บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอแนะนำโซลูชั่นใหม่ล่าสุด Light Cost Management Plus (LCM Plus) ที่จะตอบโจทย์ความต้องการในการจัดการเอกสารองค์กร ช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนสำหรับการทำงาน ทำให้ไม่ต้องกังวลถึงภาระค่าใช้จ่ายและการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองแบบเก่า ๆ อีกต่อไป โดยโซลูชั่นนี้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
1. Device Log Service บริการจัดเก็บข้อมูลการใช้งานเครื่องมัลติฟังก์ชั่น บนอินเตอร์เน็ตแบบคลาวด์ ทำให้สามารถจัดเก็บสถานะรายงานการใช้งานเครื่องได้อย่างครบถ้วน และสามารถรายงานสรุปการสั่งพิมพ์โดยแยกค่าใช้จ่ายตามแผนก หรือบุคคลได้อัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดและควบคุมค่าใช้จ่ายในแต่ละส่วนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Cloud on-Demand Print บริการสำหรับพิมพ์เอกสารแบบ “รับงานที่ใดก็ได้” โดยผ่านคลาวด์ คือ สั่งงานพิมพ์จากคอมพิวเตอร์ หรือ แอพพลิเคชั่นมือถือ เพื่ออัพโหลดขึ้นระบบคลาวด์ ไปยังไปยังเครื่องมัลติฟังก์ชั่นได้ทุกเครื่องไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม โดยไม่จำเป็นต้องลงไดร์ฟเวอร์ทุกเครื่องที่ใช้งาน สามารถสั่งพิมพ์งานผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือได้สะดวกและรวดเร็ว ทำให้ช่วยลดเวลาการทำงานได้เป็นอย่างดี
3. นอกจากนี้ฟูจิ ซีร็อกซ์ยังมีระบบให้บริการเชิงรุกหลังการขาย Electronic Partnership Broadband หรือ EP-BBคือเมื่อเครื่องมัลติฟังค์ชั่นเกิดปัญหา ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังศูนย์บริการของฟูจิ ซีร็อกซ์ ทำให้เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับงานพิมพ์ลูกค้าจะได้รับบริการและแก้ไขปัญหาที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0-2660-8000 ต่อ 9303 หรือสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.fujixerox.co.th/th/solution/154
บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด ผู้ดำเนินการตลาดและการขายกระเบื้องเซรามิกปูพื้นและบุผนังตรา “โสสุโก้” พาตัวแทนจำหน่ายเดินทางเยือนประเทศนิวซีแลนด์ ชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แคนเทอร์เบอรี่ นั่งเรือล่องแม่น้ำเอวอนที่ไหลผ่านใจกลางเมืองไครส์เชิร์ช แวะซื้อของฝากและของที่ระลึกที่เมืองแอชเบอร์ตัน แล้วไปเยี่ยมชมฟาร์มปลาแซลมอนและโรงผลิตไวน์กิบสตัน ไวเนอรี ขึ้นกระเช้ากอนโดลาสู่ยอดเขาบ๊อบส์พีคเพื่อชมความสวยงามของเมือง ควีนส์ทาวน์ นั่งเรือกลไฟโบราณชมความงามของทะเลสาบวาคาทีปู ดูการสาธิตการตัดขนแกะและการแสดงสุนัขต้อนแกะที่วอลเตอร์ พีค ฟาร์ม แวะเมืองแอร์โรว์ทาวน์ที่เคยเป็นเหมืองทอง นั่งเรือเร็วล่องแม่น้ำช็อตโอเวอร์ ปิดท้ายด้วยการชมทิวทัศน์ที่สวยงามราวภาพวาดของเมืองโอมารามา เพื่อเป็นการตอบแทนและเป็นขวัญกำลังใจในการสร้างผลงานที่ดีต่อไป
กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดตัวระบบฐานข้อมูลและติดตามการขนส่งกากอุตสาหกรรม (GPS) เพื่อติดตามรถขนส่งกากของเสียอันตรายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านแอพพลิเคชั่น GPSHZW DIW สามารถเช็คตำแหน่งของรถขนส่งได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง (Real Time) ป้องกันการลักลอกทิ้งกากอุตสาหกรรม ภายใต้ “โครงการจัดสร้างระบบฐานข้อมูลและติดตามการขนส่งกากอุตสาหกรรม (GPS)” ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ร่วมพัฒนากับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยเสริมศักยภาพในการควบคุมการกำกับดูแลการขนส่งของเสียและป้องกันการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม พร้อมประกาศบังคับใช้ กรกฎาคม 2559 ทั้งนี้ คาดว่าหากทุกโรงงานเข้าสู่ระบบการกำจัดกากฯ แล้ว จะมีกากอุตสาหกรรมอันตรายเข้าสู่ระบบไม่ต่ำกว่า 470,000 ตันต่อปี
นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การจัดการกากอุตสาหกรรมเป็นภารกิจเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้จัดทำแผนการจัดการกากอุตสาหกรรม พ.ศ.2558-2562 ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 ซึ่งปัจจุบันมีการควบคุมรถขนส่งของเสียอันตรายและการแจ้งข้อมูลการขนส่ง แต่ยังพบว่ามีการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในหลายพื้นที่ เนื่องจากยังไม่มีระบบติดตามตัวรถขนส่งทำให้เกิดการลักลอบทิ้งกากระหว่างการขนส่ง กระทรวงอุตสาหกรรม จึงมอบหมายให้ กรมโรงงานฯ จัดทำ “โครงการจัดสร้างระบบฐานข้อมูลและติดตามการขนส่งกากอุตสาหกรรม (GPS)” ระบบฐานข้อมูลและติดตามการขนส่งกากอุตสาหกรรม (GPS) เพื่อติดตามรถขนส่งกากของเสียอันตรายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบเรียลไทม์ (Real Time) โดยคาดหวังว่าจะสามารถบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้าน ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และรองโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ระบบฐานข้อมูลและติดตามการขนส่งกากอุตสาหกรรม (GPS)” สามารถรายงานตำแหน่งของรถขนส่งด้วยระบบ GPS (Global Positioning System) ผ่านแอพพลิเคชั่น GPSHZW DIW บนสมาร์ทโฟนในระบบแอนดรอย (Android) และเว็บไซต์ http://gisapp.diw.go.th ภายในระบบฯ จะระบุรายละเอียดข้อมูลการขนส่ง อาทิ หมายเลขประจำตัวเครื่องบันทึกข้อมูล (GPS ID) วันเวลาที่ส่งข้อมูล ข้อมูลของเสียที่จะขนถ่าย ละติจูด ลองจิจูด ความเร็ว สถานะเครื่องยนต์ ทิศทางการเดินทาง เป็นต้น โดยสามารถติดตามรถขนส่งได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง และรายงานข้อมูลทุก ๆ 1 นาที ตั้งแต่เริ่มมีการแจ้งนำของเสียออกนอกโรงงานจนกระทั่งเข้าสู่แหล่งกำจัดกาก ซึ่งหากเกิดปัญหาการทิ้งกากระหว่างการขนส่งหรือนอกพื้นที่ กรมโรงงานฯ จะสามารถตรวจสอบได้ทันที ซึ่งจะทำให้กรมโรงงานฯ กำกับดูแลการจัดการกากอันตรายในภาพรวมได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการตรวจสอบถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในช่วงวันหยุดยาวได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ระบบการติดตามการขนส่งกากอุตสาหกรรมได้พัฒนาเสร็จแล้ว ขณะนี้ กรมโรงงานฯ อยู่ระหว่างการร่างกฎหมายเพื่อกำหนดให้รถขนส่งกากอุตสาหกรรมอันตรายติดตั้งระบบ GPS ทุกคัน และเตรียมบังคับใช้เป็นกฎหมายลงโทษกับผู้ประกอบการขนส่งกากฯ ที่ลักลอบทิ้งกากอันตราย โดยจะเริ่มบังคับใช้จริงในเดือนกรกฎาคม 2559 โดยแนวทางของกฎหมายคือ หากรถขนส่งกากฯ ไม่ดำเนินการติดตั้งระบบ GPS และไม่ส่งข้อมูล GPS ให้กับกรมโรงงานฯ กรมโรงงานฯ จะไม่พิจารณาออกใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตรายเพื่อการขนส่งได้ ซึ่งคาดว่าหลังจากบังคับใช้จริง ทุกโรงงานต้องเข้าสู่ระบบการกำจัดกากฯ ซึ่งปัจจุบันมีกากอุตสาหกรรมอันตรายเข้าสู่ระบบประมาณ 1 ล้าน ตันต่อปี
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กรมโรงอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0-2202-4017 หรือเข้าไปที่ www.diw.go.th หรืออีเมล์ pr@diw.mail.go.th
กลับมาอีกครั้งกับงาน กัสม่าปริ้นท์ 2016 หรือ GASMA PRINT 2016 ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ประกอบการ การค้าวัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีการพิมพ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในปีนี้ผู้ประกอบการได้ยกทัพนำสินค้า เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าร่วมแสดงภายในงานอย่างคับคั่ง นอกจากนี้สมาคมการค้าวัสดูอุปกรณ์การพิมพ์ไทยที่เป็น ผู้จัดงานเล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาอุตสากหรรมการพิมพ์ จึงได้กำหนดแผนที่จะเดินหน้าสนับสนุนและ พัฒนาการพิมพ์ โดยปีนี้ได้เปิดพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการพิมพ์เข้าร่วมแสดงและนำเสนอผลงานรวมถึงการบริการแก่ ผู้เข้าชมงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ประกอบการทั้งหลาย
กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย นำโดย นางภรณี กองอมรภิญโญ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ (แถวบน ที่ 2 จากซ้าย) และ นายนารินทร์ วงศ์ธนาศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัย ความปลอดภัย และรัฐกิจสัมพันธ์ (แถวบน ที่ 1 จากซ้าย) เป็นตัวแทนต้อนรับสื่อมวลชนสายท่องเที่ยวจำนวน 26 คน พร้อมด้วยคณะทำงานจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง ในการเข้าเยี่ยมชมโรงงานของบริษัทฯ ในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย โดยการเยี่ยมชมโรงงานในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่จัดโดย ททท. สำนักงานระยอง เพื่อประชาสัมพันธ์งาน “ปั้นทราย…งานศิลป์…ถิ่นระยอง” ซึ่งจัดขึ้น ณ บริเวณชายหาดน้ำริน อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ในระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2559
ในโอกาสนี้ คณะผู้เยี่ยมชมได้รับฟังเกี่ยวกับความเป็นเลิศทั้งทางด้านเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยระดับโลก และการจัดการด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมของกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำเสนอโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดระยองที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความสำเร็จให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน
นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึงโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติก ว่า ขณะนี้ สศอ.ได้ดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกปี 2559-2564 เสร็จแล้ว ซึ่งประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์ 6 กลยุทธ์ โดยมีเป้าหมายขยายศักยภาพอุตสาหกรรมพลาสติกไทยสู่เวทีโลก และขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 30 ของการผลิตในปี 2564 คาดว่าจะใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 1,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 5 ปี
สำหรับรายละเอียดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติก ประกอบด้วย 1.ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมพลาสติกไทย โดยเน้นดำเนินการส่งเสริมขยายขนาดผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SMEs) เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและใหญ่เพิ่มขึ้น พร้อมส่งเสริมให้เกิดการลงทุนบริเวณชายแดนและในประเทศเพื่อนบ้าน 2.ยกระดับผลิตภัณฑ์พลาสติกสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูง โดยเน้นส่งเสริมนวัตกรรม เทคโนโลยีการออกแบบผลิตภัณฑ์พลาสติก และส่งเสริมโอกาสทางการตลาดของผลิตภัณฑ์พลาสติกมูลค่าสูง 3.พัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกไทยควบคู่สิ่งแวดล้อม โดยเน้นพัฒนาเทคโนโลยีและการจัดการผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีพลาสติกชีวภาพและส่งเสริมตลาดผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ คาดว่าจะนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติในเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้จากข้อมูลปี 2558 พบว่าประเทศไทยมีการผลิตเม็ดพลาสติกประมาณ 8.7ล้านตันและในจำนวนนี้มีการส่งออกในรูปเม็ดพลาสติกมากถึงร้อยละ 58 หรือประมาณ 5.1 ล้านตัน ดังนั้นประเทศไทยจึงควรสนับสนุนให้มีการแปรรูปเม็ดพลาสติกเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออกแทนที่จะส่งออกในรูปเม็ดพลาสติกซึ่งมีมูลค่าต่อหน่วยต่ำกว่า
นอกจากนั้นยังพบว่าปี 2558 ประเทศไทยสามารถผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นมูลค่า 521,727 ล้านบาท และสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นมูลค่า 191,708 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 37 โดยส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียนร้อยละ 66 ภูมิภาคยุโรปร้อยละ16 โดยมีผลิตภัณฑ์พลาสติหลักที่ส่งออก ได้แก่ ชิ้นส่วนพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติก PE ส่วนใหญ่ส่งไปยัง ญี่ปุ่น และ จีน
สำหรับประเทศที่ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น รองลงมาได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย ส่วนในภูมิภาคเอเชีย ประเทศที่ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกมาก นอกเหนือจาก ญี่ปุ่น คือ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย และจีน ตามลำดับ ส่วนการนำเข้าในปี 2558 ไทยนำเข้าพลาสติกทั้งหมดมีมูลค่า 202,427 ล้านบาท จากจีน 56,600 ล้านบาท, ญี่ปุ่น 35,870 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 28 และ 18 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามเมื่อยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดจะส่งผลให้การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกในปี 2564 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 702,000 ล้านบาท ส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 211,000 ล้านบาท หรือ การผลิตเพิ่มขึ้น 183,000 ล้านบาท ส่งออกเพิ่ม 90,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดการผลิตและส่งออกของไทยในปี 2557 ที่ผ่านมา
บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MSC แถลงผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ปี 2558 มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 6,977 ล้านบาท โดยมีผลกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 17% มั่นใจธุรกิจในอนาคตเติบโตอย่างมั่นคง ปี 2559 วางแผนนำเสนอโซลูชั่นบริการด้านไอทีใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่องให้กับองค์กร (Recurring Revenue)
นายกิตติ เตชะทวีกิจกุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MSC เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยว่า ในปี 2558 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 6,977 ล้านบาท โดยมี ผลกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท หรือ เติบโตเพิ่มขึ้น 17% บริษัทฯ และบริษัทย่อย ยังมีสินทรัพย์รวม 3,366 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,797 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 1,569 ล้านบาท สำหรับโครงสร้างรายได้ของ MSC มาจากกลุ่มสินค้าด้าน ฮาร์ดแวร์ 37%, ซอฟต์แวร์โซลูชั่น 23%, วัสดุสิ้นเปลือง 30% และบริการ 10% กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ มาจากธุรกิจประเภทต่าง ๆ ได้แก่ บริการ, การเงิน, เทคโนโลยี, อุตสาหกรรม และอื่น ๆ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมีฐานลูกค้าที่มั่นคง โดยลูกค้าเก่าที่มีการซื้อซ้ำมีจำนวน 81% ซึ่งนับเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 97% ของรายได้จากการขายสินค้าและบริการทั้งหมดของบริษัทฯ
นายอรุณ ต่อเอกบัณฑิต กรรมการบริหาร บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2559 มั่นใจว่าจะสามารถเติบโตอย่างมั่นคง จากนโยบายการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Revenue) ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นรูปแบบใหม่ IT Cloud Services ให้บริการเช่าใช้งานทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮารด์แวร์ผ่านเทคโนโลยีระบบคลาวด์ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการใช้บริการด้านไอทีได้ง่ายขึ้นเนื่องจากมีการลงทุนที่ต่ำลง บริษัทฯ จะให้บริการด้วยซอฟต์แวร์ระบบ Workflow อาทิ Employee Self Service, Enterprise Helpdesk และ QlikView ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ด้าน BI-Business Intelligence สำหรับผู้บริหารระดับสูงใช้วิเคราะห์ติดตามการทำธุรกิจเพื่อช่วยตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งบริษัทฯ ได้พัฒนาแม่แบบของ “QlikView” BI Business Template ให้สามารถนำไปใช้งานได้สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยมี BI Template พร้อมให้บริการสำหรับธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจจัดจำหน่าย และอุตสาหกรรมการผลิต อีกทั้งจะผลักดันงานให้บริการประเภทสัญญา ได้แก่ Managed Services, BCS-Business Continuity Services และ MA-Maintenance Agreement Services สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องให้กับองค์กร
“บริษัทฯ มีเทคโนโลยีและบริการชั้นนำ มีทีมบุคลากรที่มีศักยภาพสูง ซึ่งสามารถนำจุดแข็งดังกล่าวไปนำเสนอบริการในฐานะผู้เชี่ยวชาญในระบบงานด้านไอทีที่สามารถสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของลูกค้าในบริการให้คำแนะนำปรึกษาและวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที”
นายอรุณ กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับลูกค้าในทุกระดับ สำหรับกลุ่มลูกค้าหลัก (Key Account) จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษภายใต้นโยบาย Strategic Customer Focus เพื่ออำนวยความสะดวกสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ในปี 2559 บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนดำเนินนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR โดยมุ่งเน้นเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น และสนับสนุนการพัฒนาชุมชนและสังคม โดยให้ความรู้ด้านไอทีกับสถาบันการศึกษา เพื่อให้นักศึกษาได้มีความรู้ตรงกับความต้องการในอุตสาหกรรม
ท่านที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของบริษัทฯ ได้ทาง www.metrosystems.co.th หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ir@metrosystems.co.th
บริษัท นิวแม็ก จำกัด ได้เข้าร่วมแสดงสินค้า ในงาน Food Pack Asia 2016 ในวันที่ 3-6 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ทางบริษัทฯ ได้มีการจัดแสดงสินค้า นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับการผลิต และบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และมีการสาธิตการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ จากแผนก Automation, Vacuum Pump และ Valve & Pump ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมสินค้าภายในบูธที่จัดแสดงเป็นจำนวนมาก ทางบริษัทฯ ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชม และทางบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากท่านอีกในโอกาสต่อ ๆ ไป
รศ.ดร.คมสัน มาลีสี คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พร้อมด้วยผู้บริหารคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. ให้การต้อนรับ ศาสตราจารย์ โซโตมิ อิริฮาร่า (Sotomi Ishihara) และศาสตราจารย์ โตโม ทากะ โฮเมะ (Tomotaka Homae) อธิการบดีจาก โตยามะ คอลเลจ เอ็นไอที แห่งญี่ปุ่น เพื่อหารือความร่วมมือทางวิชาการ วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิศวกรรมและเทคโนโลยี สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัยสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
นายทากาโยชิ มิกิ (แถวแรก ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด พร้อมด้วย นายบัณฑิต ศรีวัลลภานนท์ (แถวแรก ที่ 4 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ ร่วมกันมอบรางวัลให้แก่ตัวแทนจำหน่ายเครื่องปรับอากาศไดกิ้นที่มีผลประกอบการยอดเยี่ยมประจำปี 2558 ในงาน Daikin Award 2016 เพื่อเป็นแรงผลักดันตัวแทนจำหน่ายและตอกย้ำความเป็นอันดับ 1 ในด้านระบบปรับอากาศของไทย โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ไดกิ้นอินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายฮิโรคาสุ ฮิราโอะ (แถวแรก ที่ 5 จากขวา) ประธานและ นายโชโกะ อันโด (แถวแรกที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการร่วมแสดงความยินดีกับตัวแทนจำหน่าย และ นายณเดชน์ คูกิมิยะ (แถวแรก ยืนกลาง) นักแสดงแลพรีเซ็นเตอร์ไดกิ้นคนล่าสุด ร่วมสร้างสีสันในงาน ณ ห้องรอยัล จูบิลี่บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นางสาวศรัณยา พิภพภิญโญ (แถวบนสุด ลำดับที่ 7 จากขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายอาจหาญ เพ็ชรดี (แถวบนสุด ลำดับที่ 5 จากซ้าย) Senior Vice President ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบรางวัลซัมซุงกาแล็คซี่ โน๊ต 5 มูลค่า 25,900 บาท จำนวน 40 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 1,036,000 บาท ให้แก่ผู้โชคดีจากแคมเปญ “กดง่าย ได้ลุ้น Samsung Galaxy Note 5 กับอิออนยัวร์แคช ที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ” ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน–31 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา
นายธนะพัฒน์ วัชรฐิติเปรมชัย (กลาง) ประธานบริหาร บริษัท ศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย สแตนเลส อินเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตประตูรั้วอัลลอยรายใหญ่ในประเทศไทย จัดงานเปิดตัว บริษัท ธ รวมวัสดุ จำกัด ผู้นำเข้านวัตกรรมใหม่ล่าสุดในเมืองไทย “ประตูรั้วไร้รอยเชื่อม” ผลิตภัณฑ์ขึ้นรูป ร้อท-อลูซิงค์-น็อคดาวน์ ที่มีความสวยงาม เป็นวัสดุเอนกประสงค์ สามารถนำมาดัดแปลงหรือประยุกต์เป็นระเบียงกันตก ราวบันได หรือเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ถูก-เร็ว- ดี- มีครบ” ณ ศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย สาขาบางบอน
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร (ขวา) ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัล 2016 Frost & Sullivan Thailand Excellence Award ในสาขา องค์กรดีเด่นด้านการพัฒนาคลังสินค้าในประเทศไทย จาก มร.ราวี เค รองประธานบริษัทฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน โดยรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ได้เน้นย้ำถึงความเป็นเลิศด้านงานบริการและความสำเร็จของบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมกลุ่มอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศไทยตลอดมา
นายอรพงศ์ เทียนเงิน (ขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้ายกระดับความปลอดภัยอุตสาหกรรมการแพทย์ด้วยการให้บริการ การบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์ (SAM) แก่เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล นำโดย นายอัฐ ทองแตง (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล โรงพยาบาลแรกที่นำการบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์เข้ามาใช้ครอบคลุมทุกสาขา พร้อมด้วย อาจารย์ปริญญา หอมเอนก (ซ้าย) ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์
บริษัท ซีพีไอ อะโกรเทค จำกัด ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เข้าร่วมงาน คลินิกปาล์มน้ำมันสัญจร โดยมี นายบรรจง กนะกาศัย นายอำเภอปลวกแดง เป็นประธานในพิธีเปิด ภายในงานมีนิทรรศการให้ความรู้เรื่องปาล์มน้ำมัน และมีนักวิชาการคอยให้คำปรึกษา ทุกปัญหาของปาล์มน้ำมัน พร้อมแนะนำธุรกิจแปลงเพาะกล้าปาล์มสาขาณ แปลงเพาะปาล์มดีลีลา จังหวัดระยอง
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา คุณชนาภา เลิศรุ่งเรือง ผู้จัดการกลุ่มโครงการ บริษัท รี้ดเทรดเด็ก จำกัด ตัวแทนของ Assembly & Automation 2016 และ Automotive Manufacturing 2016 สองงานแสดงสินค้านานาชาติ ที่ Reed Tradex คว้ารางวัลจาก TCEB จากโครงการ Asean Rising Trade Show 2016 เพื่อสนองนโยบายประชารัฐฯ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การจัดงานแสดงสินค้าระดับ ASEAN สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
นายปฏิภาณ สุคนธมาน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีชั้นปลาย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC (คนขวา) และ นายสุชาติ ซื่อสัจจกุล ประธานการจัดงาน A-PLAS 2016 ร่วมเปิด ยุทธศาสตร์ไบโอพลาสติกใน งานแสดงสินค้านานาชาติด้านอุุุตสาหกรรมพลาสติกแบบครบวงจร A-PLAS 2016 ระหว่างวันที่ 14-17 กันยายน 2559 ณ ไบเทค บางนา ฮอลล์ 101-102
นายสมมาตร บุณยะสุนานนท์ รองประธาน บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนบริษัทรับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณจาก หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ฟูจิ ซีร็อกซ์ ร่วมสนับสนุนการจัดการแข่งขันประกวดสุดยอดแผนธุรกิจระดับเอเซีย Asia Venture Challenge 2016 ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจัดขึ้นเป็นปีที่ 12 ภายใต้แนวคิด "Millennial–Reigniting Entrepreneurship" โดยมีทีมเข้าร่วมประกวดจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในเอเชียทั้งหมด 12 ทีม จาก 9 ประเทศ ได้แก่ มหาวิทยาลัยจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง, อินเดีย, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไต้หวัน, เกาหลี และไทย เพื่อเฟ้นหาทีมผู้ชนะที่จะได้เริ่มต้นธุรกิจจากแผนการตลาดที่ได้รับการคัดเลือกด้วยเงินรางวัลมูลค่า 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน กรุงเทพฯ
นายชุมพร คูร์พิพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ถิรไทย อี แอนด์เอส จำกัด บริษัทในเครือ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ นายฉลวย รักแจ้ง ประธานตรวจสอบผลิตงานซ่อมบำรุงและสร้างตัวถังยานพาหนะ พร้อมทีมงานการไฟฟ้านครหลวง เข้าตรวจสอบคุณภาพการผลิตรถกระเช้าไฮดรอลิก ความสูงพื้นกระเช้า 15 เมตร จำนวน 4 คัน มูลค่ารวม 23.6 ล้านบาท ก่อนส่งมอบครั้งสุดท้าย เพื่อนำไปใช้ปฏิบัติหน้าที่ในระบบการไฟฟ้านครหลวง สำหรับการยกและเคลื่อนย้าย เพื่อรองรับความปลอดภัย ของคนงานบนรถยก และภายในบริเวณรอบข้าง ณ บริษัท ถิรไทย อี แอนด์เอส จำกัด นิคมอุตสาหกรรมบางปู
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) และ นายฮิโรยะ คาวาซากิ ประธานบริหาร บริษัท โกเบ สตีล จำกัด ร่วมลงนามในสัญญาร่วมทุนเพื่อผลิตเหล็กลวดเกรดพิเศษป้อนเข้าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ โดยมี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน ณ เดอะเฮ้าส์ออนสาทร โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ
ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (คนที่ 3 จากซ้าย) และ นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (คนที่ 4 จากซ้าย) พร้อมด้วยผู้บริหารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิด Angel Fund for Startup Entrepreneur Project โครงการสนับสนุนเงินร่วมลงทุนในการจัดตั้งธุรกิจแก่ผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ทอัพ ภายใต้กรอบแนวคิด SMARTER GREENER TOGETHER วงเงินสนับสนุนเงินทุนสูงสุดรายละ 7 แสนบาท ทั้งนี้ งานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พระรามที่ 6 กรุงเทพฯ
มร.ฮิเดคาสึ อิโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดตัว KMITL Smart Surveillance System ระบบเฝ้าระวังอัจฉริยะ และรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการครบวงจร โดยสั่งการผ่าน Control Room ด้วยเทคโนโลยีภาพความคมชัดสูง 4K ซึ่งมีความละเอียดสูงสุดในปัจจุบัน โดยมี คุณราณี สิทธิแก้ว ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายขาย และการตลาด ผลิตภัณฑ์ซีเคียวริตี้ โซลูชั่น บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พ.ต.อ.อรรถวินทร์ เกษแก้ว ผู้กำกับ สน.จรเข้น้อย พ.ต.ท.สมชาย ธรรมสารตระกูล รองผู้กำกับปราบปราม สน.จรเข้น้อย และ ผศ.ดร.ชลิดา อู่ตะเภา ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมงาน
วิชิต พยุหนาวีชัย (แถวหน้า ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด จัดประชุมใหญ่ประจำปีเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงานได้มีส่วนร่วมในการทำให้บริษัทฯ เติบโตและประสบความสำเร็จ พร้อมแจ้งผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีที่ผ่านมา และแผนเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตามโรดแมปขององค์กร เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำทางธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ณ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา
นายโกวิทย์ คันธาภัสระ (ซ้าย) ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร จีอี ประเทศไทย พม่า และลาว และ นายวรวุฒิ อนุรักษ์วงศ์ศรี (ขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ในพิธีลงนามสัญญาบำรุงรักษาระยะยาว เฟสที่ 2 ซึ่ง GE จะเป็นผู้บำรุงรักษากังหันก๊าซ LM6000 PD ของจีอี ที่จะใช้ในโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่กำลังก่อสร้างของบริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด เป็นระยะเวลา 12 ปี โรงไฟฟ้าดังกล่าวตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะอิน และจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2560 นี้ โดยจะมีขนาดกำลังการผลิต 117.5 เมกะวัตต์
ดร.วิริยะ ลิขิตวงศ์ นายกสมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาเครือข่ายทีปรึกษา SMEs มอบดอกไม้แสดงความยินดี ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมร่วมลงนามให้ความร่วมมือระหว่างกันเพื่อเป็นพันธมิตรที่เข็มแข็ง ในโอกาสเปิดตัวศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรม (BSC) ศูนย์กล้วยน้ำไท ศูนย์บริการเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ทั่วประเทศ แบบครบวงจร ณ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
เพียงฤทัย ศิวารัตน์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการโรงงานโคราช บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (กลาง) มอบสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม ผ้าเย็น และกาแฟ เป็นต้น แก่ศูนย์แก้ไขปัญหาจราจร บนถนนมิตรภาพ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในด้านการเดินทางแก่ประชาชนผู้ใช้เส้นทางถ.มิตรภาพ ขานรับนโยบายรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2559 โดยมี พ.ต.อ.ขุนศึก เศรษฐชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสูงเนิน (ที่ 2 จากซ้าย) เป็นตัวแทนรับมอบ
น.สพ. อยุทธ์ หรินทรานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานเปิดงาน สุดยอดงาน FIAAP/VICTAM/GRAPAS Asia 2016 งานแสดงสินค้าด้านอาหารสัตว์ และเมล็ดพืช ใหญ่ที่สุดในเอเชีย–แปซิฟิก โดย บริษัท วิคเทม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เล็งเห็นไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าด้านอาหารสัตว์และเมล็ดพืช โดยมี นายภูษิต ศศิธรานนท์, นายมนัส กิจประเสริฐ, นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ร่วมงาน ณ ศูนย์งานแสดงสินค้าไบเทค
บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นางสาวสติยา ลังการ์พินธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ ร่วมแสดงความยินดีกับนักเรียนผู้ชนะการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ครั้งที่ 18 (The Eighteenth Young Scientist Competition: YSC 2016) ซึ่งจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมชิงชัยในงาน อินเทล ไอเซฟ 2016 (Intel International Science and Engineering Fair 2016) ณ เมืองฟินิกซ์ มลรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 8-13 พฤษภาคม พ.ศ.2559
มร.มาร์ติน นีลสัน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และ นาย สุรัช พร้อมรุ่งเรือง ผู้จัดการฝ่ายขายรถบรรทุก บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด ส่งมอบรถบรรทุกหัวลากประสิทธิภาพสูง สแกนเนีย รุ่น P 410 LA6x4MSZ ล็อตแรกจำนวน 10 คัน แก่ นางสาวกัญรินทร์ เจริญผลคงภัทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ โซลูชั่น โลจิสติกส์ จำกัด เพื่อใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการแก่ลูกค้า ในการขนส่งสินค้าทั่วประเทศ พร้อมทั้งรองรับการเติบโตของธุรกิจ
นางสาวรำภา คำหอมรื่น (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน และรองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัดด (มหาชน) ร่วมกับชุมชนบางพลี มอบเครื่องเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติแบบพกพา (AED) แก่โรงพยาบาลบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อประโยชน์ในการช่วยชีวิตผู้ป่วยยามฉุกเฉิน ในโอกาสพิธีเปิดโฉมใหม่ที่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาบางพลี เพื่อมอบความสุขและความเพลิดเพลินที่เพิ่มขึ้นให้กับชาวบางพลี ณ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาบางพลี
มร.เซบาสเตียน พาวเวอร์ (ซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ สายงานปฏิบัติการ บริษัท รักษาความปลอดภัย พีซีเอส และ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด คุณอคริมา อภิพรพัชร (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการส่วนธุรกิจแคนนอน ไฮยีน เปิดตัวผลิตภัณฑ์สุขอนามัยในห้องน้ำรูปโฉมใหม่ดีไซน์สุดล้ำ แคนนอน ไฮยีน ภายใต้ชื่อ Imagine ด้วยดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยมี คุณธนา ถิรมนัส (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ โอซีเอส ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นางแฮตเตอร์ แมรี่ สุขเกษม OBE (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง บริษัท โอซีเอส อาร์โอเอช จำกัด และ ทีมผู้บริหาร บริษัท รักษาความปลอดภัย พีซีเอส และฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด บริษัทในเครือโอซีเอส กรุ๊ป จากอังกฤษ พร้อมแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน ณ ห้อง DIAMOND LOUNGE เกษรพลาซ่า ราชดำริ
อินเตอร์ลิ้งค์ จัดงานสัมมนา "CCTV INNOVATION FOR THE FUTURE 2016" อัพเดทสาระความรู้เทคโนโลยีสาย Coaxial สำหรับกล้องวงจรปิด CCTV และ F.O. Video Converter ทั้งการออกแบบและการเลือกใช้งานอุปกรณ์ CCTV รวมทั้งแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่และผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์ของงาน โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ โดยมี คุณประภาส ลิ่มกังวาฬมงคล Sales and Marketing Director บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเปิดงานและต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงานกว่า 200 คน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงบูธ Solution ของ LINK CCTV & F.O. Video Converter System เต็มพื้นที่ งาน พร้อมแจกของที่ระลึก “เสื้อโปโลสุดเท่” ให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน ณ โรงเเรมเจ้าพระยาปาร์ค รัชดา
บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช ออโตโมทีฟ เทคโนโลยีส์ จำกัด (ประเทศไทย) จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ โรงงานผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์และเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบน้ำมันแก๊สโซลีน พร้อมด้วยศูนย์วิจัยและพัฒนายานยนต์แห่งใหม่ บริเวณนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง
ภาพถ่าย (ซ้ายไปขวา): นายเดวิด ริชาร์ด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน), นายมาร์ติน คนอซซ์ ประธานภูมิภาคอาเซียน ระบบน้ำมันแก๊สโซลีน บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช ออโตโมทีฟ เทคโนโลยีส์ จำกัด (ประเทศไทย), นายแบรนด์ โอร์ซนาว รองประธานฝ่ายวิศวกรรมระบบน้ำมันแก๊สโซลีน บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช ประเทศเยอรมนี จำกัด, ฯพณฯ นายเพเทอร์ พรือเกล เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย, นายคริสต้อฟ เคียช รองประธานกรรมการบริหารระบบน้ำมันแก๊สโซลีน บริษัท บ๊อช อินเวสเม้นท์ ประเทศจีน จำกัด, นายมาร์ติน เฮย์ส ประธานภูมิภาคอาเซียน บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ประเทศสิงคโปร์ จำกัด, นายคาร์สเทิน ซัวร์ ชเตเกอ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช ออโตโมทีฟ เทคโนโลยีส์ จำกัด (ประเทศไทย), นายโจเซฟ โหงว ฮง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด, และ นายไพฑูรย์ คูตระกูล รองผู้จัดการใหญ่บริหารองค์กรและการเงิน บริษัท สยามกลการ จำกัด
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จับมือร่วมกับ Amaury Sport Organization (ASO) ประเทศฝรั่งเศส ขยายระยะเวลาการเป็นเจ้าภาพหลักอย่างเป็นทางการในการจัดงานปารีส มาราธอน ต่อเนื่องอีก 3 ปี โดยการจัดงานในปีนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มุ่งเป้าสู่การเป็นมาราธอนแห่งแรกที่จะไม่สร้างมลพิษใด ๆ ให้กับสิ่งแวดล้อมภายใน 2 ปีข้างหน้า
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกทางด้านการบริหารจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในการเป็นเจ้าภาพหลักอย่างเป็นทางการ ในการจัดแข่งขัน ปารีส มาราธอน 2016 ในปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2016 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังทำข้อตกลงร่วมกับ Amaury Sport Organization (ASO) ประเทศฝรั่งเศส ที่จะขยายระยะเวลาการเป็นเจ้าภาพต่อเนื่องไปอีก 3 ปี จนถึงปี 2019
สำหรับการเป็นเจ้าภาพหลักในการแข่งขันปารีส มาราธอนนั้น ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพมาตั้งแต่ปี 2012 โดยทำงาน ร่วมกับทาง ASO ในการสร้างประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนให้แก่นักวิ่งทั้งหลายรวมทั้งผู้เข้าชมงาน และการแข่งขันปารีส มาราธอน 2016 ที่จัดขึ้นในปีนี้ ยังได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญด้วยการรวบรวมเอาผู้เข้าแข่งขันกว่า 57,000 คนจากทั่วโลกมาไว้รวมกัน จึงนับว่าเป็นการวิ่งมาราธอนที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
ความพิเศษไม่ได้มีเพียงแค่นี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ปารีส มาราธอน ยังนับเป็น "The most connected marathon of the world" ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขัน และผู้ชมสามารถติดตามเส้นทางการวิ่งของนักวิ่งทุกคนได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่น รวมทั้งสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล สถิติ และให้กำลังใจกันได้ตลอดระยะการแข่งขัน
การแข่งขันที่จัดขึ้นในปีนี้ เป็นการฉลองครบรอบ 40 ปีของปารีส มาราธอน ดังนั้น ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงได้ขยายความพิเศษให้กับการแข่งขันครั้งนี้ด้วยการ ร่วมกับ Amaury Sport Organization (ASO) ของฝรั่งเศส ทำให้ปารีส มาราธอน กลายเป็น "The First Carbon-neutral Marathon" หรือการเป็นมาราธอนแห่งแรกที่จะไม่สร้างมลพิษใด ๆ ให้กับสิ่งแวดล้อม โดยในปีนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริคได้ชดเชย 50% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ให้กับโครงการประหยัดพลังงานของ Hifadhirural ในประเทศเคนยา นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริคและ ASO ยังได้วางแผนที่จะทำให้ปารีส มาราธอน กลายเป็น "Marathon Carbon Neutral" คือจะไม่สร้างมลภาวะใด ๆ เลยภายใน 2 ปีข้างหน้านี้อีกด้วย
นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (ขวา) ให้การต้อนรับ นายทาริค เบก ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านเทคโนโลยีบริหารความเสี่ยง ภาคพื้นเอเชียใต้,แซส (ซ้าย) เนื่องในโอกาสมาเยือนประเทศไทย เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (IFRS9) สำหรับมาตรฐาน IFRS9 นี้คณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ (IASB)ได้ออกประกาศ เพื่อให้เป็นหลักการสากลในการสร้างแนวทางของการทำบัญชีและการรายงานทางการเงินของบริษัทต่าง ๆ ให้เป็นมาตรฐานแบบเดียวกันทั่วโลก ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2561
ทั้งนี้มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับล่าสุดนี้ ทาง IASB ให้ความสำคัญเกี่ยวกับงานใน 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย ข้อกำหนดด้านการจัดประเภทรายการ และการวัดมูลค่าทรัพย์สินทางการเงิน, การรายงานเรื่องการด้อยค่าของสินทรัพย์ และการจัดทำบัญชีปกป้องความเสี่ยงในงบการเงิน โดยผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายคาดว่า IFRS9 จะมีผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มธนาคารและบริษัทประกัน ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมในการวางระบบตั้งแต่ตอนนี้
บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) จัดงาน COMMART CONNECT 2016 งานมหกรรมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าไอทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จับกระแสเทรนด์ Connected Life โชว์นวัตกรรมตอบโจทย์ Digital Life ของเจน C โดยในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากพันธมิตรธุรกิจเข้าร่วมแสดงเทคโนโลยีภายในงานคับคั่ง อาทิ เลอโนโว, เดลล์, เอซุส, แอดไวซ์, เอปสัน, เอ็มเอสไอ, ฮอลลีวูด เอชดี, เจ.ไอ.บี คอมพิวเตอร์, สปีด คอมพิวเตอร์, ซีเอสซี, ไอทีซิตี้, เอสพีวีไอ และเอสวีโอเอ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ในภาพจากซ้าย: นางเอื้อมพร ปัญญาใส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เออาร์ไอพี, นายคณิน ธรรมภิบาลอุดม ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บจ. เอปสัน (ประเทศไทย), นายจอห์น เฉิน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโส บจ.เอซุสเทค คอมพิวเตอร์(ประเทศไทย), นายแอนดี้ เชียง, MSI Thailand Country Manager, นายแจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ ประธานบริหาร บมจ.เออาร์ไอพี, นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บมจ.เออาร์ไอพี, นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ บจ.เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย), นายฐิตากร อุษยาพร กรรมการผู้จัดการ บจ.เอสวีโอเอ, นายดนัยธร นุตาลัย ผู้จัดการ บมจ.ไอที ซิตี้, และ นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการประจำประเทศไทยฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ผนึก สถาบันและสมาคมเครือข่ายพันธมิตร จำนวนกว่า 30 หน่วยงาน อาทิ สถาบันพลาสติก สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันยานยนต์ สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย สมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย เพื่อเตรียมเปิดศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรม (BSC) สำหรับให้คำปรึกษาแก่ SMEs ครบวงจรในจุดให้บริการเดียว (One Stop Service) มุ่งเน้นการให้บริการและให้คำปรึกษาแก่ SMEs ทั้งนี้ กสอ. คาดว่าจะเปิดศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ภายในปีนี้ ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ SMEs
ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่ากรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานหลักที่ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงการบริการที่ให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด โดยได้ร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร 30 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนจากในประเทศและต่างประเทศ ในรูปแบบสถาบันอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน และสมาคมต่าง ๆ อาทิ สถาบันพลาสติกสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันยานยนต์ สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย สมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย เป็นต้น ในการร่วมกันให้คำปรึกษาแก่ SMEs และเตรียมเปิดศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรม หรือ Business Service Center (BSC) โดยเป็นการนำบริการงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องมารวมให้บริการอยู่ในสถานที่เดียวกันในลักษณะการทำงานเชิงเครือข่ายที่ส่งต่องานถึงกันได้โดยทันทีในจุดให้บริการเดียว (One Stop Service) เพื่อลดภาระของผู้รับบริการในการขอรับบริการจากภาครัฐ ลดภาระและลดระยะเวลาในการเดินทางไปติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ
โดยคาดว่าจะเปิดศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรมของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(BSC) ทั้งหมดจำนวน14 ศูนย์ โดยมีศูนย์กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พระรามที่ 6 และศูนย์กล้วยน้ำไท พระรามที่ 4เป็นศูนย์ที่รับผิดชอบดูแลและให้คำปรึกษาแก่ SMEs ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และมีอีก 12 ศูนย์ ซึ่งจะกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ SMEs ได้ครอบคลุมทั่วประเทศอย่างตรงจุด โดยในแต่ละพื้นที่จะมีหน่วยงานพันธมิตรให้การสนับสนุนข้อมูลและคำปรึกษาที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของ SMEs ในแต่ละพื้นที่ ดร. สมชาย กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้จัดพิธีลงนามหนังสือแสดงเจตนารมณ์ความร่วมมือในการให้บริการด้านต่าง ๆ แก่สถานประกอบการ ภายใต้การบูรณาการการทำงานของศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรม (BSC) ร่วมกับ สถาบันและสมาคมเครือข่ายพันธมิตร จำนวนกว่า 30 หน่วยงาน โดยจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน กล้วยน้ำไท กรุงเทพฯ
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0-2367-8133, 0-2390-1397 หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th หรือ www.facebook.com/dip.pr
มร.เซบาสเตียน พาวเวอร์ (ที่ 3 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการ สายงานปฏิบัติการ บริษัท รักษาความปลอดภัย พีซีเอส และ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด รับมอบรางวัลสุดยอดบริษัท ผู้ให้บริการบริหารจัดการและบำรุงรักษาอาคารยอดเยี่ยมประจำปี 2559 หรือรางวัล 2016 Thailand Facilities Management Industry (Building Operations & Maintenance) Company of the Year จากงานประกาศผลรางวัลระดับโลก 2016 Frost & Sullivan Thailand Excellence Awards โดยมี คุณธนา ถิรมนัส (กลาง) กรรมการผู้จัดการ โอซีเอส ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทีมผู้บริหาร บริษัท รักษาความปลอดภัย พีซีเอส และ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด บริษัทในเครือโอซีเอส กรุ๊ป จากอังกฤษ พร้อมแขกผู้มีเกียรติร่วมแสดงความยินดี ซึ่งรางวัลสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการรักษามาตรฐานบริหารจัดการอาคารและคุณภาพการบริการในระดับสากล ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ
สศอ.เผย อุปสรรคขวางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต หลังถกเครียด 9 ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ย้ำไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฮบริดและรถไฟฟ้า รัฐบาลต้องส่งเสริมให้ลงทุนแบบ Package
จากกรณี บริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ประกอบด้วย บริษัท อีซูซุ, โตโยต้า, นิสสัน และฮอนด้า ได้เสนอให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฮบริดและรถไฟฟ้า ในการประชุมหารือ Prime Minister Meets CEOs ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2559 ร่วมกับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ล่าสุด นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กล่าวว่า นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)เชิญผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรายมาหารือเกี่ยวกับแผนการลงทุนผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมา สศอ. ได้มีการหารือกับผู้ผลิตรถยนต์แล้วจำนวน 9 ราย ได้แก่ เอ็มจี, มิตซูบิชิ, อีซูซุ, โตโยต้า, นิสสัน, มาสด้า,ฟอร์ด,ซูซูกิ, ฮอนด้า ส่วนผู้ผลิตรถยนต์ที่เหลือจะทยอยเข้ามาหารือกับ สศอ. ในเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้จากการหารือผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายมีความเห็นเป็นไปในแนวทางเดียวกันว่า รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า อาทิ รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Vehicles) รถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (Plug-in Hybrid Vehicles) รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles) และรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Vehicles) ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายประการ เช่น รถยนต์มีราคาแพง ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ยังมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาในใช้งาน และตลาดยังมีความต้องการน้อยจึงไม่สามารถผลิตในระดับ Economy of Scale ได้ โดยข้อมูลความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหมดนี้ สศอ.จะนำไปวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย และนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายกรัฐมนตรี พิจารณาต่อไป
นายศิริรุจ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการส่งเสริมรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าให้ประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องเป็นการลงทุนแบบ Package คือ มีการลงทุนประกอบรถยนต์ และผลิตชิ้นส่วนหลัก เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า ควบคู่กันไป ซึ่งภาครัฐจะต้องพิจารณาแนวทางการส่งเสริมอย่างรอบคอบ เพื่อให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นต่อนโยบายส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทย
นอกจากรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจะมีข้อจำกัดดังกล่าวแล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญที่มีส่วนสนับสนุนให้การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสบความสำเร็จในประเทศไทย ได้แก่ การจัดเตรียมแหล่งพลังงานไฟฟ้าและระบบการจัดการส่งไฟฟ้าที่เหมาะสม สถานีชาร์จไฟด่วนและหัวชาร์จไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน รวมทั้ง แนวทางการกำจัดซากแบตเตอรี่ที่ชัดเจนอีกด้วย
อย่างไรก็ตามขณะนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ในระหว่างดำเนินการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับแผนการส่งเสริมการสร้างฐานการผลิตยานยนต์ในอนาคต รวมทั้งข้อเสนอของภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ในอนาคต ซึ่งจะดำเนินการควบคู่ไปกับการส่งเสริมการเป็นฐานการผลิตรถปิกอัพ 1 ตัน และรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO Car) ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจด้วย
ร่วมสะท้อนปรัชญาด้านสิ่งแวดล้อมของยิปรอค ผ่านแนวคิดการใช้รายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกอันยิ่งใหญ่ต่อโลกใบนี้
จากภาพ: ริชาร์ด จูเชรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน)
มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีแก่ วิริยะ โชติปัญญาวิสุทธิ์ ในงานเปิดตัวนิทรรศการ “Unnoticed Light”
ณ สกีมมาต้า แกลลอรี่ ทองหล่อ กรุงเทพฯ
บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตนวัตกรรมยิปซัมคุณภาพสูงภายใต้แบรนด์ ยิปรอค และผู้ให้บริการโซลูชั่นส์ระบบผนังและฝ้าครบวงจรมากว่า 45 ปี สนับสนุนการจัดนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทยของ วิริยะ โชติปัญญาวิสุทธิ์ กับนิทรรศการ Unnoticed Light ซึ่งกำหนดจัดระหว่างวันที่ 17 มีนาคม–19 พฤษภาคม 2559 ณ สกีมมาต้า แกลลอรี่ ทองหล่อ กรุงเทพฯ โดยในวันเปิดงาน คณะผู้บริหารของยิปรอค นำโดย มร.ริชาร์ด จูเชรี กรรมการผู้จัดการ เข้ามอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีศิลปินเจ้าของผลงาน นิทรรศการภาพถ่ายครั้งนี้สื่อให้เห็นถึงแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและบอกเล่าเรื่องราวของรายละเอียดเล็ก ๆ ในชีวิตที่อาจส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อสิ่งแวดล้อมของเรา สอดคล้องกับปรัชญา Gyproc Go Green ซึ่งยิปรอคยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด
มร.ริชาร์ด จูเชรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แนวทางใหม่ของการใช้ประโยชน์จากแสงและรูปทรง ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสถาปนิกและนักออกแบบในปัจจุบันสำหรับการสร้างสรรค์อาคารที่มีความยั่งยืนด้านพลังงาน เราจึงรู้สึกยินดีที่ได้เป็นผู้สนับสนุนการจัดนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทยของคุณวิริยะ โชติปัญญาวิสุทธิ์ ซึ่งนำเสนอมุมมองและแนวคิดใหม่ ซึ่งในอนาคตอาจถูกนำมาผสานเข้ากับแนวทางการออกแบบอาคารรุ่นใหม่ที่มีความยั่งยืนต่อไป ยิปรอคพยายามสร้างสรรค์โซลูชั่นส์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของสถาปนิก ช่างรับเหมา นักออกแบบ และผู้ปฏิบัติงานในธุรกิจก่อสร้างมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามแนวคิด Gyproc Go Green (3G) เพื่อรองรับปรัชญาการก่อสร้างรูปแบบใหม่ ตลอดจนส่งเสริมเทคนิคการก่อสร้างอาคารแนวใหม่ที่นำไปสู่ความยั่งยืน”
นิทรรศการ “Unnoticed Light” จัดแสดงคอลเลกชั่นภาพถ่ายที่ใช้วิธีการสร้างสรรค์ภาพจากความเข้มข้นของรังสีอัลตร้าไวโอเลตในแสงแดดอย่างตรงไปตรงมา ผ่านการใช้เทคนิควิทยาศาสตร์ดั้งเดิมในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายแบบ “ไซยาโนไทป์ (Cyanotype)” ซึ่งเป็นงานที่เกิดจากนิยาม “การทำให้ปรากฏด้วยแสง” อย่างแท้จริง เพื่อนำเสนอศิลปะภาพถ่ายที่มีทั้งความซับซ้อนและเรียบง่ายในตัวเอง โดย วิริยะ โชติปัญญาวิสุทธิ์ ใช้ชีวิตในฐานะศิลปินและทำงานในแวดวงการถ่ายภาพของยุโรปมานานนับสิบปี ซึ่งผลงานของวิริยะเคยได้รับการจัดแสดงหลายครั้งในยุโรป ผ่านบริษัทตัวแทนนำเสนอผลงานในกรุงปารีส
ยิปรอคมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ วิริยะ โชติปัญญาวิสุทธิ์ เลือกยิปรอคเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดแสดงผลงานในครั้งนี้ เนื่องจากยิปรอคมีแผนการจัดกิจกรรมเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอแนวคิด Gyproc Go Green (3G) ให้แพร่หลาย พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาวัสดุและโซลูชั่นส์ในการก่อสร้างคุณภาพสูง เพื่อมอบคุณภาพการพักอาศัยที่ยั่งยืนแก่ผู้บริโภค โดยเร็วๆนี้ ยิปรอคได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ทั้งแผ่นยิปซัมฮาบิโต้ และ ปูนยิปรอคแม็กเนติค เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในงานก่อสร้าง ทำให้สถาปนิกสามารถออกแบบโครงสร้างที่มีความโดดเด่น โดยใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติและความคิดสร้างสรรค์ในการดีไซน์ได้อย่างไร้ข้อจำกัด
ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ 2016 สนับสนุนโดย ฮันส์โกรเฮ่ (Hansgrohe) กลับมาอีกครั้งแห่งความสำเร็จในปีที่ 11 เพื่อมอบสุดยอดรางวัลให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ดีเด่น และโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ งานประจำปีดังกล่าวได้เปิดตัวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 ณ โรงแรมเรอเนสซองซ์ กรุงเทพ ราชประสงค์
โดยงานนี้เปรียบเสมือน ออสการ์แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ครั้งนี้มีการมอบรางวัลถึง 32 รางวัล โดยจะปิดรับรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลในวันที่ 8 กรกฎาคม และประกาศรายชื่อที่ได้รับการคัดเลือกอย่างเป็นทางการในสัปดาห์ที่สามของเดือนสิงหาคม ในปีนี้ยังมีความพิเศษ คือ จะมีงาน Property Report Congress Thailand การสัมมนาแนวโน้มและภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนงานกาล่า ดินเนอร์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 22 กันยายนนี้ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน กรุงเทพฯ
บุคคลในภาพประกอบด้วย: มร.เทอร์รี่ แบล็คเบิร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้กูรู อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดงาน (ที่ 2 จากขวา), ศ.ดร.มานพ พงศทัต ภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานการตัดสินกิตติมศักดิ์ (ซ้ายสุด), คุณสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ประธานกรรมการพิจารณาตัดสิน (กลาง), คุณศรีกรณ์ เตชะรัตนประเสริฐ ที่ปรึกษาและตัวแทน บริษัท ฮันส์โกรเฮ่ จำกัด (ที่ 2 จากซ้าย), มร.อเล็กซานเดอร์ คุนซ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เตก้า (ประเทศไทย) จำกัด (ขวาสุด)
เอบีบี คว้ารางวัลองค์กรที่มีจริยธรรมสูงที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 4 จากสถาบันเอธิสเฟียร์ สถาบันชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการวิจัยที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม โดย Ethisphere จะประเมินความมีจริยธรรมของบริษัทจากองค์ประกอบ 5 ด้าน คือ โปรแกรมด้านจริยธรรมและการบังคับใช้ 35% ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) 20% วัฒนธรรมด้านจริยธรรม 20% บรรษัทภิบาล 15% และความเป็นผู้นำ นวัตกรรม และชื่อเสียง 10% และบริษัทเอบีบีก็ได้รับการพิจารณาให้ได้รับรางวัลนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยจริยธรรมและความโปร่งใสในการทำงานของทางบริษัท
หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวหลายครั้งในจังหวัดคุมะโมโตะและโออิตะ ซึ่งอยู่บนเกาะคิวชูทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก แคนนอน กรุ๊ป ผู้ผลิตกล้องถ่ายรูปและเทคโนโลยีด้านภาพชั้นนำของโลก ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และแสดงความหวังว่ากระบวนการบูรณะฟื้นฟูภูมิภาคที่ได้รับความเสียหายจะเริ่มขึ้นได้โดยเร็ว แม้จะมีอุปสรรคและต้องใช้ระยะเวลายาวนานก็ตาม
ทั้งนี้กลุ่มบริษัทแคนนอน ได้มอบเงินจำนวน 10 ล้านเยน (ราว 3,192,324 บาท) แก่สภากาชาดญี่ปุ่น เพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน
ทีพี-ลิงค์ ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์เน็ตเวิร์กระดับโลก ประกาศแต่งตั้ง บริษัท เอสเทรค (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ Network ภายใต้แบรนด์ TP-LINK อย่างเป็นทางการ โดยพร้อมผนึกกำลังร่วมกันในการเพิ่มช่องทางในการทำตลาด Home Use และกลุ่มงานโปรเจ็กต์ ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาพร้อมกับนโยบายประกันหลังการขายแบบ Limited Life Time จากบริษัทฯ
นายเม ซีไล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การแต่งตั้ง บริษัท เอสเทรค (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ทีพี-ลิงค์รายล่าสุด นับว่าเป็นไปตามแผนงานการรุกขยายสินค้ากลุ่ม Network ในตลาด โดยเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มเติมเพื่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้ Home Use ให้ทะลุยอดขายตามเป้าที่ตั้งไว้ ซี่งตลาดนี้ทางทีพี-ลิงค์ มีจุดแข็งทั้งเรื่องของสินค้าที่มีหลากหลายรุ่น และราคาที่น่าจับต้อง ทำให้ลูกค้าเข้าถึงตัวสินค้าได้ง่าย และจุดเด่นของทางเอสเทรคด้วยที่มีช่องทางศูนย์บริการตามห้างไอทีมอลล์ชั้นนำ ทั้งพันธุ์ทิพย์ประตูน้ำ, พาลาเดียม, ฟอร์จูนทาวน์ และ สนง.ใหญ่ ซอยสุคนธสวัสดิ์ 28 ทั้งนี้ทางเอสเทรค ยังมีความเชี่ยวชาญในกลุ่มงานโปรเจ็กต์ ลักษณะเป็นผู้รวบรวมระบบ SI (System Integrated) ซึ่งเอื้อต่อนโยบายทางการตลาดของ TP-LINK ในปีนี้ด้วยที่จะขยายตลาดในกลุ่มงานโปรเจคมากขึ้น จึงเป็นที่มาของการประกาศแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายรายล่าสุด
สำหรับบริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพรส์(ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำตลาดในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลานาน โดยสินค้าทีพี-ลิงค์ กระจายอยู่ในตลาดทั้งพื้นที่กรุงเทพและต่างจังหวัด โดยปัจจุบันขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ประกอบด้วย บริษัท คิงส์ อินเทลลิเจ้นท์ เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท เอสเจเอส คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (จำหน่ายสินค้าประเภท Accessories), และล่าสุดบริษัท เอสเทรค (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายรายล่าสุด เพื่อรองรับกับตลาดที่เติบโต และการบริการลูกค้าที่ใช้สินค้า TP-LINK อย่างต่อเนื่องในอนาคต ดังกล่าวข้างต้น
บริษัท คุสุโมะโตะ เคมิคอล (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือบริษัท คุสุโมะโตะ เคมิคอล จำกัด ผู้ผลิตชั้นนำด้านวัสดุเคมีภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมสารเคลือบผิวและผลิตภัณฑ์กาวจากประเทศญี่ปุ่น ลงนามเซ็นสัญญาซื้อที่ดินจำนวน 8 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดชลบุรี สำหรับก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีและเครื่องจักรอันทันสมัย ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าของบริษัท เพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมเฉพาะทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บรรยายภาพ: มร.เดวิด นาร์โดน (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ลงนามในสัญญาเช่าซื้อที่ดิน กับ มร.เคอิตะ คุสุโมะโตะ (ที่ 4 จากขวา) ประธานบริษัท และ มร.โยสุเกะ คุสุโมะโตะ ฝ่ายขายต่างประเทศ บริษัท คุสุโมะโตะ เคมิคอล จำกัด ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดชลบุรี
สยามกลการอุตสาหกรรม ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยูนิแคริเออร์ ฟอร์คลิฟท์ (UniCarriers Forklift) อย่างเป็นทางการ ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไม่หวือหวา แต่โลจิสติกส์และอุตสาหกรรมยังขยายตัวดี รับอานิสงส์รัฐ-เอกชนเดินหน้าลงทุนชูจุดยุทธศาสตร์ดันไทยเป็นฮับ หลังเปิด AEC กางแผนปี 2559 รุกทำตลาดรถฟอร์คลิฟท์ในประเทศ เจาะอุตสาหกรรมและคลังสินค้าเน้นงานบริหารโครงการขนส่งเคลื่อนย้ายในคลังสินค้าแบบครบวงจรสร้างมูลค่าเพิ่มจากงานบริการเพื่อความคุ้มค่าของลูกค้า ตั้งเป้ายอดขายปี ’59 แตะ 900 คัน หนุนรายได้โต 1,500 ล้าน
นายประธานวงศ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด หนึ่งในผู้นำธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยก ยูนิแคริเออร์ ฟอร์คลิฟท์ (UniCarriers Forklift) ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก พร้อมบริการงานขนส่งเคลื่อนย้ายภายในคลังสินค้า-โรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะไม่ขยายตัวแบบหวือหวามากนัก แต่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ยังทรงตัวอยู่ได้ เนื่องจากยังมีความต้องการในประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่ใช้บริการขนส่งเคลื่อนย้ายภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศจึงถือเป็นการผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์การค้าครบวงจรระดับภูมิภาค ทั้งนี้คาดว่าภาพรวมการลงทุน การขยายตัวของธุรกิจโลจิสติกส์ในภาคการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากในปีนี้ภาครัฐจะมีการขับเคลื่อนการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ จำนวนหลายโครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเอกชนเกิดการลงทุนใหม่ ๆ หรือขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันมองว่าการเปิด AEC จะทำให้เกิดความคึกคักด้านการลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น แม้ว่าการลงทุนที่เกิดขึ้นนั้นอาจไม่ได้เกิดในประเทศโดยตรง แต่ไทยยังถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการขนส่งและโลจิสติกส์ที่ต้องใช้เป็นเส้นทางผ่าน หรือการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตและกระจายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
“การขยายตัวของธุรกิจโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมดังกล่าว ถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในการขยายฐานลูกค้าและการให้บริการ โดยบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ด้านการขายและบริการในทุก ๆ ด้านแบบครบวงจร โดยเน้นการให้คำแนะนำหรือร่วมกับลูกค้าสร้างระบบ รูปแบบ การจัดการงานเคลื่อนย้ายสินค้าในคลังสินค้า-โรงงานอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความสูญเสียในพื้นที่การทำงาน ควบคุมการเคลื่อนย้ายอย่างมืออาชีพ ลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น สามารถกำหนดวันและเวลาที่ชัดเจนได้ รวมไปถึงการสร้างบริการหลังการขายที่ดี ทั้งนี้เชื่อว่ารูปแบบที่ขายและบริการแบบครบวงจรจะสามารถลดความเสี่ยงของลูกค้าได้ในระยะยาว” นายประธานวงศ์ กล่าว
อีกทั้งบริษัทเตรียมความพร้อมเปิดศูนย์บริการเพิ่มอีก 2-3 สาขา อาทิ ปราจีนบุรี พระราม 2 เป็นต้น จากเดิมมี 4 สาขา ประกอบด้วย ศรีนครินทร์ (สำนักงานใหญ่) ปทุมธานี (คลองหลวง) ระยอง และนครราชสีมา และศูนย์บริการเคลื่อนที่ (Mobile Service) ประกอบด้วย อุดรธานี นครปฐม และเชียงใหม่ ตัวแทนจำหน่ายปัจจุบัน ประกอบด้วย สงขลา(หาดใหญ่) นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) และสุราษฎร์ธานี ขณะเดียวกันมีแผนทำตลาดบริการใหม่ ๆ เช่น การควบคุมเครน ควบคู่ไปกับแผนพัฒนาบุคลากรทั้งช่างบริการและนักขับรถฟอร์คลิฟท์ให้มีความเชี่ยวชาญเพียงพอต่อความต้องการใช้งานของลูกค้าและการเติบโตของตลาดในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
นายสยาม ก้องภักดีสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นตลาดรถฟอร์คลิฟท์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความต้องการในการใช้รถใหม่ไม่ต่ำกว่า 9,000 คันต่อปี รองลงมาคือ อินโดนีเซีย และเวียดนาม เนื่องจากมีนักลงทุนต่างประเทศเข้าไปลงทุนในภาคผลิตต่างๆมากขึ้น ทำให้มีการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ รูปแบบธุรกิจของบริษัทมีทั้งการขายรถโฟล์คลิฟท์ ใหม่-เก่า, บริการให้เช่ารถโฟล์คลิฟท์ ใหม่-เก่า, การเช่ารถโฟล์คลิฟท์พร้อมนักขับ และบริการเคลื่อนย้ายสินค้าภายในคลังสินค้า-โรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ซึ่งที่ผ่านมาบริการด้านต่าง ๆ ของบริษัทได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ปัจจุบันสัดส่วนพอร์ตรถเช่าอยู่ที่ 70% และรถขาย 30%
“ในปีนี้เราคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ 900 คัน หรือคิดเป็น 1,500 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้รถฟอร์คลิฟท์ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องส่วนปี ‘58 บริษัทฯทำรายได้รวมมากกว่า 1,400 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทจะเดินหน้าสร้างมูลค่าเพิ่มจากงานบริการเป็นหลัก โดยมองว่าเป็นการสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้า และรักษาระดับการเติบโตของอัตรากำไรของบริษัทได้ดีอย่างต่อเนื่อง” นายสยาม กล่าว
รัฐบาลเปิดตัวบริการใหม่ภายใต้ GovChannel ชูระบบ “ภาษีไปไหน” ตรวจสอบภาครัฐ หวังลดคอรัปชั่น สร้างความมั่นใจให้ประชาชน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยได้เปิดตัวระบบภาษีไปไหน ทำให้เป็นรัฐบาลแรกของประเทศไทยที่ทำให้ประชาชนได้รับรู้ว่าภาษีของประชาชนทุกคนถูกจับจ่ายไปกับโครงการใดบ้าง ที่เว็บไซต์ govspending.data.go.th สามารถเห็นภาพรวมการใช้งบประมาณทั้งประเทศ หรือจังหวัด,ภูมิภาคได้ เป็นความโปร่งใสที่ประชาชนสามารถตรวจสอบและร้องเรียนสิ่งผิดปกติได้ ลดการคอรัปชั่นตามนโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศต่อไปต้องผ่านการตรวจสอบเช่นกัน
ระบบภาษีไปไหนจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้ กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ร่วมกันทำข้อตกลงความร่วมมือหรือ MOU เพื่อพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่องเพื่อที่ในอนาคตระบบจะมีทั้งข้อมูลงบประมาณที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ความคืบหน้าของโครงการที่ระบุเป็นพื้นที่โดยใช้ GPS และสามารถให้ประชาชนร้องเรียนด้วยการถ่ายรูปหรือเขียนข้อความได้ นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาให้เป็นโมบาย แอปพลิเคชัน ซึ่งจะเปิดให้ใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ในปีงบประมาณนี้
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT เปิดเผยว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้ ICT และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. พัฒนาระบบศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน (GovChannel) และระบบการติดต่อสื่อสารสำหรับหน่วยงานภาครัฐ ให้เกิดความสมบูรณ์ ล่าสุดทั้งสองหน่วยงานได้พัฒนาบริการภายใต้ GovChannel เพิ่มเติมเข้ามา 3 ระบบ ประกอบด้วย 1.ระบบแจ้งข้อมูลข่าวสารภาครัฐ หรือ แอพพลิเคชัน G-News 2. ระบบข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐ หรือ ระบบภาษีไปไหน และ 3.บริการใหม่เพิ่มเติมในตู้ Government Kiosk พร้อมทั้งบริการสำหรับให้บริการหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะอย่าง ระบบติดต่อสื่อสารแบบออนไลน์สำหรับหน่วยงานภาครัฐ หรือ G-Chat ซึ่งบริการทั้งหมดได้นำเรื่องเข้าเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเราได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้
แอพพลิเคชัน G-News เป็นโมบายแอพพลิเคชัน ที่หน่วยงานภาครัฐสามารถใช้เป็นช่องทางสื่อสารไปยังประชาชนทั่วไปเพื่อรับทราบข่าวสารที่สำคัญ และถูกต้อง แม่นยำ เชื่อถือได้ ผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและทันเหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเป็นช่องทางสื่อสารโดยตรงจากภาครัฐ ในกรณีที่สังคมประสบปัญหากระแสข่าวลือผ่านทางโซเชียลมีเดีย ส่วน ระบบภาษีไปไหน เป็นระบบข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐในรูปแบบเว็บไซต์ ซึ่งเป็นบริการใหม่ที่พัฒนาขึ้นตามมติที่ประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ถือเป็นการพัฒนาต่อยอดจากชุดข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างที่กรมบัญชีกลางนำมาเปิดเผยในรูปแบบของ Open Government Data ผ่านศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ (data.go.th)
สำหรับ บริการเพิ่มเติมภายในตู้ Government Kiosk จะเป็นบริการตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา บริการตรวจสอบข้อมูลการนัดหมายแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี และระบบข้อมูลการตรวจสุขภาพเบื้องต้น โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดเพียงใบเดียว รวมถึงยังได้มีการติดตั้งตู้เพิ่มเติมในพื้นที่สาธารณะเพื่อความสะดวกในการเข้าใช้บริการของประชาชน ได้แก่ โรงพยาบาลรามาธิบดี, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต, บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จังหวัดมหาสารคาม และกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ ทุกบริการที่ได้กล่าวมาทั้งหมดคือบริการใหม่ภายใต้ GovChannel
ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. เปิดเผยว่า จุดเด่นของระบบภาษีไปไหนคือ ในรุ่นแรกจะพัฒนาผ่านเว็บไซต์ govspending.data.go.th ได้นำข้อมูลของงบประมาณโครงการต่างๆ ที่ผ่านสำนักงบประมาณมานำเสนอให้ดูง่ายผ่านระบบ dash board ที่สวยงาม และสามารถทำการสืบค้นด้วยการระบุตำแหน่ง ตรวจสอบจำนวนงบประมาณได้จากทั้งหน่วยงาน พื้นที่หรือตำแหน่งที่ตั้ง รวมถึงภาคเอกชนที่ได้งาน และความคืบหน้าของโครงการ
การพัฒนารุ่นต่อไปจะพัฒนาเป็นระบบแอพพลิเคชั่นผ่านโทรศัพท์มือถือ ทั้งระบบแอนดรอยด์และไอโอเอส โดยให้ประชาชนสามารถเข้าใช้งาน หรือล็อกอินผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ Social Network ได้โดยทันที สามารถตรวจสอบโครงการต่าง ๆ และส่งผ่านความคิดเห็น สิ่งผิดปกติ หรือแม้แต่การถ่ายรูปข้อผิดพลาดเข้ามา ซึ่งในระบบจะถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ และประชาชนที่เข้ามาทีหลังจะสามารถติดตามผลการร้องเรียนได้ทันที ซึ่งระบบใหม่จะสามารถให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ผ่าน Government Application Center หรือ GAC ที่มีให้ดาวน์โหลดในระบบต่าง ๆ อยู่แล้วภายในปีนี้
ที่ประชุมสามัญประจำปีของเฮงเค็ลเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา คาสเปอร์ รอร์สเต็ด ประธานกรรมการบริหารของเฮงเค็ล ทบทวนผลการดำเนินงานอันยอดเยี่ยมของเฮงเค็ลในปีงบประมาณ 2558 “ปี 2558 ถือเป็นปีที่ต้องจารึกของเฮงเค็ล ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยากลำบาก เราก็ยังสามารถบรรลุผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมได้ เรายังคงดำเนินตามแผนงานเพื่อบรรลุเป้าหมายหลักสำหรับปี 2559 ได้เป็นอย่างดี และเราได้วางพื้นฐานอันแข็งแกร่งให้แก่อนาคตของเฮงเค็ล”
รอร์สเต็ดยังได้ไฮไลต์ความคืบหน้าของการปฏิบัติตามกลยุทธ์ปี 2559 และได้ยกตัวอย่างที่สำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเฮงเค็ลสามารถดำเนินงานตามกลยุทธ์หลักสี่ประการ คือ ก้าวล้ำ ก้าวไกล เรียบง่าย และจุดประกาย ได้อย่างประสบความสำเร็จ
ซิโมน เบเกล-ทราห์ ประธานคณะกรรมการผู้ถือหุ้นและบอร์ดที่ปรึกษา แสดงความขอบคุณแก่บอร์ดบริหารและพนักงานทุกคน สำหรับความมุ่งมั่นอย่างยอดเยี่ยมในปี 2558 ที่ผ่านมา
ข้อเสนอเงินปันผลสำหรับหุ้นทั้งสองประเภทเพิ่มขึ้น 16 เซนต์ ไปอยู่ที่ 1.47 ยูโรต่อหุ้นบุริมสิทธิ์ และ 1.45 ยูโรต่อหุ้นสามัญ สอดคล้องกับอัตราส่วนการจ่ายเงินอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ เงินปันผลจึงเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 12 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เมื่อพิจารณาปีงบประมาณปัจจุบัน รอร์สเต็ด เน้นย้ำให้เห็นถึงความไม่แน่นอนอย่างรุนแรงในหลายตลาดว่า “ปี 2559 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทาย ความผันผวนของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศยังคงมีอยู่ และสกุลเงินหลัก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่อาจยังถูกลดค่าลงต่อไป” ในขณะเดียวกัน แม้ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยากลำบาก รอร์สเต็ด ยืนยันการคาดการณ์สำหรับปี 2559 “เราคาดว่ายอดขายแบบปกติจะเติบโต 2-4 เปอร์เซ็นต์ สำหรับปีงบประมาณ 2559 ทั้งปี เราคาดการณ์ว่ากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีหลังการปรับปรุงเพิ่มขึ้นที่ประมาณ 16.5 เปอร์เซ็นต์ และกำไรสุทธิต่อหุ้นบุริมสิทธิ์หลังการปรับปรุงเพิ่มขึ้นระหว่าง 8-11 เปอร์เซ็นต์”
เฮงเค็ลกำหนดเป้าหมายอันทะเยอทะยานในปี 2555 และในปลายปี 2559 เฮงเค็ลตั้งเป้าสร้างยอดขายประจำปีให้ได้ 2 หมื่นล้านยูโร โดยยอดขายกว่า 1 หมื่นล้านยูโรจะมาจากตลาดเศรษฐกิจอิ่มตัว และอีก 1 หมื่นล้านยูโรมาจากตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ นอกจากนั้น เฮงเค็ลตั้งเป้าเพิ่มกำไรสุทธิต่อหุ้นบุริมสิทธิ์หลังการปรับปรุง 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในช่วงปี 2556-2559
ในช่วงปี 2556-2558 เฮงเค็ลบรรลุการเติบโตเฉลี่ยของกำไรสุทธิต่อหุ้นบุริมสิทธิ์หลังการปรับปรุงอยู่ที่ 9.7 เปอร์เซ็นต์ รอร์สเต็ดยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีที่ 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับกลยุทธ์ในปัจจุบันภายในปี 2559 รอร์สเต็ด กล่าวว่า “สำหรับเราแล้วเป้าหมายสำคัญคือการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้นบุริมสิทธิ์หลังการปรับปรุง นี่คือตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่าเราสามารถรับมือต่อความผันผวนและวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ในตลาดของเราได้อย่างไร และการจ่ายเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับ”
ในถ้อยแถลงการณ์สุดท้ายในการประชุมสามัญประจำปีของบริษัท ในฐานะประธานกรรมการบริหารของเฮงเค็ล คาสเปอร์ รอร์สเต็ด ได้กล่าวขอบคุณบอร์ดที่ปรึกษาและคณะกรรมการผู้ถือหุ้นสำหรับความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และกล่าวขอบคุณผู้ถือหุ้นสำหรับความมั่นใจที่มีให้แก่บริษัท รอร์สเต็ดยังได้แสดงความรู้สึกขอบคุณเป็นพิเศษต่อ ซิโมน เบเกล-ทราห์ สำหรับความไว้ใจและการสนับสนุน ในขณะเดียวกันเธอได้กล่าวขอบคุณรอร์สเต็ดสำหรับการทำงานอย่างประสบความสำเร็จให้แก่เฮงเค็ล
ซิโมน เบเกล-ทราห์ ยังได้แนะนำ ฮานส์ แวน ไบเล่น ซึ่งจะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารคนใหม่ในวันที่ 1 พฤษภาคม ฮานส์ แวน ไบเล่น ทำงานร่วมกับเฮงเค็ลมาเป็นเวลากว่า 30 ปี ซึ่งเขาได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกของบอร์ดบริหารมายาวนานกว่า 11 ปี นอกจากนั้น ซิโมน เบเกล-ทราห์ยังได้ต้อนรับสมาชิกบอร์ดบริหารคนใหม่ ปาสคาล ฮูเดย์เยอร์ ซึ่งจะเข้ามารับผิดชอบฝ่ายผลิตภัณฑ์ดูแลความงามของเฮงเค็ลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป
บรรยายภาพ: (จากซ้าย) ฮานส์ แวน ไบเล่น, ดร. ซิโมน เบเกล-ทราห์ และ คาสเปอร์ รอร์สเต็ด
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เผยผลมาตรการเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP ให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าและการทดสอบตลาดมากขึ้น ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมา สามารถกระตุ้นยอดขายให้กับ SMEs และ OTOP ทั่วประเทศ ได้กว่า 160 ล้านบาท และคาดว่าตลอดทั้งปีจะสร้างยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่ากระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP ให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าและเพิ่มพื้นที่การทดสอบตลาดมากยิ่งขึ้น เพื่อเร่งสร้างกำลังซื้อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบ และกระจายสินค้าถึงมือผู้บริโภคโดยตรงในราคาประหยัด โดยใช้พื้นที่ของหน่วยงานราชการ และพื้นที่ต่าง ๆ ในการจำหน่ายสินค้า ขณะเดียวกันก็เป็นการให้ SMEs และ OTOP ได้นำผลิตภัณฑ์ที่ตนเองได้พัฒนาขึ้นนำไปทดสอบตลาดกับผู้บริโภคโดยตรง เพื่อรับทราบความต้องการอย่างแท้จริงพร้อมนำมาปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ตลอด 3 เดือนแรกที่ผ่านมา กสอ. ได้จัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าและทดสอบตลาดให้กับผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP จำนวนกว่า 1,500 ราย ได้นำสินค้าหลากหลายชนิดทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น อาทิ ของที่ระลึก เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง เครื่องหนังและรองเท้า เครื่องประดับ สินค้าหัตถกรรม อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยมาวางจำหน่ายในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวน 14 ครั้งอาทิ งานทอเส้นฝ้ายสานเส้นใยใส่สีธรรมชาติ ณ จังหวัดเชียงใหม่ งานแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน ณ จังหวัดอุบลราชธานีช ลบุรี สุพรรณบุรี นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี ลำปาง ตาก และกรุงเทพมหานคร ซึ่งผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมากสามารถช่วยกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP ทั่วประเทศมียอดจำหน่ายสินค้าทั้งสิ้นกว่า 160 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะสามารถเพิ่มยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีในปี 2559 กสอ.ตั้งเป้าพัฒนา SMEs 2,465 กิจการ วิสาหกิจชุมชน 5,050 ราย ผู้ประกอบการและบุคลากรได้รับการพัฒนาอีกจำนวน 14,845 คนผ่านโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่หลากหลายด้าน ทั้งการสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งความรู้ในการดำเนินธุรกิจ การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต การลดต้นทุนการผลิต การพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ การทดสอบตลาดและการจับคู่ธุรกิจในพื้นที่ต่าง ๆ การให้ความช่วยเหลือมาตรการด้านการเงิน และการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการส่งเสริมการตลาด เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ SMEs และ OTOP ได้อย่างยั่งยืนต่อไป ดร.สมชาย กล่าวทิ้งท้าย
ไอที ซิตี้ ประสบความสำเร็จจากการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ IT CITY CONTAINER MARKET โดยเน้นบรรยากาศสนุก ๆ แบบ ชิค ชิค จัดรูปแบบให้เป็นตลาดนัดตู้คอนเทนเนอร์ บนพื้นที่ ๆ ใหญ่ที่สุดในห้องแพลนนารีฮอลล์ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยภายในงานลูกค้าจะได้พบกับโปรโมชั่นเด็ด ๆ โดน ๆ สินค้านาทีทองราคาตกใจ สร้างความครึกครื้นให้แก่ผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก อีกทั้งพริตตี้สาวสวยแปลงร่างเป็นแม่ค้าสุดแซ่บที่ผลัดกันขึ้นมาแนะนำโปรโมชั่นสินค้า และคงพลาดไม่ได้กับกิจกรรม Top Spender สำหรับลูกค้าที่มียอดซื้อสูงสุดในแต่ละรอบต่างเข้าคิวลงทะเบียนสู้ราคากันสุดฤทธิ์ โดยในครั้งนี้ได้ คุณสุมณฑา ชูใจ Marketing Business บริษัทไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) (ที่ 3 จากซ้าย) เป็นตัวแทนบริษัทฯ เข้าร่วมแสดงความยินดีกับ ด.ญ.ลิลลดา จังธนสมบัติ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้โชคดีจากการจัดกิจกรรม Top Spender ภายในงานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอที “COMMART CONNECT 2016” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทำยอดซื้อสินค้าสูงสุดเป็นเงินจำนวน 1,161,709 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนหกหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยเก้าบาท) ได้รับสมาร์ทโฟน WIKO มูลค่า 4,990 บาท
สำหรับลูกค้าที่พลาดโปรโมชั่นเด็ด ๆ กิจกรรมโดน ๆ จากไอทีซิตี้ ไม่ต้องเสียใจไป เราได้เจอกันอีกแน่นอนในงาน COMMART JOY จะจัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 23 -26 มิถุนายนที่จะถึงนี้
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่นระดับโลก จับมือมูลนิธิกองทุนการศึกษา เพื่อการพัฒนา หรือ อีดีเอฟ เดินหน้านำพลังงาน 2 กิโลวัตต์ พร้อมแสงสว่าง และระบบจัดการไฟฟ้า เข้าสู่โรงเรียน และชุมชน ห้วยน้ำเย็น อ.แม่ระมาด จ.ตาก ซึ่งเป็นหมู่บ้าน ชาวกะเหรี่ยง เผ่าปากะญอ จำนวนประมาณ 130 ครัวเรือน คาดหวังว่าจะเป็นโครงการนำร่องในการพัฒนาให้กับหมู่บ้าน
นายศิริชัย จงจินตรักษา ผู้อำนวยการโรงงาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย เผยว่า ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีแนวความคิดที่จะให้ทุกคน ทุกชุมชน สามารถเข้าถึงพลังงานได้อย่างเท่าเทียมกัน การมอบพลังงานให้กับชุมชนที่เข้าไม่ถึงพลังงานนั้น ถือว่าเป็นความตั้งใจของเราที่มีการทำอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีพันธมิตรที่ดีอย่าง อีดีเอฟ พร้อมด้วยจิตอาสาของพนักงานทุกคนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยไม่คำนึงถึงความยากลำบาก ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และระบบพลังงานจำนวน 2 กิโลวัตต์ พร้อมระบบการจัดการไฟฟ้า สวิตซ์ ปลั๊ก เซอร์กิตเบรกเกอร์ รวมถึงหลอดไฟ เพื่อให้สามารถมีพลังงาน และแสงสว่างไปยัง อาคารเรียน ห้องเรียนจำนวน 10 ห้อง ห้องพักครู โบสถ์ ห้องน้ำ ห้องโสตทัศนศึกษา สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ เมื่อพลังงานเข้าถึง ชุมชนนี้ยังสามารถจัดกิจกรรม หรือประชุม เวลากลางคืนได้อีกด้วย นับเป็นครั้งแรกที่ชุมชนนี้จะมีพลังงานไว้ใช้ในยามค่ำคืน นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังมอบ “โคมไฟแสงอาทิตย์” (Mobiya Portable Solar Lamp) ให้กับครู และผู้นำหมู่บ้าน รวมไปถึงอุปกรณ์การเรียนให้กับเด็ก ชาวกระเหรี่ยง ทั้งเครื่องเล่น ลูกฟุตบอล อุปกรณ์การเรียน ถุงเท้ากันหนาว เสื้อผ้า รวมถึงเกลือไอโอดีน อีกด้วย” “พลังงานเพียง 2 กิโลวัตต์ สำหรับ “บางคน” อาจจะมองว่าน้อยนิด แต่สำหรับ “บางชุมชน” กลับมีค่ามหาศาล เพราะนั่นหมายถึงจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านการเข้าถึงเทคโนโลยี และปัญญา” นายศิริชัย กล่าวทิ้งท้าย
หลังจาก เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ศูนย์การค้าใหญ่แห่งย่านประตูน้ำ เปิดพื้นที่ให้คนรักดนตรีได้ขับเคี่ยวฝีมือกันแบบสุดมันส์ ในการประกวด Palladium Music Battle ที่ทางเดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ในที่สุดก็ได้วงดนตรีที่มีฝีมือโดดเด่นชนะใจกรรมการ ได้แก่ วง Rocket คว้ารางวัลชนะเลิศ ตามด้วยรองชนะเลิศอันดับ 1 วง Mr.Joker และรองชนะเลิศอันดับ 2 วงพาราเซตามอล ซึ่งทั้งสามวงจะได้รับเงินรางวัลและของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 60,000 บาท โดยการประกวดครั้งนี้ได้รับเกียรติ 2 นักดนตรีฝีมือฉกาจขวัญใจเด็กแนว สอง-จักรพงษ์ มือเบสวง Paradox และ อั้ม-สิทธิชน มือคีย์บอร์ด วงซุปเปอร์ซับ ร่วมด้วย บก.กรด มัติโก บรรณาธิการนิตยสารเดอะกีต้าร์ แม็ก เป็นกรรมการตัดสินพร้อมเผยเทคนิคการเล่นดนตรีขั้นเทพให้น้อง ๆ ที่เข้าประกวดแบบไม่มีกั๊ก ก่อนปิดท้ายด้วยฟรีมินิคอนเสิร์ตจากหนุ่มเสียงดีลีลาโดนใจ บิว จรูญวิทย์ เดอะ วอยซ์ ซีซั่น 3 เมื่อเร็ว ๆ นี้ติดตามกิจกรรมต่าง ๆ ของเดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ได้ที่ https://www.facebook.com/PalladiumWorld/
เอชพี อิงค์ ส่งเสริมพันธกิจด้านความยั่งยืนที่มีมายาวนาน โดยปฏิญาณจะใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนร้อยเปอร์เซ็นต์ในการปฏิบัติงานทั่วโลก ด้วยเป้าหมายนี้ เอชพีได้เข้าร่วม RE100 ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกนำโดยกลุ่มธุรกิจชั้นนำที่มุ่งมั่นจะใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ในการดำเนินธุรกิจ โดย RE100 เกิดจากความร่วมมือของ The Climate Group ร่วมกับ CDP และได้ทำงานร่วมกับบริษัทต่าง ๆ เช่น เอชพี เพื่อช่วยให้ธุรกิจเหล่านั้นเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน และเร่งให้ตลาดพลังงานโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยใช้คาร์บอนต่ำ
ในย่างก้าวสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ท้าทาย เอชพีได้วางแผนเพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในการปฏิบัติงานทั่วโลกให้ได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2563 เป้าหมายใหม่นี้ตอกย้ำความทุ่มเทของเอชพีเพื่อผสานความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์หลักของธุรกิจ
“เทคโนโลยีและความยั่งยืนสามารถผนวกรวมกันเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังที่ก่อให้เกิดนวัตกรรม ซึ่งช่วยเปลี่ยนรูปแบบการเติบโตของธุรกิจ ชุมชน และปัจเจกบุคคล” ริชาร์ด เบย์ลีย์ ประธาน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เอชพี อิงค์กล่าว “เรายังคงสร้างธุรกิจและสังคมที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงด้วยการใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานที่ล้ำหน้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการก้าวไปสู่การเป็นธุรกิจที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนทั้งหมดด้วย
เอชพี อิงค์ จะใช้กลยุทธ์ 3 ขั้นต่อไปนี้ เพื่อก้าวไปสู่จุดหมาย
เอชพี เป็นหนึ่งในบริษัทด้านเทคโนโลยีกลุ่มแรก ๆ ที่มีการวัดและพิมพ์สลากคาร์บอนฟุตพริ้นต์ และตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนตลอดทั้งห่วงโซ่ Value Chain ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติงาน ผลิตภัณฑ์ และห่วงโซ่อุปทาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hp.com/sustainability
เวทีพัฒนาศักยภาพเยาวชนและมอบโอกาสในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการในอนาคต จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดเป็นปีที่ 14
15 ทีมผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศการแข่งขัน Imagine Cup Thailand 2016 พร้อมด้วย คุณศิริพร พัชรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด (แถวที่ 2 กลาง) และ (แถวที่ 3 จากซ้ายไปขวา) คุณคริสติน่า คาวิน ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย คุณสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี ด้านพัฒนาธุรกิจ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นายจีระวัฒน์ กุลทรัพย์อุดม ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ และ นายเดสซารัค เทโซ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้มีความร่วมมือกับ สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. ในการวิจัยและพัฒนา “กรรมวิธีการผลิตเอนไซม์เชิงซ้อนที่ย่อยสลายชีวมวลจากวัสดุเหลือจากทางการเกษตร” ซึ่งได้รับการจดอนุสิทธิบัตรร่วมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ รศ.ดร.กนก รัตนะกนกชัย อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีชีวเคมี คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มจธ. กล่าวในฐานะผู้ร่วมพัฒนางานวิจัยนี้ว่าผลงานชิ้นนี้เป็นกรรมวิธีการผลิตเอนไซม์เชิงซ้อนจากเชื้อแบคทีเรียที่เจริญเติบโตในสภาวะมีออกซิเจน ซึ่งเอนไซม์ที่ได้มีคุณสมบัติต่างจากที่วางขายในท้องตลาด และผ่านการทดสอบคุณภาพแล้วว่าดีกว่าแน่นอน
“โดยปกติการผลิตเอนไซม์เชิงซ้อนมักผลิตได้จากแบคทีเรียสายพันธุ์ที่เจริญเติบโตในสภาวะไม่ใช้ออกซิเจน แต่งานวิจัยของเราสามารถผลิตเอนไซม์เชิงซ้อนจากแบคทีเรียในสภาวะที่ใช้ออกซิเจนในอาหารทั่วไปที่มีราคาถูกและเพาะเลี้ยงได้ง่าย โดยใช้วัสดุเหลือใช้จากการเกษตรและเกลือแร่เป็นแหล่งอาหารเพาะเลี้ยงในสภาวะปกติ เหมาะกับระบบอุตสาหกรรมที่ผลิตในปริมาณมาก นอกจากนี้เอนไซม์จากแบคทีเรียมีคุณสมบัติในการย่อยพอลิแซ็กคาไรด์ในชีวมวลได้ดีกว่าเอนไซม์ที่มีขายในท้องตลาด”
รศ.ดร.กนก กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเป็นหนทางหนึ่งในการสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเอนไซม์ที่ได้จากกรรมวิธีที่พัฒนาขึ้นนี้ ทางสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. จะนำไปใช้ประโยชน์ในการย่อยสลายชีวมวลต่าง ๆ หรือวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร เช่น ฟางข้าว เปลือกข้าวโพด ซังข้าวโพด หรือกากมันสำปะหลัง ให้กลายเป็นน้ำตาลและนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเอทานอล เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือสารมูลค่าเพิ่มชนิดอื่น ๆ ในเชิงพาณิชย์ต่อไป
“เอนไซม์เชิงซ้อนของเรามีคุณสมบัติการย่อยที่ดีกว่าเอนไซม์ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด และย่อยได้โดยไม่ต้องผ่านการปรับสภาพก่อน ทำให้สามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและลดมลพิษที่เกิดขึ้นได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการนำเข้าเอนไซม์จากต่างประเทศมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นจำนวนเงินหลายพันล้านบาทต่อปี จากผลงานวิจัยที่ได้จดสิทธิบัตรร่วมกันระหว่าง มจธ. กับ สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. นี้ ทาง ปตท. จะนำเอนไซม์เชิงซ้อนที่ได้ไปต่อยอดเพื่อประยุกต์ใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ต่อไป”
อย่างไรก็ตามงานวิจัยนี้เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของ มจธ. ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้วงการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมของประเทศก้าวไปอีกขั้น
พัฒนาคุณภาพบริการไม่หยุดนิ่งจริง ๆ สำหรับ ปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK ผู้พัฒนาคลังสินค้าให้เช่ารายใหญ่ ที่ล่าสุดเปิดตัวหน่วยงานน้องใหม่ TFIX เพื่อให้บริการงานซ่อมบำรุง ต่อเติม ตกแต่ง ทั้งระบบภายในและภายนอกคลังสินค้าแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น งานโครงสร้าง งานสถาปัตย์ งานระบบ และงานสุขภัณฑ์ สำหรับอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในโครงการ TPARK ทุกทำเล ภายใต้คอนเซ็ปต์ คุณภาพงานดี บริการทันใจ ในราคาคุณภาพ งานนี้เสียงตอบรับดีเยี่ยมถูกอกถูกใจลูกค้ากันถ้วนหน้าทีเดียว