงได้กับองค์กรอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียง เช่น Shire Plc., Reckitt Benckiser and British Telecom
การที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริคได้รับคะแนนสูง นับเป็นการสะท้อนถึงการติดตามผลของกลุ่มธุรกิจที่เกิดจากขับเคลื่อน “นวัตกรรมในทุกระดับ” (Innovation at Every Level) ผ่านเทคโนโลยีด้านออโตเมชันและการจัดการพลังงานที่เชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งช่วยในการปรับโฉมธุรกิจและปฏิรูปเมือง อีกทั้งยังช่วยให้คุณภาพชีวิตดีผู้คนดีขึ้น ที่ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life is On
“เรารู้สึกยินดี กับผลลัพธ์ที่ได้จากการจัดอันดับของ Newsweek Global Green Ranking ล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรามาถูกทางทั้งในเรื่องของกลยุทธ์ในการสร้างความยั่งยืน รวมถึงการนำโร๊ดแมปด้านนวัตกรรมมายึดปฏิบัติ” กิลเลส เวอร์มอท เดสโรชส์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายความยั่งยืน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค “เราต้องการให้ทุกคนบนโลกเข้าถึงพลังงานได้อย่างยั่งยืน ปลอดภัย ให้ประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ เรายึดถือคำมั่นสัญญาในการมอบโซลูชั่นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์เรื่องของพลังงานที่ยังสวนทางกันอยู่ นั่นคือ การสร้างสมดุลของการเกิดคาร์บอนบนโลกโดยในขณะเดียวกันก็ต้องไม่เป็นการหักล้างสิทธิในการเข้าถึงพลังงานที่มีคุณภาพ”
การก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการจัดอันดับปีนี้ ยังเป็นผลมาจากการที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ริเริ่มในการนำทรัพยากรจากธรรมชาติมาใช้การดำเนินการทั่วโลกได้อย่างชาญฉลาด รวมถึงในส่วนของแหล่งพลังงานทดแทน การจัดอันดับนี้ ยังเป็นการให้การยอมรับถึงคำมั่นสัญญา 10 ประการที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริคได้ปฏิญาณไว้ในการประชุม COP 21 ในการที่บริษัทฯ และระบบนิเวศจะดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการสร้างความเป็นกลางด้านคาร์บอนภายให้ได้ภายใน 15 ปีข้างหน้า ทั้งในส่วนของการออกโซลูชัน ผลิตภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนา รวมถึงการดำเนินงานในส่วนของอุตสาหกรรมต่าง ๆ
การวัดผลกระทบของคาร์บอน 100 เปอร์เซ็นต์ ในโครงการหลักของลูกค้า–มีการออกแบบการนำเสนอใหม่ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ด้วยการใช้ Schneider ecoDesign Way™ ซึ่งเป็นการออกแบบในเชิงนิเวศเศรษฐกิจ พร้อมทั้งบรรลุมาตรฐาน Green Premium™ Standard ของบริษัทฯ สูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจ–หลีกเลี่ยง CO2 จำนวน 120,000 ตัน จากการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงการใช้งานผลิตภัณฑ์จนถึงบั้นปลาย หรือ “End of Life” Product ให้สอดคล้องตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน–การช่วยประชากร 50 ล้านคน ที่อยู่ส่วนฐานของพิรามิดตามหลักเศรษฐศาสตร์ ให้สามารถเข้าถึงแสงสว่างและการสื่อสารได้ภายในอีก 10 ปีข้างหน้าจากการใช้โซลูชั่นลดคาร์บอน
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีการรายงานประสิทธิภาพด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนขององค์กรทุกไตรมาสผ่านโปรแกรม Planet & Society Barometer โดยกลยุทธ์การพัฒนาความยั่งยืนของชไนเดอร์ อิเล็คทริค นั้นเป็นที่ยอมรับของนานาองค์กร เช่น ในเดือนพฤศจิกายน 2015 ทาง CDP ได้แต่งตั้งให้กลุ่มธุรกิจชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นผู้นำโลกด้านความโปร่งใสและการปฏิบัติภารกิจองค์กรเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน
สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์กรมหาชน) หรือ ITD ร่วมกับที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด (UNCTAD) แถลงข่าวเปิดตัว “รายงานการค้าและการพัฒนา 2559” (Trade and Development Report 2016) โดยมี ดร.กมลินทร์ พินิจภูวดล (ขวาสุด) ผู้อำนวยการ ITD เป็นประธานเปิดงาน และได้รับเกียรติจาก ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ (ที่ 2 จากซ้าย) อดีตเลขาธิการอังค์ถัด Dr. Diana Barrowclough (ที่ 2 จากขวา) ผู้แทนจาก UNCTAD ร่วมแถลงเปิดตัวรายงานฯ เพื่อเผยผลวิเคราะห์และแนวโน้มการค้าและการพัฒนาของโลก ให้แก่ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ณ ห้องสีลม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ
สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนได้มีสัดส่วนบทความงานวิจัยทั่วโลก (วารสารทางวิทยาศาสตร์) รวมกันเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า และมีความเคลื่อนไหวทางด้านการจดสิทธิบัตร ซึ่งโดยทั่วไปแสดงถึงการเติบโตของนวัตกรรมของภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 40% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นี่คือบางส่วนของข้อมูลสำคัญที่ปรากฏในรายงาน “อาเซียน–ศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรมแห่งใหม่” จัดทำโดย หน่วยธุรกิจทรัพย์สินทางปัญญา & วิทยาศาสตร์ (IP & Science) ทอมสัน รอยเตอร์ส อันเป็นการบ่งบอกว่าภูมิภาคอาเซียนกำลังจะเป็นศูนย์กลางทางด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่รุ่งเรือง
รายงานการวิจัยซึ่งเป็นฉบับล่าสุดของซีรีส์ที่โฟกัสตามกลุ่มประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดหาภาพรวมและบทวิเคราะห์ของงานวิจัยในประเทศกลุ่มอาเซียนและผลกระทบของงานวิจัยและนวัตกรรม โดยอิงจากการที่บทความวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางด้านวิทยาศาสตร์และความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับการจดสิทธิบัตร ซึ่งรวบรวมจากดัชนีในฐานข้อมูล Web of Science Core Collection, Derwent World Patents Index® และ Derwent Patents Citation Index®
บางส่วนของข้อมูลสำคัญจากผลรายงาน
ภูมิภาคอาเซียนประกอบด้วย 10 ประเทศที่มีอาณาเขตใกล้กันแต่ทว่ามีความแตกต่างที่หลากหลาย เช่น จำนวนประชากร ความมั่งคั่งและลักษณะภูมิประเทศ ผลิตผลงานวิจัยในภูมิภาคนี้โดยส่วนใหญ่มาจากกลุ่มนักวิจัยในสิงคโปร์ มาเลเซียและประเทศไทย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 85% ของบทความงานวิจัยทั้งหมดในภูมิภาคนี้ ตามมาด้วยประเทศในกลุ่มที่สองซึ่งประกอบด้วยเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียนต่างก็มีจำนวนผลิตผลงานวิจัยที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วกว่าค่าเฉลี่ยโลก, สหรัฐอเมริกา และกลุ่มสหภาพยุโรป
สำหรับประเทศไทยนั้นมีสัดส่วนผลงานทางด้านบทความงานวิจัยทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งวัดจากฐานข้อมูล Web of Science โดยมีจำนวนบทความงานวิจัยทั้งสิ้น 7,200 บทความในปี 2015 หรือคิดเป็น 0.48% ของฐานข้อมูลทั้งหมด อย่างไรก็ตามในแง่ของการสร้างอิทธิพลต่อวงการซึ่งบ่งชี้โดยการอ้างอิงบทความงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (คุณภาพของงานวิจัย) ประเทศไทยถูกระบุว่ามีความใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยการอ้างอิงบทความงานวิจัยทั่วโลกตั้งแต่ปี 2006 โดยมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ในแง่ของการจดบันทึกบทความที่ได้รับการอ้างอิงสูงของโลก ประเทศไทยได้รับการบันทึกว่าบทความที่มีการนำไปอ้างอิงสูงที่สุดคือในประเภทหลากหลายสาขา (Multidisciplinary) ตามด้วยฟิสิกส์ งานวิจัยของประเทศไทยที่มีความโดดเด่นมากเป็นพิเศษคือทางด้านการแพทย์คลินิก และที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือประเทศไทยเป็นผู้นำโลกทางด้านวิทยาเชื้อรา (การศึกษาเกี่ยวกับเชื้อราและเห็ด) รวมถึงคุณสมบัติทางด้านพันธุกรรมและชีวเคมี และการนำไปใช้ในมนุษย์เช่น เป็นแหล่งเพาะเชื้อ ยา อาหาร และสารที่มีฤทธิ์ทางประสาท รวมถึงผลเสียและอันตราย
การสำรวจความเคลื่อนไหวการติพิมพ์และอ้างอิงบทความวิจัย รวมทั้งการดำเนินการทางด้านการจดสิทธิบัตรนี้แสดงให้เห็นว่าตัวชี้วัดทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับภูมิภาคอาเซียนกำลังพุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อการเพิ่มขึ้นของงานวิจัยและนวัตกรรมในภูมิภาคนี้กำลังส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนมากขึ้น
สามารถดาวน์โหลดรายงานนี้ได้ที่ http://stateofinnovation.thomsonreuters.com/asean-an-emerging-hub-in-research-and-innovation
บริษัท นิวแม็ก จำกัด | แผนก Vacuum Pump ได้จัดสัมมนาลูกค้าเชิงวิชาการเกี่ยวกับ High Pressure Technology (HASKEL) ขึ้นในวันที่ 19 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยในการจัดสัมมนาครั้งนี้ ได้มีหลายบริษัทที่ให้ความสนใจเข้าร่วมการสัมมนาเป็นจำนวนมาก
การสัมมนาครั้งนี้ได้เน้นเรื่องการนำไปใช้งานจริง การดูแลรักษาความรู้และประสบการณ์การใช้งาน High Pressure Technology (HASKEL) บรรยายเกี่ยวกับทฤษฎีของปั๊มแรงดันสูง พร้อมทั้งประเภทของปั๊มเพิ่มแรงดันทำให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งสร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเทคนิคต่าง ๆ กับทางวิทยากรด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง
ทางบริษัทฯ ได้สร้างความมั่นใจในคุณภาพของสินค้า โดยการให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้เยี่ยมชมสินค้าที่มีความหลากหลาย และตรงกับความต้องการของลูกค้า และฝ่ายบริการหลังการขาย ในส่วนของงานซ่อมบำรุง ซึ่งจะมีเครื่องล้างอัตโนมัติ ที่ช่วยทำความสะอาดปั๊มได้ง่าย รวดเร็ว และยังมีการทดสอบการทำงานของปั๊ม พร้อมวัดประสิทธิภาพสำหรับรายงานซ่อม
เน็ตแอพ บริษัทชั้นนำในการจัดการและบริหารข้อมูลระดับโลกซึ่งมีการเติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย ได้รับรางวัลในหมวด “การเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud Computing Storage Technology)” ในงานประกาศรางวัล “Stratus Awards 2016” ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มเทคโนโลยีสำหรับการรวบรวมข้อมูล (Business Intelligence Group) เพื่อค้นหาบริษัท กลุ่มผลิตภัณฑ์ และบุคลากรที่นำเสนอโซลูชั่นที่โดดเด่นและเอื้อประโยชน์ต่อการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ที่ดีที่สุดจากหลาย ๆ บริษัท
เน็ตแอพ นำเสนอซอฟต์แวร์ วางระบบและให้บริการที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการและจัดเก็บข้อมูลของตัวเองไว้บนดาต้าเซนเตอร์ในองค์กร และฝากข้อมูลเก็บไว้บนคลาวด์ได้อย่างอิสระ ขอบเขตการให้บริการของเน็ตแอพยังนำเสนอโซลูชั่นอื่น ๆ อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น ออลแฟลช อาร์เรย์ (All Flash Arrays) ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังได้รับการจัดอันดับจากไอดีซี ว่าเติบโตสูงกว่าตลาดรวม และเน็ตแอพยังมอบบริการด้วยศักยภาพที่เหนือกว่า รวดเร็ว และวางระบบบริหารจัดการข้อมูลสำหรับดาต้าเซนเตอร์ในรุ่นต่อ ๆ ไปในอนาคต
นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เน็ตแอพกล่าว “เราภูมิใจกับรางวัลล่าสุดที่ได้รับ โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลบนคลาวด์เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมจากตลาดไทยและทั่วโลก การทำงานในองค์กรปัจจุบันนั้นต้องการความรวดเร็ว เพราะมีความเป็นโลกาภิวัฒน์และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในยุคดิจิตัลเช่นนี้ ที่สำคัญคือผู้ใช้ต้องสามารถใช้งานได้จากทุกที่ ทุกเวลา บทบาทของเน็ตแอพคือให้ความช่วยเหลือลูกค้าในการกำหนด บริหารจัดการและปกป้องข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าองค์กรนั้น ๆ จะใช้โครงสร้างพื้นฐานไอทีรูปแบบใดก็ตาม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ธุรกิจ ”
“ขอแสดงความยินดีกับทีมงานเน็ตแอพที่ขยายประสิทธิภาพการใช้งานบนคลาวด์ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้การดำเนินงานในองค์กรสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีคลาวด์ได้มีบทบาทเป็นอย่างยิ่งในธุรกิจไอทีปัจจุบัน โดยเราเล็งเห็นว่าเทรนด์นี้จะคงดำเนินอยู่ต่อไปอีกในอนาคต” รัส ฟอร์ไดซ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มเทคโนโลยีสำหรับการรวบรวมข้อมูล ผู้จัดโปรแกรมการมอบรางวัล สตราตัส อวอร์ด (Stratus Awards) กล่าว
เกี่ยวกับ เน็ตแอพ
บริษัทชั้นนำทั่วโลกต่างไว้วางใจนวัตกรรมยูนิไฟน์สตอเรจและการบริหารจัดการข้อมูลจากเน็ตแอพ ด้วยความเชื่อมั่นในการทำงานเป็นทีมเวิร์ค ความเชี่ยวชาญ และความพร้อมในการขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจให้ลูกค้าประสบความสำเร็จทั้งในปัจจุบันและอนาคต อ่านรายละเอียดความมุ่งมั่นของเราในการช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกให้เติบโตและทำงานได้เร็วขึ้นได้ที่ www.netapp.com
บริษัท เรย์เธียน เว็บเซนส์ ผู้นำระดับโลกด้านระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น “ฟอร์ซพอยต์” (Forcepoint™) พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหลายรายการในประเทศไทย นับว่าเป็นการผสานรวมกันที่ประสบความสำเร็จระหว่างผลิตภัณฑ์ด้านไซเบอร์ของบริษัท เว็บเซนส์ (Websense®) และบริษัท เรย์เธียน (Raytheon) และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังได้ซื้อ บริษัท สโตนซอฟต์ (Stonesoft) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านไฟร์วอลล์รุ่นใหม่ หรือ เน็กซ์ เจนเนอเรชั่น ไฟร์วอลล์ (NGFW) ส่งผลให้บริษัท ฟอร์ซพอยต์ พร้อมนำเสนอรูปแบบใหม่เพื่อจัดการกับความท้าทายด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและข้อกำหนดของกฎระเบียบต่าง ๆ ที่องค์กรธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
บริษัท ฟอร์ซพอยต์ ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับองค์กรในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าโดยการสนับสนุนเทคโนโลยีรุ่นใหม่อย่างปลอดภัย ได้แก่ ระบบคลาวด์ โมบิลิตี้ อินเทอร์เน็ต ออฟ ติ้งส์ (Internet of Things: IoT) และอื่น ๆ ผ่านทางแพลตฟอร์มร่วมที่ทำงานบนระบบคลาวด์เพื่อช่วยปกป้องผู้ใช้ ระบบเครือข่าย และข้อมูล ทั้งยังช่วยกำจัดความไม่มีประสิทธิภาพในด้านการจัดการชุดผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยเฉพาะจุดได้อย่างเห็นผล โดยแพลตฟอร์มฟอร์ซพอยต์ จะปกป้องจากภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอกองค์กร ตรวจจับการละเมิดได้อย่างรวดเร็ว ลด “เวลาดำเนินการ” (Dwell Time) หรือในช่วงระยะเวลาที่อยู่ระหว่างการเสี่ยงอันตรายกับการดำเนินการแก้ไขให้เหลือน้อยที่สุด และหยุดการโจรกรรมได้
“เมื่อใช้ฟอร์ซพอยต์ องค์กรจะสามารถปกป้องผู้ใช้ เครือข่าย และข้อมูลในระบบคลาวด์ ขณะเดินทาง และในสำนักงานได้ เราทำให้การปฏิบัติตามกฎระเบียบกลายเป็นเรื่องง่าย ช่วยให้การตัดสินใจดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัย ดังนั้นลูกค้าของเราจึงสามารถทุ่มเทเวลาไปกับสิ่งที่มีความสำคัญของตนได้อย่างเต็มที่” นายแอนท์ตี้ เรโจเน็น รองประธาน ฝ่ายระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่าย บริษัท ฟอร์ซพอยต์ กล่าว และว่า “เราพร้อมจัดเตรียมแพลตฟอร์มที่มีระบบคลาวด์เป็นศูนย์กลางเพื่อป้องกันการโจมตีต่าง ๆ ตรวจจับกิจกรรมที่ต้องสงสัยได้เร็วขึ้น และให้ข้อมูลบริบทที่จำเป็นต่อการตัดสินใจว่าจะต้องดำเนินการใดเพื่อจัดการกับภัยคุกคามและหยุดการโจรกรรมข้อมูล เรามีความเชี่ยวชาญ มีการเงินที่มั่นคง และสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยในระดับการป้องกันที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร”
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเฮงเค็ลได้รับการยกย่องจากหลายดัชนีจัดอันดับในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา เฮงเค็ลได้รับการจัดอันดับในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์หรือ Dow Jones Sustainability Index (DJSI World) นอกจากนั้น เฮงเค็ล ยังได้ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีจริยธรรม FTSE4Good เป็นปีที่ 15 ติดต่อกัน รวมถึงยังถูกจัดให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืน Ethibel ดัชนี Euronext Vigeo Eiris และดัชนี Global Equity ECPI
ดัชนี S&P Dow Jones และ RobecoSAM จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประกาศผลการประเมินอันดับความยั่งยืนประจำปี พ.ศ.2559 โดยการประเมินครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์อย่างครอบคลุมในด้านธุรกิจองค์กร สิ่งแวดล้อม สังคม ระบบการตรวจสอบ อาทิ ธรรมาภิบาลองค์กร การจัดการความเสี่ยง การสร้างแบรนด์ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐานห่วงโซ่อุปทานและวิธีปฏิบัติด้านแรงงาน มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ 2,500 รายในโลกที่ถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี DJSI World
“ผลอันยอดเยี่ยมของการจัดอันดับระดับโลกเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าเรากำลังเดินทางไปสู่กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนอันทะเยอทะยานสำหรับปี พ.ศ.2573” อูเว่ เบิร์กแมนน์ หัวหน้าฝ่ายบริหารด้านความยั่งยืนของเฮงเค็ลกล่าว “เราต้องการสร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้า ผู้บริโภค รวมถึงชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจและบริษัทของเรา พร้อมกับลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”
เฮงเค็ลไม่เพียงแต่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของการจัดการด้านความยั่งยืน แต่ยังเป็นผู้นำในด้านการสื่อสารด้านความยั่งยืน ในฐานะหนึ่งในบริษัทแรกๆ ของเยอรมนี เฮงเค็ลตีพิมพ์รายงานสิ่งแวดล้อมฉบับแรกในปีพ.ศ. 2535 ในปีนี้ รายงานความยั่งยืนฉบับที่ 25 ของเฮงเค็ลได้รับการตีพิมพ์ ข้อมูลความยั่งยืนบนเว็บไซต์ของเฮงเค็ล ถูกจัดให้อยู่ในอันดับแรกของเกณฑ์ NetFederation’s 2016 Corporate Social Responsibility (CSR) ซึ่งเปรียบเทียบระหว่างบริษัทเยอรมัน 75 แห่ง
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของเฮงเค็ล รวมไปถึงข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการจัดอันดับ กรุณาเยี่ยมชม www.henkel.com/sustainability
นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลศึกษาโอกาสและอุปสรรคของอุตสาหกรรมไทยที่จะเข้าไปลงทุนในเมืองวินห์ ประเทศเวียดนาม ว่า รัฐบาลเวียดนามได้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาเมืองเมืองวินห์ จังหวัดเหงะอานห์ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของภาคเหนือ และภาคกลางตอนบน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลเวียดนามได้จัดสรรงบประมาณจำนวนมาก เพื่อพัฒนาสวนอุตสาหกรรม เมืองวินห์ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของอุตสาหกรรมไทยที่มีความสนใจในการลงทุนหรือตั้งโรงงานผลิตในสวนอุตสาหกรรม Vinh เนื่องจากเมืองวินห์ มีชายแดนใกล้กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และยังมีสนามบิน Vinh Airport ที่มีเที่ยวบินสามารถเดินทางโดยตรงมายังประเทศไทย
ทั้งนี้ในเบื้องต้นพบว่า อุตสาหกรรมไทยมีความสามารถและมีโอกาสในการเข้าไปลงทุน ได้แก่ อุตสาหกรรมประมงแปรรูป เนื่องจากรัฐบาลเวียดนามให้การสนับสนุนและผลักดันอุตสาหกรรมประมง เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เพราะเป็นแหล่งวัตถุดิบ มีแรงงานพร้อม และยังได้รับสิทธิ GSP จากยุโรปอยู่ ซึ่งสินค้าประมงแช่แข็งของเวียดนามนั้นสามารถส่งออกไปยุโรปเกือบ 100 % แต่คาดว่าในอนาคต ค่าแรงขั้นต่ำของเวียดนามอาจจะมีการปรับอัตราเทียบเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำของไทย นอกจากนั้นนักลงทุนควรพิจารณาปริมาณการจับสัตว์น้ำของเวียดนามที่อาจขาดแคลนในบางเดือน จึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการ เรื่องของสต็อกสินค้าไว้ด้วย
อย่างไรก็ดี การจับสัตว์ทะเลจะมีสัตว์ประเภทอื่น ๆ ติดปะปนมาด้วย อาทิ กุ้ง หอย ปู เป็นต้น ซึ่งหากยังไม่เข้ากระบวนการผลิตก็มักจะนำเข้าไปเก็บไว้ในห้องเย็นก่อน แต่หากปริมาณสัตว์ดังกล่าวมีมากจนล้นห้องเย็น จะส่งผลให้เกรดสินค้าตกไปอยู่ในเกรดอาหารสัตว์ ทำให้ธุรกิจอาหารสัตว์มีวัตถุดิบป้อนเข้าสู่โรงงานเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นจึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะเข้าไปลงทุน โรงงานปลาป่น หรือการผลิตอาหารสัตว์ รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เนื่องจากไทยมีศักยภาพมากกว่าเวียดนาม โดยอาจจะเป็นการร่วมลงทุนกับนักธุรกิจชาวเวียดนาม
ปัจจุบันเมืองวินห์ เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจวัฒนธรรมของภาคเหนือ และภาคกลาง มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ร้อยละ 16.0 ภาคการผลิตหลัก คือ ภาคบริการ มีสัดส่วนร้อยละ 57.5 โดยเฉพาะธุรกิจด้านก่อสร้างที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้โครงสร้างเศรษฐกิจของภาคบริการมีส่วนแบ่งมากที่สุด รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม ร้อยละ 41.0 และ 1.5 ตามลำดับ
นอกจากนี้ เมืองวินห์ ยังมีกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมไฟฟ้า การผลิตอาหารพืช อาหารสัตว์ โรงงานเสื้อผ้าส่งออก และมีการสร้างบริษัทใหม่ๆขึ้น อาทิ โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ส่งออก และโรงงานเกี่ยวกับหัตกรรมเพื่อส่งออก สำหรับอุตสาหกรรม ที่กำลังจะเคลื่อนย้ายเข้ามาในเมืองวินห์ จะต้องมีความสามารถในการจัดการและดูแลเรื่องของสิ่งปฏิกูล และของเสีย อย่างเช่น โรงงานแปรรูปเกษตร โรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ และโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ต่าง ๆ กลุ่มของโรงงานอุตสาหกรรมเคมี ไม้อัด เบียร์ วัสดุก่อสร้าง
นายศิริรุจ กล่าวต่อว่า การพัฒนาพื้นที่ในเขตเมืองวินห์ ปี 2020 จะมีการขยายเขตการบริหารออกไปอีก 250 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม เมือง Cua Lo, เมือง Quan Hanh ส่วนหนึ่งของเมือง Huong Nguyen Nghi Loc และ Hung Nguyen ซึ่งส่งผลให้เมืองวินห์เป็นจังหวัดชี้นำด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในเขตภาคเหนือ และภาคกลางของเวียดนาม
นายอดิศร แก้วบูชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 3 จากขวา) ร่วมกับ มร.แฟรงค์ ลิน ประธานบริษัท เอรีส อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (คนที่ 2 จากขวา) จัดงานสัมมนา “ระบบ ERP ช่วยขับเคลื่อนองค์กร สู่ความสำเร็จได้อย่างไร” โดยได้รับเกียรติจาก ผศ. ดร.สุภาภรณ์ เกียรติสิน ประธานกรรมการบริหารหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ (หลักสูตรภาคพิเศษ) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (ที่3 จากซ้าย) มาเป็น Keynote Speaker พร้อม นางสาวปิยะลักษณ์ แก้วเกิด ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 2 จากซ้าย), นายฐิตกร อุษยาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) (ซ้ายสุด) และ นายอรรฆยา สติมานนท์ ผู้จัดการด้านคำแนะนำระบบ ArgoERP บริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด (ขวาสุด) ร่วมบรรยาย และแบ่งปันประสบการณ์การใช้งาน ArgoERP ในงานสัมมนาด้วย ณ ห้องกมลทิพย์บอลรูม โรงแรม เดอะ สุโกศล
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดการแข่งขันทักษะพนักงาน ประจำปี 2559 โดยเป็นการแข่งขันประจำปีซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 26 ภายใต้แนวคิด “รวมพลังขับเคลื่อน...สู่ความเป็นเลิศ” (Driven 2 Dream) เพื่อเฟ้นหาสุดยอดพนักงานที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญในการขายและการบริการหลังการขายจากโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศ เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ของฮอนด้าที่นอกจากมุ่งมั่นพัฒนายนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ มีเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าอย่างรอบด้าน โดยได้รับเกียรติจาก นายกรีฑา สพโชค อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ณ ศูนย์ฝึกอบรม บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้าเน้นการให้บริการอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าเสมอมา เรามีเป้าหมายที่จะดำเนินธุรกิจให้ได้ตามแผนที่วางไว้ โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยม ได้รับความชื่นชอบจากลูกค้า และเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ฮอนด้าตั้งเป้าหมายไว้ ส่วนการดำเนินงานในปี 2559 นั้น ฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นยกระดับการบริการ เพื่อสร้างการยอมรับ และความเชื่อมั่นจากลูกค้าตลอดไป ควบคู่กับการนำเสนอยนตรกรรมใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด โดยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ฮอนด้าได้เปิดตัวรถยนต์หลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น บีอาร์-วี แอคคอร์ด ซีวิค และล่าสุด แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในยุคปัจจุบัน สำหรับการแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้า จึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาทักษะพนักงานในการให้บริการลูกค้า และรักษามาตรฐานการปฏิบัติงานในทุก ๆ ด้าน เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกคน”
นายกรีฑา สพโชค อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า “กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะของแรงงานไทย เพิ่มศักยภาพแรงงานไทยให้เป็นที่ยอมรับ และมีมาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการภายในประเทศ และต่างประเทศ โดยเน้นการทำงานร่วมกันอย่างสามัคคีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับประเทศไทย 4.0 โดยฮอนด้าได้สนองตอบนโยบายการพัฒนาทักษะแรงงานไทยเป็นอย่างดีเสมอมา ด้วยการจัดการแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้ามาอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งนับเป็นการส่งเสริมและพัฒนาทักษะพนักงานให้มีศักยภาพเพิ่มสูงขึ้น และพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์อีกด้วย”
การแข่งขันทักษะพนักงานฮอนด้าแบ่งออกเป็นทั้งหมด 10 ประเภท ได้แก่ พนักงานช่างซ่อมทั่วไป พนักงานช่างซ่อมตัวถังและสี ที่ปรึกษาการบริการ พนักงานอะไหล่ ที่ปรึกษาการขาย พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ พนักงานช่างบริการตามระยะแบบคู่ ที่ปรึกษาการบริการซ่อมตัวถังและสี พนักงานตรวจสอบคุณภาพรถใหม่ และครูฝึกขับขี่ปลอดภัย
สำหรับการแข่งขันในปีนี้ มีพนักงานผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 129 คน ซึ่งคัดเลือกจากพนักงาน 2,745 คนทั่วประเทศ โดยผู้ชนะเลิศการแข่งขันในแต่ละประเภทจะได้รับ โล่เกียรติยศ ใบประกาศเกียรติคุณ เข็มกลัดทองคำแท้ และได้รับการจารึกชื่อที่หอเกียรติยศ ณ ศูนย์ฝึกอบรม บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงรางวัลไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมเยี่ยมชม บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย
นายพรเทพ การศัพท์ (ที่ 3 จากซ้าย) รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วยบุคคลสำคัญในวงการฯ ร่วมกันทำพิธีเปิดงาน SITEX 2016 มหกรรมเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ที่รวมสุดยอดเทคโนโลยี นวัตกรรม เครื่องจักรกล และชิ้นส่วนที่ทันสมัยจากหน่วยงานชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้ธีม Industry 4.0 เพื่อร่วมผลักดันประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม 4.0 โดยมี นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน ให้การต้อนรับ ณ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน ซอยตรีมิตร กล้วยน้ำไท
ผศ.ดร.ศุภโชค แสงสว่าง, ผศ.ดร.ธัญญา ปรเมษฐานุวัฒน์ และ ดร.จิตติมณฑน์ วงษ์ษา นำนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมเกษตรเพื่ออุตสาหกรรม คณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี เยี่ยมชมกระบวนการและการทำงานของเครื่องฉีดพลาสติก ยี่ห้อ ไห่เทียน พร้อมฟังบรรยายให้ความรู้ โดยมี โจ จันทร์ล้วน ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท เอสพี อินเตอร์แมค จำกัด ให้การต้อนรับและนำชม ณ โชว์รูมไห่เทียน ถนนมอเตอร์เวย์
Sophos ได้แถลงว่า ตนเองได้รับเลือกอยู่ในตำแหน่ง “ผู้นำ” อีกครั้งในรายงาน “Magic Quadrant for Unified Threat Management” ของ Gartner ประจำวันที่ 30 สิงหาคม 2559 ซึ่งรายงาน Quadrant นี้ วัดผลจากความสามารถของบริษัทในการดำเนินงานให้ได้ตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ ซึ่ง Sophos ได้เป็นหนึ่งในสามผู้จำหน่ายที่ได้รับตำแหน่งผู้นำในรายงานฉบับล่าสุดนี้ และเป็นบริษัทด้านความปลอดภัยทางไอทีเจ้าเดียวที่ได้รับเลือกเป็นผู้นำในรายงาน Magic Quadrant ด้านระบบความปลอดภัยของ Gartner ถึงสามฉบับด้วยกัน ได้แก่ ฉบับเดือนกันยายน 2558 Magic Quadrant for Mobile Data Protection Solutions, ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2559 Magic Quadrant for Endpoint Protection Platforms, และครั้งล่าสุดนี้กับรายงาน the Magic Quadrant for Unified Threat Management (UTM)
“ความปลอดภัยบนเครือข่ายเป็นเสาหลักสำคัญในการรับมือกับอันตรายในปัจจุบันที่ทวีความซับซ้อนและโจมตีอย่างต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในส่วนแบ่งของตลาดที่เติบโตเร็วมากที่สุดในวงการความปลอดภัยด้านไอที การที่ได้รับตำแหน่งผู้นำในรายงาน Magic Quadrant อย่างต่อเนื่องนี้ได้พิสูจน์ว่าเราอยู่ชั้นแนวหน้าของตลาดที่สำคัญและเติบโตอย่างรวดเร็วนี้” ไบรอัน บาร์เนย์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปของ Network Security Group ที่ Sophos กล่าว “ในฐานะที่ได้รับเลือกเป็นผู้นำในด้านความปลอดภัยทั้งด้านเครือข่ายและเครื่องเอ็นด์พอยท์รวมทั้งมีลูกค้ามากกว่า 100,000 รายในแต่ละกลุ่ม ทำให้ Sophos สานต่อวิสัยทัศน์ในการพัฒนาแพลตฟอร์มความปลอดภัยแบบซิงโครไนซ์ ที่แบ่งปันข้อมูลของอันตราย และสถานะของแต่ละผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยระหว่างกันได้โดยตรงอย่างอัจฉริยะ กลยุทธ์ดังกล่าวนี้ทำให้ได้ระดับการปกป้องที่เหนือกว่าสำหรับองค์กรทุกขนาด โดยที่ยังคงความง่ายในการจัดการเหมือนกันทุกระดับ”
อ้างอิงจาก Gartner “ตำแหน่งผู้นำของ Quadrant คือผู้จำหน่ายที่อยู่ชั้นแนวหน้าในด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ UTM ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของธุรกิจขนาดกลางเป็นสำคัญ โดยเกณฑ์การคัดเลือกหลัก ๆ ได้แก่ โมเดลที่หลากหลายครอบคลุมการใช้งานของกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง การรองรับฟีเจอร์จำนวนมาก และความสามารถด้านการจัดการและการทำรายงานที่ออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งาน จำหน่ายในกลุ่ม Quadrant นี้จะนำตลาดไปสู่การนำเสนอฟีเจอร์การปกป้องแบบใหม่ และทำให้ลูกค้าติดตั้งใช้งานได้โดยมีค่าใช้จ่ายต่ำ และไม่กระทบกับประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ปลายทาง หรือเพิ่มภาระให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ดูแล นอกจากนี้ ผู้จำหน่ายในกลุ่มนี้ยังมีประวัติการตรวจจับช่องโหว่ในผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยของตนเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งคุณลักษณะสำคัญที่ผู้จำหน่ายเหล่านี้พึงมีได้แก่ ความน่าเชื่อถือ, การให้ทรูพุตที่ต่อเนื่อง และมีผลิตภัณฑ์ที่เอื้อต่อการจัดการและบริหารงานได้เป็นอย่างดี”
ธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยบนเครือข่ายของ Sophos เติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องกว่าคู่แข่งในตลาด โดยในปีงบประมาณของ Sophos ที่นับถึงวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา พบการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 27.5 เปอร์เซ็นต์ในกลุ่มธุรกิจความปลอดภัยบนเครือข่าย ซึ่งมากกว่าอัตราเติบโตของตลาดโดยรวมที่อยู่ที่ 7 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ เมื่อวัดในช่วงเวลาเดียวกันแล้ว ธุรกิจในกลุ่ม UTM และ Next-Generation Firewall (NGFW) ทำรายได้กว่าครึ่งหนึ่งของรายรับรวมทั้งหมดทั่วโลกของ Sophos
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ UTM และโซลูชั่นไฟร์วอลล์แบบ Next-Generation ของ Sophos สามารถเข้าดูได้ที่ www.sophos.com/utm
และสามารถดาวน์โหลดสำเนารายงาน 2016 Gartner Magic Quadrant for Unified Threat Management ได้จาก https://www.sophos.com/en-us/security-news-trends/reports/gartner/magic-quadrant-utm.aspx
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Startup Thailand & Digital Thailand ภูมิภาค 2016 ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ในระหว่างวันที่ 16-18 กันยายน ณ ดวงจิตต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดภูเก็ต เพื่อแสดงจุดยืนและความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อการเข้าสู่การเป็นประเทศชั้นนำในระดับนานาชาติ โดยการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพ และการเข้าสู่สังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล ในการนี้ได้รับเกียรติจาก พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมในพิธีเปิดด้วย
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป เอปสัน ประเทศไทย และนางสาวเหมือนฝัน สิริกรณ์ คุณาวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการ อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์ (Imaginia Playland) ถ่ายภาพร่วมกันในโอกาสเอปสันร่วมเติมเต็มจินตนาการของเด็ก ๆ ด้วยการมอบเอปสันโปรเจ็กเตอร์ความสว่างสูง และเอปสัน โปรเจ็กเตอร์อินเตอร์แอ็คทีฟ รวม 13 เครื่อง สำหรับติดตั้งภายในสวนสนุก อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์ ชั้น 3 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เพิ่มพูนความสนุกและสร้างสรรค์จินตนาการของเด็ก ๆ ผ่านเทคโนโลยีจากเอปสัน
เอปสัน ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำตลาดโปรเจ็กเตอร์ ด้วยการคว้าตำแหน่งผู้ผลิตโปรเจ็กเตอร์อันดับ 1 ของโลกเป็นปีที่ 15 ติดต่อกัน ถือเป็นความสำเร็จที่ชี้ชัดว่าเอปสันคือผู้นำตลาดเทคโนโลยีภาพตัวจริง
บริษัทวิจัยตลาดโปรเจ็กเตอร์ชื่อดัง ฟิวเจอร์ซอส คอนซัลติ้ง (Futuresource Consulting) เผยว่าเอปสันมีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดในหมวดโปรเจ็กเตอร์ความสว่างระดับ 500 ลูเมนส์ขึ้นไปในตลาดโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 32.1 ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งขยับขึ้นจากร้อยละ 29.4 ในปี พ.ศ. 2557 และในปีที่ผ่านมาเอปสันโฮม โปรเจ็กเตอร์ มีส่วนแบ่งในตลาดถึงร้อยละ 35.1 ซึ่งตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา เอปสันมีส่วนแบ่งการตลาดขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เอปสันขึ้นแท่นผู้นำตลาดมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอปสันมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 28 ในปี พ.ศ. 2558 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 24 ในปี พ.ศ. 2557
เอปสันสร้างสรรค์โปรเจ็กเตอร์เพื่อตอบสนองความต้องการของทุกตลาดและทุกการใช้งาน ตั้งแต่โปรเจ็กเตอร์สำหรับใช้งานในห้องเรียนหรือห้องประชุมขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง ไม่ว่าจะเป็นโปรเจ็กเตอร์ระบบอินเตอร์แอ็คทีฟสำหรับองค์กรธุรกิจและสถาบันการศึกษา จนถึงโปรเจ็กเตอร์ระดับความสว่างสูงเพื่อใช้งานในห้องประชุมขนาดใหญ่ รวมถึงโปรเจ็กเตอร์สำหรับให้เช่า เพื่อใช้สำหรับงานอีเว้นท์หรืองานจัดแสดงนิทรรศการทั่วไป
ความโดดเด่นของโปรเจ็กเตอร์เอปสันอยู่ที่เทคโนโลยี 3LCD ที่พลิกโฉมวงการโปรเจ็กเตอร์ และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เอปสันครองตำแหน่งผู้นำตลาดโปรเจ็กเตอร์มายาวนานถึง 15 ปีเต็ม โดยเทคโนโลยี 3LCD สามารถแสดงภาพแจ่มชัดสมจริงด้วยสีสันที่สว่างสดใสกว่าโปรเจ็กเตอร์ระบบ DLP ที่มีชิปเดียวถึง 3 เท่า
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอปสัน ได้มีการลงทุนด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ให้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ มาโดยตลอด เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดโปรเจ็กเตอร์ รวมถึงเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้า และสร้างประสบกาณ์ด้านภาพที่น่าตื่นใจ ให้แก่ลูกค้าของเอปสันอย่างต่อเนื่องต่อไป”