บริษัท เอบีบี จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีไฟฟ้ากำลัง จัดพิธีเปิด Robot Application Center (RAC) อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว YuMi หุ่นยนต์สองแขนที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้เป็นครั้งแรกของโลก ที่โรงงานเอบีบี บางปู จังหวัดสมุทรปราการ โดย YuMi เป็นนวัตกรรมหุ่นยนต์สองแขนตัวแรกของโลกที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างเป็นมิตรและมีความปลอดภัยสูง ถูกออกแบบมาสำหรับระบบการผลิตอัตโนมัติยุคใหม่ การประกอบชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่คนและหุ่นยนต์สามารถทำงานร่วมกันด้วยการส่งต่อชิ้นงานจากมือสู่มือ ทำให้ผู้ประกอบการไม่ต้องสร้างพื้นที่ล้อมหุ่นยนต์ หรือมีอุปกรณ์ป้องกันภัยต่าง ๆ เป็นการประหยัดพื้นที่และค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสภาปัญญาสมาพันธ์ ร่วมกับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายสถาบัน อาทิ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์, ผศ.ดร.อัศม์เดช วานิชชินชัย, ศ.ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์, ศ.ดร.อัมพร ธำรงลักษณ์, ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ และ รศ.ดร.อนุมงคล ศิริเวทิน จัดแถลงข่าว เปิดตัวหน่วยงาน สภาปัญญาสมาพันธ์ หน่วยงานที่เจาะสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เพื่อจัดทำ "ดัชนีประสิทธิผลประเทศไทย (Thailand Effectiveness Index–TE Index)" ณ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
นางสาวอคริมา อภิพรพัชร (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการส่วนธุรกิจแคนนอน ไฮยีน ฝ่ายธุรกิจแคนนอน ไฮยีน บริษัทในเครือของ โอซีเอส กรุ๊ป (OCS Group) จากอังกฤษ นำทีมผู้บริหาร บริษัท พรอพเพอร์ตี้ แคร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ พีซีเอส (PCS) ร่วมแสดงความยินดีกับ นางเกศรา มัญชุศรี ( ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาส ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดใช้ที่ทำการใหม่อย่างเป็นทางการ ที่ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง เมื่อเร็ว ๆ นี้
คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี นำคณะนักศึกษาสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ชั้นปีที่ 3 พร้อมอาจารย์ จำนวน 87 คน เข้ารับฟังการบรรยายความรู้ด้านไอทีจาก นายยงยุทธ ศรีวันทนียกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์โซลูชั่น บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดย นายมีลาภ โสขุมา Product Manager ร่วมบรรยายและนำเยี่ยมชมศูนย์สาธิตเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ ภายในบริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2558 สถาบันการศึกษาที่สนใจเยี่ยมชม ติดต่อได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0-2727-4242
ไมโครซอฟท์ แนะนำ Office 365 Enterprise E5 ที่มาพร้อม Office 2016 รับเทรนด์การทำงานยุคโมบายและคลาวด์ได้อย่างปลอดภัยสูงสุด นำโดย คุณสมศักดิ์ มุกดาวรรณกร ผู้อำนวยการฝ่ายภาครัฐและการศึกษา (ที่สองจากขวา) และ คุณปัญจพร วิทยเลิศพันธุ์ ผู้จัดการอาวุโสกลุ่มผลิตภัณฑ์ออฟฟิศ บริษัท ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย จำกัด (ขวาสุด) พร้อมด้วย คุณกำพล ศรธนะรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ซ้ายสุด) คุณสาริน ณ วังขนาย ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์กร กลุ่มวังขนาย (กลาง) และ อาจารย์ปริญญา หอมเอนก ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด (ที่สองจากซ้าย)
ณารีรัตน์ เงินนำโชคธนรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวทีซี กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการวิศวกรรมงานระบบ และงานสาธารณูปโภคครบวงจร (MEP) สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ นำทีมผู้บริหาร และพนักงาน จัดกิจกรรม อาสาสร้างพื้นที่เรียนรู้ให้น้อง โดยร่วมกันทาสี แต่งแต้มสีสันให้พื้นที่โรงเรียน โต๊ะเก้าอี้ และปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้กับน้อง ๆ ณ โรงเรียน บ้านจันอุย จ.กาญจนบุรี เมื่อเร็ว ๆ นี้
วิชิต พยุหนาวีชัย (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ในเครือซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทเทรดดิ้งยักษ์ใหญ่ระดับโลก จัดกิจกรรมขอบคุณและกระชับความสัมพันธ์กับผู้แทนจำหน่ายเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นผู้ให้บริการอันดับ 1 ใน 5 ปี ด้วยการนำผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ทำยอดขายได้บรรลุเป้าหมายในปี พ.ศ.2558 บินลัดฟ้าสู่ฮ่องกงและมาเก๊า ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมเซนาโต้ สแควร์ที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศโปรตุเกสซึ่งเคยค้าขายกับมาเก๊าในอดีต พร้อมสักการะเจ้าแม่กวนอิมที่สร้างในศตวรรษที่ 15 แวะถ่ายภาพที่ระลึกที่เดอะ เวเนเชี่ยน เมืองจำลองลาสเวกัส ผ่อนคลายที่หาด รีพัลส์เบย์ ช็อปปิ้งที่ถนนนาธาน และนมัสการพระใหญ่ลันเตา ก่อนเดินทางกลับ
มร.ริชาร์ด โจนส์ (คนที่ห้าจากขวา) รองประธาน บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยกูรูและดีไซเนอร์ชื่อดัง อาทิ ผศ. ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าศูนย์ปฎิบัติการออกแบบจากเศษวัสดุ (Scrap Lab) สาขาวิชาเทคโนโลยีทางอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์จารุพัชร อาชวะสมิต อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง อาจารย์รุ่งทิพย์ ลุยเลา อาจารย์ประจำภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นต้น จัดกิจกรรมเวิร์คช็อป ให้ความรู้เชิงวัสดุและทฤษฏี สำหรับการสร้างสรรค์ผลงานในโครงการ รีโค่ ยัง ดีไซเนอร์ ประจำปี 2559 โดยมี คุณณัชชา อนันต์ศฤงคาร ผู้อำนวยการด้านการตลาด แบรนด์ 5iveSis ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ แรงบันดาลใจและข้อเสนอแนะในการสร้างแบรนด์ ซึ่งมีนักศึกษาและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้ผ่านเข้ารอบจำนวน 20 ทีมเข้าร่วม เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลงาน ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (คนที่ 4 จากขวามือ) เปิดโครงการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและติดตามการต่ออายุโรงงานที่ขาดการจัดการกากอุตสาหกรรม เพื่อเป็นศูนย์กลางให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงงานเอสเอ็มอี ที่ยังไม่เข้าสู่ระบบการจัดการกากอุตสาหกรรมให้สามารถจัดการกากอุตสาหกรรมได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค
โคเวสโตร ผู้ผลิตโพลีเมอร์และพลาสติกคุณภาพสูงชั้นนำระดับโลก นำโดย นายแฟรงค์ ลุทซ์ (ขวา) กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และ นายซาเมียร์ ฮิฟรี (ซ้าย) ประธาน บริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานแถลงข่าวประกาศตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย และประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตอกย้ำความสำคัญของตลาดอาเซียนต่อธุรกิจของโคเวสโตรหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) พร้อมแถลงทิศทางธุรกิจในปี พ.ศ.2559 ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร
มร. อิจิ ฟูรูคาวา กรรมการผู้จัดการ (ที่ 7 จากซ้าย) และพนักงาน บริษัท ฟูจิตสึ ซีสเต็ม บีสซีเนส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับสภากาชาดไทย จัดกิจกรรม The 16th FSBT Voluntary Blood Donation Day 2015 รับบริจาคโลหิตเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่ขาดแคลนโลหิต โดยมีผู้บริหาร พร้อมด้วยพนักงาน 176 ท่าน ร่วมบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาดไทย ประจำปี 2558 นับเป็นครั้งที่ 16 เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และเพื่อเป็นการสำรองโลหิตไว้ช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมที่ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องทุกปี และจะมีการรวมพลกันทำกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้อีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2559 นี้
บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย นายสนธิยา หนูจีนเส้ง (แถวยืน ที่ 4 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ร่วมกับ ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ITPC จัดโครงการ ICT for Community-เสริมสร้างทักษะไอซีทีสู่ชุมชน เพื่อฝึกอบรมทักษะไอซีทีขั้นพื้นฐานแก่ตัวแทนชุมชน ผ่านหลักสูตร Intel Easy Steps โดยมี นายทวีรัชต์ ตั้งชาญตรงกุล (ที่ 1 จากซ้าย) ตัวแทนจากชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITPC) ทำหน้าที่วิทยากรฝึกอบรม นายสุรพร โสอุบล กำนันตำบลท่าตูม จังหวัดสระบุรี (ที่ 3 จากขวา) ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย นายวิจิตร์ พิกุลทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดท่าสีโพธิ์เหนือ ตำบลท่าตูม จังหวัดสระบุรี (ที่ 2 จากขวา) และตัวแทนผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตร Intel Easy Steps ณ ศูนย์ไอซีทีชุมชน ตำบลท่าตูม จังหวัดสระบุรี เมื่อเร็ว ๆ นี้
บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด โรงงานเทพารักษ์และโคราช โดย นายเจษฎา รัศมิภูติ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิศวกรรม (กลางซ้าย) และ วิภา เหลืองอ่อน ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (กลางขวา) เป็นตัวแทนมอบ หนังสือการ์ตูนสร้างแรงบันดาลใจ “ปังปอนด์ ตะลุยโลกวิทย์ พิชิตไอที” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นของขวัญเพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2559 แก่ 4 โรงเรียนในจังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ โรงเรียนคลองสำโรง โรงเรียนวัดสุขกร โรงเรียนวัดหนามแดง (เขียวอุทิศ) และโรงเรียนวัดโคธาราม รวมทั้งโรงเรียนบ้านบุใหญ่ ต.สูงเนิน จ.นครราชสีมา และลูกหลานของกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 จ.นครราชสีมา
นายนันทวัฒน์ โชติวิจิตร (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการบริหาร ฝ่ายการตลาด บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และ นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบความสุขสมหวังฉลองเทศกาลตรุษจีนต้อนรับปีวอก เมื่อเบิกเงินอิออนยัวร์แคชที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ เพียง 1,000 บาท มีสิทธิ์ลุ้นรับสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 50 รางวัล มูลค่ารวม 1,000,000 บาท พิเศษมากขึ้นด้วยเพิ่มเป็นสองสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่ถือบัตรสมาชิกอิออนรูปแบบใหม่และบัตรสมาชิกอิออนแรบบิท โปรโมชั่นดี ๆ แบบนี้เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2559 นี้
ดร.กนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพี เพย์เมนท์ โซลูชั่น จำกัด (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้ให้บริการชำระเงิน แพย์ฟอร์ยู (PayForU) ผนึกความร่วมมือกับ นางปิยะนุช รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ (ที่ 2 จากซ้าย) ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน อีซี่ การ์ด กระเป๋าตังค์ออนไลน์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ลูกค้า ในการเข้าถึงบริการทางการเงินดิจิตอลได้มากขึ้น เพียงลูกค้าโหลดแอปพลิเคชัน “อีซี่ การ์ด” ในสมาร์ทโฟน TWZ และเติมเงินซึ่งมีให้เลือกได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเซเว่น อีเลฟเว่น, บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส หรือผ่านธนาคาร รวมทั้งเคาน์เตอร์ TWZ ทั่วประเทศ ก็สามารถ “ช็อป-ใช้-แชร์” ทั้งจ่ายชำระ เติมเงิน โอนเงิน จ่ายบิล ช็อปปิ้งออนไลน์ ออนโมบาย มั่นใจสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจเปลี่ยนโหมดสู่ความเป็น “ดิจิตอลไลฟ์” ได้อย่างแท้จริง โดยการเซ็นต์สัญญาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายบัณฑิต ว่องวัฒนะสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอพี เพย์เมนท์ โซลูชั่น จำกัด (ที่ 4 จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย
นายพิศักดิ์ จิตตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท พร้อมด้วย นายอรวิทย์ เหมะจุฑา ประธานคณะอนุกรรมการสาขาวิศวกรรมจราจรและขนส่ง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และ ผศ.ดร.ณัฐ วรยศ ประธาน วสท. สาขาภาคเหนือ 1 ร่วมกันเปิดงาน ประชุมวิชาการการขนส่งแห่งชาติครั้งที่ 10 (NTC10) ภายใต้หัวข้อ การเชื่อมโยงการขนส่งอย่างปลอดภัยในอาเซียน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีให้บุคลากรผู้มีความรู้ด้านวิศวกรรมจราจรและขนส่งของไทยและต่างประเทศได้นำเสนอผลงานวิจัยและแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านวิศวกรรมจราจรและขนส่ง รองรับการเปิดประชาคมอาเซียน และร่วมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของอาเซียนอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ณ โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่
บริษัท วิคเทม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมกับ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด พร้อมโชว์ศักยภาพการจัดงานระดับโลก FIAAP/VICTAM/GRAPAS Asia 2016 งานแสดงเครื่องมืออุปกรณ์ เทคโนโลยีการผลิตเม็ดอาหารและแป้งเป็นอาหารสัตว์ อาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารสัตว์น้ำ และอุตสาหกรรมการแปรรูปธัญพืชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และถือเป็นงานประชุมครั้งแรกของอาเซียนด้านอาหารสัตว์และข้าวในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยมีผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมอาหารสัตว์จากนานาประเทศเข้าร่วมแสดงภายในงานมากกว่า 200 ราย บนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 มีนาคม 2559 ณ ศูนย์งานแสดงสินค้าไบเทค (BITEC-Bangkok International Trade & Exhibition Centre) ที่กรุงเทพฯ
นายจักรกฤช จารุจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRM ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมัน ปตท.จิฟฟี่ สถานีบริการน้ำมันคุณภาพของ ปตท. แถลงข่าวเปิดตัว ก๋วยเตี๋ยวเรือ ใจดี สาขา 2 ปั๊ม ปตท.จิฟฟี่ ปทุมธานี วงแหวนตะวันตก-สามโคก กม 70 ขาออก อร่อยครบสูตร ปรุงรสด้วยใจ รสชาติจัดจ้านด้วยน้ำซุปเข้มข้น กลมกล่อมหอมเครื่องเทศ มีเมนูหมู เนื้อ หมูตู๋น และเนื้อตุ๋นผ่านการหมักและเคี่ยวจนเปื่อย กับเมนูอีกกว่า 10 เมนู พิเศษสุดพร้อมร่วมฉลอง เปิดสาขาด้วยการลุ้นทานฟรียกโต๊ะ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธ.ค. 58 เปิดสาขาที่ 2 ณ ปั๊ม ปตท.จิฟฟี่ ปทุมธานี วงแหวนตะวันตก-สามโคก กม 70 ขาออก เมื่อเร็ว ๆ นี้
คุณชัยยศ ปิยะวรรณรัตน์ ตัวแทนผู้บริหาร บริษัท เอบีบี จำกัด ได้มีโอกาสต้อนรับ H.E.Mr.Staffan Herrstrom เอกอัคราชทูตสวีเดน ประจำประเทศไทยพร้อมคณะ เข้าเยี่ยมชมโรงงานเอบีบี บางปู ซึ่งเป็นโรงงานผลิต Low Voltage Capacitors, Power Transformers, Low and Medium Voltage Switchgears และศูนย์หุ่นยนต์และแขนกล Robotics Application Center โดยในครั้งนี้ทางคณะได้พาแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเยี่ยมชมในส่วนของการผลิต Low Voltage product และชมหุ่นยนต์นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเอบีบีที่ Robotics Application Center และในโอกาสเดียวกันนี้ ทางเอบีบีได้นำคณะนักเรียนชาวสวีเดน จาก Industrial High School ในประเทศสวีเดน มาร่วมให้การต้อนรับแก่คณะเยี่ยมชมด้วย
พาลาเดียมไอที ตอบแทนสังคมโดย พัชราวดี วีรบวรพงศ์ (ที่2จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ และ วัลลภ กมลวิศิษฎ์ (คนแรกจากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทพรหมมหาราชพัฒนาที่ดิน จำกัด ร่วมมอบรายได้จากกิจกรรม ประมูลนี้เพื่อน้อง ภายในงานเปิดตัวพาลาเดียมไอที ประตูน้ำ ให้แก่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา (บ้านเฟื่องฟ้า) เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารสถานสงเคราะห์ต่อไป โดยมี นายวิวัฒน์ ขวัญไสวธรรม หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปเป็นผู้รับมอบ เมื่อเร็ว ๆ นี้
เพียงฤทัย ศิวารัตน์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการโรงงานโคราช บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (กลางซ้าย) มอบสิ่งของใช้แล้วสภาพดีที่พนักงานร่วมกันบริจาค เช่น กล้องถ่ายรูป เครื่องดนตรี เครื่องเสียง เสื้อผ้า หนังสือ ของสะสม ตุ๊กตา กระปุกออมสินและกระเป๋า เป็นต้น แก่ ภารดี เกียรติภิญโญชัย ประธานกรรมการบริหารร้านปันกัน (กลางขวา) เพื่อนำไปจำหน่ายที่ร้านปันกันในจังหวัดนครราชสีมา รายได้จากการจำหน่ายสินค้าเหล่านี้จะเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนด้อยโอกาสในมูลนิธิยุวพัฒน์
ธนาคารออมสิน พา 10 ทีมสุดท้าย โครงการประกวด ออมสิน สุดยอดแนวคิดธุรกิจวิถีไทย บินตรงดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นตามโปรแกรม Outing Startup ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้ประกอบการในอนาคต โดยได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจ การออกแบบผลิตภัณฑ์ ธุรกิจดีไซน์ และเยี่ยมชม OTOP ณ Tokyo Designer Gakuin College (Nishikanda Campus) และ (Ochanomizu Main Campus) และที่ Taito Designers Village ซึ่งเยาวชนทั้ง 10 ทีมได้เปิดมุมมอง แนวคิดธุรกิจ ทั้งยังได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น นับเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมตัวทำธุรกิจให้คนรุ่นใหม่ต่อไป
คุณเทียนชัย ลายเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด, คุณมรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงาน เฝ้าชื่นชมพระบารมีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ขณะทรงปั่นจักรยานผ่าน ในโอกาสที่ยิบอินซอยเปิดพื้นที่่ลานใบไม้เพื่อแจกน้ำดื่ม YIP IN TSOI LOVE THE KING จำนวน 100,000 ขวด พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกจุดบริการพักรถจักรยาน เพื่อสนับสนุนกิจกรรม ปั่นเพื่อพ่อ-Bike For Dad บนเส้นทางสิริมงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ลานใบไม้ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กิจกรรมสำเร็จลุล่วงเกินความคาดหมาย
แคนนอน ผู้นำด้านกล้องดิจิตอลระดับโลก จัดการแข่งขัน CANON PHOTO MARATHON THAILAND 2015 เพื่อค้นหาสุดยอดนักถ่ายภาพตัวแทนประเทศไทย โดยมี มร.นาโอฮิโกะ ฮายาชิ (กลาง ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโส และผู้จัดการทั่วไป บริษัท แคนนอน สิงค์โปร์ จำกัด เดินทางมาเป็นประธานเปิดการแข่งขัน ในครั้งนี้ พิเศษสุดในปีนี้ได้เปิดตัวสนามแข่งขันใหม่ที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อเปิดประสบการณ์ที่มันส์กว่าทุก ๆ ปี ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท และรางวัลพิเศษอีกมากมาย เพื่อค้นหาผู้ชนะเลิศเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมทริป Photo Clinic ที่ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับผู้ชนะจากประเทศอื่นๆในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ลานธง หน้าศูนย์ประชุมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น
นายพรชัย ชูสงวน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน) จัดเต็ม แจกจริง ส่งมอบความสุขรับปีใหม่ให้แก่ นางวิไล พงศ์ภัณฑารักษ์ ผู้โชคดีจากแคมเปญ “ซื้อ 100 ลุ้น 1,000,000” ที่ได้รับทองคำมูลค่า 200,000 บาท โดยทางผู้บริหาร และทีมงานมาลี ได้ทำการมอบรางวัล ณ ร้านไทยสมบูรณ์ซุปเปอร์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งนี้นอกจากรางวัลใหญ่ข้างต้น มาลียังจัดเต็มด้วยการมอบรางวัลต่าง ๆ อีกมากมาย อาทิ ทองคำมูลค่า 100,000 และ 5,000 บาท รถจักรยานยนต์ Honda Wave 110i รวมรางวัลทั้งหมดจำนวน 100 รางวัล คิดเป็นมูลค่ารางวัลทั้งสิ้นกว่า 1.5 ล้านบาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.malee.co.th หรือ Facebook Malee Club
ชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการ บริษัท เอสพี อินเตอร์แมค จำกัด จับมือกับ ไห่เทียน ผู้ผลิตเครื่องฉีดพลาสติกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย Mr.Zhang Jianming, CEO of Haitian International Holding Ltd. พร้อมด้วยผู้บริหารฯ เปิดโชว์รูมเครื่องฉีดพลาสติกของไห่เทียนแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนงานด้านการขาย และงานบริการ ตอกย้ำความเป็นผู้นำการตลาด พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพและการเติบโตของวงการพลาสติกไทย ณ โชว์รูปบริษัท ไห่เทียน ถนนมอเตอร์เวย์
ดร.สำราญ ทองแพง รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยพะเยา (ซ้าย) ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยพะเยา รับมอบโล่ห์จาก มร.ลลิต โมฮาน ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นการศึกษา ไมโครซอฟท์ เอเชียแปซิฟิก (ขวา) เพื่อแสดงถึงความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยพะเยา กับ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทยที่นำไมโครซอฟท์ อาชัวร์ มาใช้ในการบริหารจัดการด้านไอที เสริมศักยภาพการบริหารจัดการองค์ความรู้ และการบริการออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ ที่มหาวิทยาลัยพะเยา เมื่อเร็ว ๆ นี้
นางสาววิไล แจ้งในเมือง (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบัญชี และ นางประภาพินธ์ บุญชัย (ที่ 1 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบุคคล พร้อมด้วย นางสาวณิชรัตน์ ชำนาญกิจ (ที่ 1 จากขวา) รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว” ร่วมงานแถลงข่าวงาน “อำเภอสามพราน 120 ปี และงานของดีเมืองสามนายพราน” ที่จะมีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8-17 ม.ค.2559 พร้อมเตรียมยกทีมออกบูธชงชิมและจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษให้แก่ผู้ที่มาในวันงาน โดยมี นายชาติชาย อุทัยพันธ์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าว ณ หอประชุมชุณหวัณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อเร็ว ๆ นี้
กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดตัวโครงการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและติดตามการต่ออายุโรงงานที่ขาดการจัดการกากอุตสาหกรรม เพื่อช่วย SMEs ที่ยังไม่เข้าระบบการจัดการกากอุตสาหกรรม ให้สามารถจัดการกากฯ โดยมีศูนย์เครือข่ายตั้งอยู่ใน 6 ภูมิภาค ได้แก่ 1.ภาคกลาง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2.ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 4.ภาคตะวันตก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 5.ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา และ 6.ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยสามารถขอรับคำปรึกษาดังกล่าวได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0-2202-4168 หรือ www.diw.go.th
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า การขยายตัวของโรงงานอุตสาหกรรม ส่งผลปริมาณกากอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมจำพวกที่ 3 ทั่วประเทศกว่า 79,600 ราย (ข้อมูลเมื่อธันวาคม 2558) ซึ่งเป็นโรงงานที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน แม้จะมีกฎหมายกำกับดูแลด้านการจัดการกากอุตสาหกรรมเป็นเวลานานกว่า 10 ปี แต่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการโรงงานที่เข้าสู่ระบบการจัดกากอุตสาหกรรมที่ถูกต้องเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงงาน โดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงงาน SMEs ทั่วประเทศ ได้เข้าสู่ระบบการจัดการกากฯ อย่างถูกต้องตามกฎกระทรวง กรอ.จึงได้ดำเนินการเปิด ”โครงการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและติดตามการต่ออายุโรงงานที่ขาดการจัดการกากอุตสาหกรรม” โดยมอบหมายให้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาโครงการ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ยังไม่อยู่ในระบบ และจะต้องต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) มีโอกาสได้รับการช่วยเหลือจากศูนย์ฯ ให้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องครบถ้วนตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องการกำจัดสิ่งปฏิกูลและวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.2548
ดร.พสุ กล่าวต่อว่า สำหรับศูนย์ช่วยเหลือฯ ดังกล่าว เปิดบริการให้คำปรึกษาด้านการจำแนกประเภทและลักษณะกากอุตสาหกรรมตามลำดับประเภทโรงงาน จำนวน 104 ประเภท เพื่อระบุรหัสกากอุตสาหกรรม การแนะนำโรงงานผู้รับบำบัดกำจัดกากอุตสาหกรรมให้เหมาะสมกับประเภทกากอุตสาหกรรม รวมถึงการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการกากอุตสาหกรรม ประกอบการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) ภายใต้โครงการดังกล่าวฯ มีการพัฒนาองค์ความรู้จากฐานข้อมูลด้านการจัดการกากอุตสาหกรรมมาประยุกต์ใช้ในระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยจะพัฒนาเป็นระบบฐานข้อมูลสารสนเทศให้ผู้ประกอบการสามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการกากอุตสาหกรรมได้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและสามารถเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน นำไปสู่ความสามารถแข่งขันในระดับโลกได้
ดร.พสุ กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์ช่วยเหลือฯ ดังกล่าวดำเนินงานในรูปแบบของศูนย์เครือข่ายฯที่ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือโดยมีศูนย์ประสานงานกลางอยู่ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และมีศูนย์เครือข่ายตั้งอยู่ใน 6 ภูมิภาค ได้แก่ 1. ภาคกลาง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2. ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 4. ภาคตะวันตก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 5. ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา และ 6. ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย กรอ.ได้ดำเนินงานร่วมกับ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด โดยสามารถขอรับคำปรึกษาดังกล่าวได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจรับคำปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0-2202-4168 หรือ www.diw.go.th และ www.facwaste.com
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เปิดเผยว่า ปัจจุบันแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทยระยะ 3 ปี พ.ศ.2559-2561) ซึ่งไอซีทีร่วมกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน หรือ EGA ได้เข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานรัฐทั้งหมดแล้ว คาดว่าภายใน 3 เดือนนี้จะมีบทสรุป และนำไปสู่ภาคปฏิบัติได้ทันที
โดยยุทธศาสตร์ของรัฐบาลได้วางภาครัฐเป็นส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ด้วยการกำหนดให้เป็น Digital by Default หรือเริ่มจากระบบดิจิทัล ตั้งแต่เริ่มต้น และยังกำหนดในยุทธศาสตร์ที่ 3 ในหัวข้อการส่งเสริมการสร้างบริการดิจิทัล ซึ่งเป็นการเร่งพัฒนารากฐาน และปฏิวัติรูปแบบบริการใหม่ให้แก่การทำงานและให้บริการในภาครัฐ มุ่งเน้นการลดเอกสารกระดาษในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน เพิ่มความสะดวก รวดเร็วและถูกต้อง ก่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ส่งเสริมให้เกิดความสร้างสรรค์หรือนวัตกรรมในงานด้านการบริการของภาครัฐให้มากยิ่งขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคธุรกิจมีส่วนร่วมในการกำหนดและร่วมสร้างบริการ และการเข้าถึงข้อมูลของภาครัฐ เพื่อนำไปต่อยอดเพิ่มมูลค่าสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมต่อไป จึงจำเป็นที่ต้องมีแผนการพัฒนาและยกระดับในภาพรวมของประเทศ เป็นที่มาและความสำคัญของการพัฒนาแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทยในระยะ 3 ปีนี้
ทางรัฐบาลจึงได้สั่งการให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานต้องมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องร่วมกัน หรือ Common Vision เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ซ้ำซ้อน ไม่ใช่การพัฒนาในลักษณะ “ต่างคนต่างทำ” ซึ่งทำให้งานและระบบต่าง ๆ ขาดมาตรฐานและไม่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้เหมือนที่เป็นมาในอดีต
ส่วนทางด้าน ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์กรมหาชนหรือ EGA เปิดเผยว่า ร่างแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทยระยะ 3 ปี พ.ศ.2559-2561) ได้กำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลให้ตอบสนองต่อความต้องการของภาคประชาชนและภาคธุรกิจ รวมถึงให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกับระดับสากล ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ EGA ได้ สำรวจความต้องการของภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับบริการหรือได้รับประโยชน์รวมถึงผลกระทบจากการมีรัฐบาลดิจิทัล และศึกษารูปแบบขีดความสามารถเชิงดิจิทัลของประเทศที่มีขีดความสามารถในการ แข่งขันด้านรัฐบาลดิจิทัลสูง (Leading Practices) เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนา รวมถึงจัดการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละด้าน เพื่อประเมินขีดความสามารถเชิงดิจิทัลของภาครัฐไทยในปัจจุบัน
จากการร่างแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทยระยะ 3 ปี พ.ศ.2559-2561 ที่อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นในขณะนี้ ได้ระบุขีดความสามารถเชิงดิจิทัลของภาครัฐไทยออกเป็น 26 ด้าน โดยการจัดทำแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลระยะที่หนึ่ง ครอบคลุมขีดความสามารถหลักทั้งหมด 18 จาก 26 ด้าน ได้แก่ การบูรณาการข้อมูลภาครัฐเพื่อยกระดับบริการ, การยืนยันตัวตนและบริหารจัดการสิทธิ, การให้ข้อมูล, การรับฟังความคิดเห็น, โครงสร้างพื้นฐานการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์, การพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาครัฐ, การให้ความช่วยเหลือ, การเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน, การเพิ่มประสิทธิภาพภาคการเกษตร, การท่องเที่ยว, การลงทุน, การค้า นำเข้า-ส่งออก/วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, ภาษีและรายได้, ความปลอดภัยสาธารณะ, การบริหารจัดการชายแดน, การป้องกันภัยธรรมชาติ และการจัดการในภาวะวิกฤต
บริษัท นัฐพงษ์ เซลส์แอนด์เซอร์วิส จำกัด ศูนย์รวมเครื่องเสียงชั้นนำ เเละซูเปอร์มาเก็ตอิเล็กทรอนิกส์ อิเล็กทริค เเละอุตสาหกรรม มีความตั้งใจในการร่วมสนับสนุนกิจกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของเยาวชนไทยเสมอมา โดยล่าสุด บริษัท นัฐพงศ์เซลส์แอนด์เซอร์วิสจำกัด สำนักงานใหญ่บ้านหม้อ ได้มีโอกาสต้อนรับคณะอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ในโครงการค่ายนักอิเล็กทรอนิคส์รุ่นเยาว์ (E-CAMP 2016) ซึ่งจัดโดย ชมรมอิเล็กทรอนิกส์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหิดล ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) เพื่อมาทัศนศึกษา ศูนย์รวมแหล่งอิเล็กทรอนิกส์ในย่านบ้านหม้อ
ซึ่งทางบริษัทนัฐพงษ์ฯ ได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์รวมอะไหล่ เครื่องมือ เเละอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ครบวงจร เเละทันสมัยเเห่งใหญ่ เเละได้รั บการเลือกจากทางทีม E-Camp เข้าเยี่ยมชมอีกเช่นเคย และทีมวิศวกรของบริษัทนัฐพงษ์ฯ ได้เเนะนำบริษัท เเละเเผนกต่าง ๆ รวมถึงพาน้อง ๆ ในโครงการเลือกชม เเละซื้อสินค้าต่าง ๆ ที่น้อง ๆ สนใจ ไม่ว่าจะเป็น ชุดคิท จากเเบรนด์ NPE'S KIT เเละอื่น ๆ ที่มีให้เลือกมากกว่า 200 วงจร ทั้งที่เป็นชุดอะไหล่ และชุดประกอบสำเร็จพร้อมต่อใช้งาน ในแผนกซูเปอร์มาร์เก็ตอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นศูนย์รวมชุดคิทหลากหลายยี่ห้อมากที่สุดในบ้านหม้อ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมชุดเครื่องมือช่างหลากหลายเเบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น PRO'S KIT, ENGINEER, CT BRAND รวมถึง ชุดเครื่องมือวัด หม้อแปลง POWER SUPPLY กล่องอเนกประสงค์ แท่นเปล่า ตู้คอนโทรล อุปกรณ์ไฟฟ้า โทรศัพท์ และศูนย์หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ช่างสาขาต่าง ๆ ซึ่งน้อง ๆ ที่มาร่วมกิจกรรม E-Camp ก็ได้รับความรู้ ความเข้าใจ เเละเพลิดเพลินในการเลือกซื้อ เลือกหา อะไหล่ เเละอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่น้อง ๆ จะสามารถนำไปใช้ต่อยอดความรู้ เเละการพัฒนาการทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ต่อไป
ยังคงมีกิจกรรมคืนกำไรให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง กับแคมเปญ ฉลองครบรอบ 25 ปีของเอปสัน ประเทศไทย กับ 25 ปีแห่งความไว้วางใจ ประเดิมต้นปีจัดกิจกรรมส่งความสุขให้ลูกค้า ด้วยการนำทั้งพรินเตอร์และโปรเจ็กเตอร์รุ่น ยอดนิยมมาจัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าพร้อมเปิดให้ได้สัมผัสประสบการณ์ความคุ้มค่าตัวจริงจากเหล่าสินค้าของเอปสัน ใน Epson Solution Zone พิเศษ! เมื่อซื้อสินค้าเอปสันรุ่นใดก็ได้ (ยกเว้นวัสดุสิ้นเปลือง อาทิ ตลับหมึก ขวดหมึก ผงหมึก หรือผ้าหมึก) ระหว่างวันที่ 9 มกราคม–21 กุมภาพันธ์ 2559 รับบัตรร่วม Meet & Greet กระทบไหล่ ก้อง สหรัถ แบบใกล้ชิด โดยเริ่มส่งความสุขจังหวัดแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 16-17 มกราคมนี้ บัตรมีจำนวนจำกัด แฟนคลับโค้ชก้องอย่าพลาด ติดตามรายละเอียดกิจกรรมและสถานที่ได้ที่ www.epson.co.th และ www.facebook.com/EpsonThailand
ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามในสัญญา 10 ปี เช่าพื้นที่ ทีพาร์ค บางนา เพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ รองรับการเติบโตในฐานะบริษัทความงามที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในประเทศไทย บนพื้นที่ 20,736 ตารางเมตร โดยพื้นที่แห่งใหม่นี้ได้รับการก่อสร้างตามมาตรฐาน LEED® การก่อสร้างออกแบบระบบพลังงานและสิ่งแวดล้อมในอาคาร (LEED-Leadership in Energy and Environmental Design) ขององค์กรผู้นำด้านการกำหนดมาตรฐานอาคารสีเขียวในสหรัฐ ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก โดยเมื่อก่อสร้างเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ ศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้จะกลายเป็นศูนย์กระจายสินค้าสีเขียวแห่งแรกของลอรีอัลในประเทศไทย
นายอูเมช ฟัดเค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ลอรีอัลในฐานะบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลก มุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจให้บรรลุเป้าหมาย “Sharing Beauty With All” หรือ "การแบ่งปันความงดงามให้ทุกสรรพสิ่ง คือ พันธะสัญญาว่าด้วยความยั่งยืนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นภายในปี 2020 โดย “กระบวนการผลิตและกระจายสินค้าอย่างยั่งยืน” เป็นหนึ่งในพันธะสัญญาที่เราต้องการทำให้สัมฤทธิ์ผล โดยมุ่งที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการใช้น้ำ และลดปริมาณของเสียในกระบวนการผลิต ให้ได้ร้อยละ 60 เมื่อเปรียบเทียบกับดัชนีปี 2005 ซึ่งสอดคล้องกับการจับมือกับทีพาร์คในครั้งนี้ เพื่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ ที่ก่อสร้างและออกแบบระบบพลังงานและสิ่งแวดล้อมในอาคารให้เป็นไปตามมาตรฐาน LEED® ลอรีอัลเลือกทีพาร์คให้เป็นผู้พัฒนาศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ เนื่องจากเราเชื่อมั่นในความสามารถของทีพาร์คในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ด้วยมาตรฐานระดับสูง ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังมีศักยภาพในการพัฒนาคลังสินค้าสีเขียว และมีทำเลที่ตั้งสะดวกต่อการปฏิบัติงานและมีพื้นที่รองรับการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าสีเขียวของเราอีกด้วย”
ก่อนหน้านี้ สำนักงาน ลอรีอัล ประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ชั้น 9 อาคารบางกอกซิตี้ ได้รับรางวัลสำนักงานประหยัดพลังงานตามมาตรฐาน LEED® และปัจจุบันลอรีอัลได้รับรางวัล LEED® มาแล้วจำนวน 15 แห่งทั่วโลก โดยศูนย์กระจายสินค้าสีเขียวแห่งใหม่ซึ่งจะสร้างเสร็จในเดือนสิงหาคม จะเป็นอีกตัวอย่างของความมุ่งมั่นของเราที่จะทำให้ศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้เป็นศูนย์กระจายสินค้าสีเขียวแห่งแรกในประเทศไทย
ด้าน นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ ทีพาร์ค เปิดเผยว่า “ลอรีอัล เป็นลูกค้าเจ้าแรก ๆ ของทีพาร์ค ได้ใช้อาคารในโครงการทีพาร์ค บางนามานานกว่า 7 ปีแล้ว ซึ่งเราก็พยายามจะดูแลลูกค้าของเราอย่างดีที่สุด และในโครงการนี้ ทีพาร์คได้ให้ความมั่นใจกับ ลอรีอัลในเรื่องคุณภาพของอาคารตั้งแต่การออกแบบ ที่ใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานของลอรีอัล จนกระทั่งเลือกใช้ผู้รับเหมามืออาชีพที่มีประสบการณ์ก่อสร้างอาคารประเภทนี้ โดยเน้นในจุดสำคัญ เช่น พื้นอาคารที่จะต้องทนทานและมีความเรียบเหมาะสมกับการปฏิบัติงาน รวมถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยลงถึง 30-40% ปริมาณการใช้น้ำลดลง 45% และการใช้น้ำหมุนเวียนของระบบภูมิทัศน์ลดลง 50% เมื่อเปรียบเทียบกับอาคารพลังงานทั่วไป และคาดการณ์ว่าจะนำขยะและสิ่งของที่ไม่ได้ใช้งานแล้วระหว่างการก่อสร้างกลับมาใช้ใหม่ถึง 75% อีกทั้งใส่ใจถึงระบบระบายอากาศที่มากเพียงพอที่จะสร้างความรู้สึกสบายให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในอาคาร โดยทีพาร์ค เลือกใช้บริการบริษัทที่ปรึกษามืออาชีพมาร่วมออกแบบเพื่อสร้างความมั่นใจอย่างเต็มที่
บริษัท อิเควเตอร์ เพียว เนเจอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มซึ่งผลิตจากธรรมชาติ 100% ด้วยนวัตกรรมไบโอเทคโนโลยี “พิพเพอร์ สแตนดาร์ด” โดย นายปีเตอร์ เวียนแมน ประธานกรรมการบริหาร ซึ่งมีเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรจึงได้ริเริ่มโครงการ พิพเพอร์ สแตนดาร์ด ส่งเสริมเด็กไทยห่างไกลภูมิแพ้ และมุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ผ่านการเรียนการสอนโดยพัฒนาความคิด เสริมสร้างประสบการณ์ผ่านการวิเคราะะห์ การแก้ไขปัญหา และปฏิบัติงานจริง นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญต่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดนำร่องโครงการที่โรงเรียนมีชัยพัฒนาหรือโรงเรียนไม้ไผ่ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่แรก โดยได้รับความร่วมมือจาก ดร.มีชัย วีระไวทยะ ผู้ก่อตั้งโรงเรียน ซึ่งมีการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการปฏิบัติจริง และดำเนินงานแบบวิถีธรรมชาติ โดยในงานนี้ นายปีเตอร์ เวียนแมน ได้แชร์ความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ มีการทำกิจกรรมร่วมกัน โดยร่วมกันคิดประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุใช้แล้ว กิจกรรมเวิร์คช้อปร่วมกันเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจให้กับเด็กนักเรียนที่ปฏิบัติงานและบริหารงานโดยตรง มีการทดสอบผลิตภัณฑ์ และตรวจวัดสารอันตรายในผลิตภัณฑ์ การปล่อยน้ำหลังจากการซักผ้าลงสู่แหล่งน้ำ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม บรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความสนุกสนาน
นอกจากนี้ นายปีเตอร์ เวียนแมน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิเควเตอร์ เพียว เนเจอร์ จำกัด (ที่ 2 จากขวา) พร้อมคณะผู้บริหารยังได้มอบผลิตภัณฑ์พิพเพอร์ สแตนดาร์ดให้กับทางโรงเรียนมีชัยพัฒนา โดยมี ดร.มีชัย วีระไวทยะ เป็นผู้รับมอบ
มร.โคจิ เทสึกะ ประธาน บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่2 จากขวา) ร่วมลงนาม และมอบหนังสือแสดงคำมั่นในการส่งเสริมสิทธิเด็ก และหลักปฏิบัติทางธุรกิจ ตามโครงการ "Child-Friendly Business" กับองค์การยูนิเซฟ ประจำประเทศไทย ในงาน “The Children Sustainability Forum: Business for the Future” ตามแนวคิดที่ว่า “เด็กเป็นเรื่องของทุกคน” เพื่อรณรงค์ให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับเด็ก ทั้งในสถานประกอบการ บทบาทในตลาด และบทบาทในชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยประยุกต์หลักการของ “สิทธิเด็กและหลักปฏิบัติทางธุรกิจ” ให้เข้าไปอยู่ในทุกกระบวนการขององค์กร ซึ่งหลักปฏิบัตินี้เกิดจากการพัฒนาร่วมกันหลายฝ่าย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายให้สังคม และภาคธุรกิจให้ความสำคัญของเด็กซึ่งเป็นอนาคตของชาติ โดยในงานนี้มี นายอานันท์ ปันยารชุน ทูตองค์การยูนิเซฟ ประจำประเทศไทย (ที่ 3 จากขวา) นายพิชัย ราชภัณฑารี (ซ้าย) ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประจำประเทศไทย และ ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ (ขวา) ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
จีอี รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์จี ลงนามสัญญาจัดหากังหันลมให้ บริษัท เขาค้อ วินด์ พาวเวอร์ จำกัด เพื่อติดตั้งที่เขาค้อ วินด์ ฟาร์ม จังหวัดเพชรบูรณ์ โครงการนี้มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้ารวม 60 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะจ่ายกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอกับความต้องการของครัวเรือนในภาคเหนือของประเทศไทยได้ภายในกลางปี 2559 โดยจีอีจะส่งมอบกังหันลมรุ่น 2.5-120 จำนวน 24 ต้น แต่ละต้นมีใบพัดหมุนที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 120 เมตร สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ต้นละ 2.5 เมกะวัตต์ กังหันลมรุ่นนี้มีใบพัดติดตั้งอยู่ส่วนบนของท่อเสาเหล็กที่มีศูนย์กลางความสูง 110 เมตรจากพื้น และได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าในภูมิภาคที่มีสภาพความเร็วลมต่ำถึงปานกลางเช่นเดียวกับสภาพลมที่คาดไว้ที่เขาค้อ วินด์ ฟาร์ม
รูปจากซ้าย ปีเตอร์ คาวลิ่ง ผู้จัดการทั่วไป ด้านการขายระบบผลิตพลังงานทดแทน จีอี เอเชีย-แปซิฟิก, ดร. สุรเชษฐ์ ธำรงลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เขาค้อ วินด์ พาวเวอร์ จำกัด และ บริษัท เจริญ เอ็นเนอร์ยี แอนด์ วอเทอร์ เอเชีย จำกัด (CEWA), โกวิทย์ คันธาภัสระ ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร จีอี ประเทศไทย สปป. ลาว และเมียนมา, วูเธอร์ แวน เวิร์ส ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร จีอี อาเซียน
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวยานยนต์ (ESC) สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากรถยนต์ส่วนบุคคล รถบรรทุก รถอเนกประสงค์ SUV
Bosch บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลก ให้การสนับสนุนโครงการ ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับสื่อสากล ในงาน Motor Expo 2015 เพื่อสาธิต ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวยานยนต์ (ESC) และศักยภาพด้านความปลอดภัยและลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
คุณลีออน ควินน์ ผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโส แผนกระบบควบคุมแชสซี กล่าวว่า “บ๊อช เชื่อว่าระบบช่วยควบคุมการทรงตัวยานยนต์ (ESC) ควรถูกจัดให้เป็นระบบมาตรฐาน เพื่อยกระดับความปลอดภัยในชีวิตของคนไทย โดยระบบดังกล่าว สามารถป้องกันการลื่นไถลของรถได้ถึง 80% และลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้เป็นอันดับ 2 รองจากเข็มขัดนิรภัย ทางบริษัทจึงจัดให้มีการสาธิตในช่วงเวลานี้ของปี เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผู้ขับขี่เริ่มเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ เป็นที่ทราบกันดีว่า สถิติผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตในช่วงวันหยุดยาวนั้นสูงมาก สำหรับช่วงปีใหม่ในปีที่ผ่านมียอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 รายและเกิดอุบัติเหตุกว่า 3,000 ครั้ง จึงควรมีการรณรงค์ให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีความปลอดภัยยานยนต์ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเหล่านี้”
บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด นำโดย กานต์ นิธิโภคทรัพย์ (คนที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และทีมงานมอบเงินบริจาคสนับสนุนมูลนิธิศิริราชพยาบาล แก่ พว.ทิพยา ถนัดช่าง (คนที่ 5 จากซ้าย) หัวหน้างานการพยาบาลกุมารเวชศาสตร์ และพว.สมศรี แสงสว่างชัย (คนที่ 6 จากซ้าย) หัวหน้าหน่วยพัฒนาการเด็ก ศิริราชพยาบาล ในกิจกรรม “รุ้งแห่งฝัน...สรรค์ความสุขแด่น้องน้อยผู้ป่วยเด็ก” เพื่อเป็นกำลังใจให้กับน้องน้อยต่อสู้กับโรคเรื้อรังต่อไปอย่างเข้มแข็ง ณ ศิริราชพยาบาล
ปัจจุบันมีเด็กที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังทั่วประเทศจำนวนหลายหมื่นคน ส่วนใหญ่ป่วยด้วยลักษณะโรคที่ยืดเยื้อ มีความรุนแรงและไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ บางรายอาจมีอาการของโรคกำเริบรุนแรงถึงขั้นอันตรายต่อชีวิตได้ ได้แก่ โรคหัวใจ โรคไต โรคเลือด โรคมะเร็ง หรือเนื้องอก โรคทางกระดูก พิการทางร่างกายอันเนื่องมาจากสมอง เด็กออทิสติก ทาลัสซีเมีย รวมทั้งเด็ก ๆ ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความพิการบกพร่องของร่างกาย และโรคอื่น ๆ โรคเรื้อรังในเด็กมีผลให้เด็กๆที่ควรจะมีกิจกรรมเรียนรู้และใช้ชีวิตร่าเริงสดใสต้องมาอยู่ในโรงพยาบาลยาวนาน หรือรับการรักษาในแผนกผู้ป่วยเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่องตามอาการและกำหนดการรับการรักษาจากแพทย์ หลายรายได้กลับไปรักษาดูแลต่อที่บ้าน
นายเดวิด บลูมมานิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ บ.ซุปเปอร์แนป อินเตอร์เนชั่นแนล (คนที่ 5 จากซ้าย), นายดีแพก ซาหรับ ประธานกรรมการ บ.ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) (คนที่ 5 จากขวา) และ ดร.อมฤต เหล่ารักพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บ.ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) (คนที่ 3 จากซ้าย) ร่วมต้อนรับ นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี (กลาง), รวมทั้งผู้บริหารจากบริษัทผู้ถือหุ้น ได้แก่ นายฐนสรณ์ ใจดี ผู้จัดการทั่วไป บ.ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ (ซ้าย), นางชญาน์ทิพย์ ชูวณิชชานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (คนที่ 2 จากซ้าย), และ นายปิยศักดิ์ ภูมิจิตร ผู้จัดการฝ่ายกฏหมาย บ.ทุนลดาวัลย์ (ขวา) และตัวแทนผู้บริหารจากไทยโอบายาชิ, นิคมอุตสาหกรรมเหมราช และ อะซู ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป ณ พิธีวางศิลาฤกษ์ ของบริษัท ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ที่คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นปี 2560 โดยซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) จะเป็นดาต้า เซ็นเตอร์ที่มีความล้ำสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยปริมาณความจุสูงสุดกว่า 6,000 ตู้
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม รับงบประมาณเร่งด่วนจากรัฐบาล 85 ล้านบาท ดันอุตสาหกรรมแฟชั่น และเกษตรแปรรูป ยกระดับผลิตภัณฑ์ SMEs ไทยออกสู่ตลาดสากล โดยมุ่งเน้นการออกแบบและการสร้างเครือข่ายคลัสเตอร์ให้ผู้ประกอบการ คาดว่าจะสามารถพัฒนา SMEs ได้กว่า 500 ราย ผลิตนักออกแบบรุ่นใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ราย รวมถึงเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และเพิ่มยอดขายในตลาดต่างประเทศและมีการลงทุนเพิ่มขึ้นมากกว่า 500 ล้านบาท
ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาหลักของ SMEs ไทยที่พบส่วนมากยังคงเป็นเรื่องของการพัฒนาและการออกแบบสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงการขาดความแตกต่างและความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ทำให้ไม่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ได้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) จึงเร่งดำเนิน “โครงการยกระดับผลิตภัณฑ์ SMEs สู่ตลาดโลก” เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการผลักดันผู้ประกอบการที่มีความพร้อมออกสู่ตลาดต่างประเทศ (International) ภายใต้แนวคิด “Shining to the World” รองรับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกมุ่งยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมแฟชั่น (อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้า และอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ) และอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและอาหารซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถส่งออกมีมูลค่ารวมกันได้กว่า 1.5 ล้านล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินการในอุตสาหกรรมแฟชั่น กสอ. เน้นการเพิ่มศักยภาพด้วยการพัฒนาเชิงลึกให้กับ SMEs ทั้งในด้านรูปแบบผลิตภัณฑ์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด การสร้างนักออกแบบยุคใหม่และการพัฒนาฝีมือนักออกแบบให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงการปลูกฝังแนวคิดด้านแฟชั่นเทรนด์เริ่มตั้งแต่ในระดับอุดมศึกษา โดยจะดึงนักออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลกเข้ามาให้การอบรมและวางรากฐานแนวคิดด้านการออกแบบและนวัตกรรมแฟชั่นจนเกิดเป็นไอเดียในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสามารถต่อยอดเป็นผลงานสู่การแข่งขันในระดับสากล นอกจากนี้ กสอ. ยังให้การสนับสนุนนักออกแบบที่ผ่านการพัฒนาแล้วได้มีเวทีแสดงผลงานในงานแฟชั่นโชว์ที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อผลักดันสินค้าภายใต้แบรนด์ไทยให้ได้เป็นที่รู้จักและสร้างความจดจำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเวทีระดับอาเซียนและระดับโลกต่อไป
ดร.สมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและอาหาร มุ่งเน้นการรวมกลุ่มในลักษณะเครือข่าย (Cluster) การยกระดับมาตรฐานกระบวนการผลิตตามหลักสากล และการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้ SMEs สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการตลาดมีการสร้างความแตกต่างให้กับตัวสินค้าและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น นับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้นโดย กสอ. ตั้งเป้าหมายพัฒนา SMEs ในปี 2559 จำนวนกว่า 500 ราย และสร้างนักออกแบบอีกกว่า 2,000 ราย โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และเพิ่มยอดขายในตลาดต่างประเทศตลอดจนเพิ่มการลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจโครงการต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมเสริมอุตสาหกรรมสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2202-4414-17 หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th หรือ www.facebook.com/dip.pr
คุณไพรัตน์ ทิวากรพรรณราย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ฮาวท์ตัน 1993 จำกัด กล่าวว่า “Houghton International Co., Ltd. ก่อตั้ง ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2408 ที่เมือง Valley Forge, Philadelphai ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปี 2558 มีอายุครบ 150 ปี ส่วน ฮาวท์ตัน ประเทศไทย มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ โรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง จนถึงปัจจุบัน เพื่อผลิตและจำหน่ายสารหล่อลื่นต่าง ๆ และยังเป็นที่ตั้งของศูนย์เทคโนโลยีที่มีห้องปฏิบัติการทดลอง เพื่อการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
ในโอกาสครบรอบ 150 ปี จึงมีการจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นเมื่อวันพุธที่ 16 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม Holiday Inn Pattaya จ.ชลบุรี โดยมี ศ.ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน เพื่อเป็นการขอบคุณคู่ค้าที่ให้ความไว้วางใจ เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของฮาวท์ตันตลอดมา รวมถึงพนักงานของฮาวท์ตัน 1993 จำกัด ที่มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วยดีเสมอมา”
สำหรับทิศทางในการดำเนินธุรกิจและกลยุทธ์ของฮาวท์ตัน ที่จะขยายการเป็นผู้นำไปสู่กลุ่มประเทศ AEC นั้น คุณไพรัตน์ เปิดเผยว่า “เราเป็นผู้นำในด้านน้ำมันตัดกลึงในตลาดโลกอยู่แล้ว แน่นอนว่าสำหรับประเทศไทย เราก็ต้องการไปถึงจุดนั้น ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ฮาวท์ตันมีการปรับเปลี่ยนค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องการพัฒนาบุคลากร การประชาสัมพันธ์ทางการตลาด ซึ่งในปี 2559 เราจะโปรโมทแบรนด์ ฮาวท์ตัน ให้เป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น สำหรับประเทศไทยก็ต้องเน้นเรื่องของแบรนด์ดิ้ง ในเรื่องกิจกรรมทางการตลาดที่สอดคล้องกัน
และถ้ามองตลาด AEC ประเทศไทยจะเป็น Export Hub ที่จะกระจายสินค้าไปสู่ในกลุ่ม AEC ซึ่งเราไม่ต้องลงทุนไปตั้งโรงงานใหม่ในประเทศอื่น แต่จะมุ่งเน้นการลงทุนมากขึ้นในประเทศไทยให้เป็น Export Hub เป็นฐานกระจายสินค้า ซึ่งถือว่าประเทศไทยเป็นจุดโลจิสติกส์ที่ดีในการกระจายสินค้า เพราะถ้า Hub ของเราอยู่ที่นี่ เราสามารถ Export จากโรงงานที่ระยองไปยังพม่า เวียดนาม อินโดนีเซีย ซึ่งการขยายฐานลูกค้าของฮาวท์ตันไปยังกลุ่มอาเซียนยังมีอีกมาก
ดังนั้น หากฮาวท์ตันจะเติบโตในประเทศไทยก็จะต้องมีการลงทุนมากขึ้น นั่นหมายถึงว่าเราจะมีการจ้างงานในเมืองไทยมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมไปด้วยกัน”
คุณแววรัตน์ ชำนาญภักดี ผู้อำนวยการสายงานบุคคลและประชาสัมพันธ์ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด และบริษัทในเครือ ให้การต้อนรับ คุณมรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด ในโอกาสแสดงความยินดีกับ อาจารย์ธีรภาพ โลหิตกุล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (สารคดี) ประจำปี 2558 และเป็นประธานเปิดงานเปิดตัวหนังสือ “นิทานไท้แถน เรื่องเล่าภูมิปัญญาอาเซียน” ผลงานล่าสุดของ อาจารย์สุเทพ ไชยขันธุ์ เจ้าของนามปากกา ชัยธีระเสฎฐ์ ไชยขันธุ์ โดยมีพิธีบายศรีสู่ขวัญ ก่อนการเปิดใจเกี่ยวกับผลงานเล่มที่ 6 ซึ่งอาจารย์ธีรภาพ โลหิตกุล เป็นผู้เขียนคำนิยม งานนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลในแวดวงวรรณกรรมและสื่อมวลชนร่วมงานเป็นจำนวนมาก ณ ลานใบไม้ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด
สุขภัณฑ์ โตโต้ เดินหน้าปั้นยอดขายตั้งเป้าโตต่อปี 20 % มั่นใจภายใน 5 ปีผลิตภัณฑ์ขึ้นแท่นติด 1 ใน 3 แบรนด์ในใจผู้บริโภคคนไทยพร้อมมุ่งหวังที่จะให้โตโต้ ประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตสินค้า โตโต้ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
นายฮิโรยูกิ ซูซูกิ ประธาน บริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “โตโต้” เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2558-2562 บริษัทได้วางนโยบายเชิงรุกในประเทศไทยเพื่อให้ถึงเป้าหมายด้านยอดขายที่ตั้งไว้ว่าจะต้องเติบโตต่อปีอย่างน้อย 20% จากปีนี้ที่มียอดขายที่ 1,400 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายสุขภัณฑ์ 60%, ก๊อกน้ำ 30% และอีก 10% เป็นอ่างอาบน้ำซึ่งเป็นยอดที่เติบโตจากปีก่อนประมาณ 20% ในขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าติด 1 ใน 3 ด้านแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคคนไทย โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของโตโต้นั้นจะเน้นจับกลุ่มระดับกลาง-บน
จากนโยบายดังกล่าวบริษัทได้เดินหน้าจัดทำกิจกรรมร่วมกับคู่ค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายด้วยการนำร่องกับทางบุญถาวรจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การรุกนำผลิตภัณฑ์ขายเข้าโครงการ โดยปัจจุบันสัดส่วนในการขายปลีกผ่านดีลเลอร์ 60% ที่เหลือ 40% เป็นการขายเข้าโครงการ อย่างไรก็ตาม หากแบ่งสัดส่วนการขายในประเทศและการส่งสินค้าออกไปต่างประเทศนั้นปัจจุบันผลิตภัณฑ์โตโต้ขายในประเทศ 30% ที่เหลือ 70% ส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทแม่ โตโต้ ญี่ปุ่น ที่ต้องการใช้โรงงานที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกที่ขณะนี้มีกำลังการผลิต ผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ 5 แสนชิ้นต่อปี ส่วนสินค้าประเภทก๊อกน้ำ อ่างล้างหน้า และอ่างอาบน้ำนั้นมียอดผลิตรวม 1.15 แสนชิ้นต่อปีใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,360 ล้านบาทบนพื้นที่ 69 ไร่ที่สระบุรี เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมาและเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2555
สำหรับโรงงานผลิต จ.สระบุรี เป็นโรงงานที่มีเทคโนโลยีการพัฒนานวัตกรรมสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำมาตรฐานระดับโลก และนายฮิโรยูกิ ซูซูกิ มีความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้ความสามารถ รวมถึงประสบการณ์การทำงานที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีที่ได้ร่วมงานกับบริษัทโตโต้ประเทศญี่ปุ่น มาปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและมุ่งหวังที่จะให้โตโต้ ประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตสินค้า โตโต้ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
“สินค้าที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้จะต้องเป็นที่ยอมรับทั้งคุณภาพและมาตรฐานในทุกระดับชั้น และจะต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน ISO, TIS, JIS, ยิ่งไปกว่านั้น ก็ต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานของ TOTO ที่ยากกว่ามาตรฐานใด ๆ ในโลก ภายใต้การควบคุมและตรวจสอบที่เข้มข้นที่สุด โดยเฉพาะ สินค้าTOTO ที่ออกจาก โรงงานแห่งนี้ต้องได้การตรวจแบบ 100% ทุกชิ้นงาน และจะไม่ยอมให้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพออกจากโรงงานแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะหากสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพหลุดออกไปยังผู้บริโภคนั่นคือความเสียหายที่ลูกค้าได้รับซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้” นายฮิโรยูกิ ซูซูกิ กล่าว
สำหรับเป้าหมายสำคัญของการบริหารงานในประเทศไทย คือการทำให้สินค้า TOTO เป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของคนไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเน้นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดมากขึ้นอาทิ การจัดงานอีเว้นต์, โปรโมชั่นส่งเสริมการขายร่วมกับหน้าร้าน, การปรับปรุงโชว์รูมใหม่ ณ จุดขาย หรือแม้แต่การขยายผู้แทนจำหน่ายเพื่อเพิ่มช่องทางการติดต่อได้มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มทีมบริการหลังการขาย และศูนย์ TOTO ทั้งภูเก็ตและเชียงใหม่
สำหรับการลงทุนระยะยาว TOTO มองเห็นศักยภาพและการเติบโตทางธุรกิจในประเทศอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าช่วงนี้เศรษฐกิจประเทศไทยยังชะลอตัวอยู่ เนื่องจากหลายปัจจัย แต่เชื่อว่าด้วยศักยภาพของประเทศไทยน่าจะขยายได้อีกมาก และการที่ TOTO ซึ่งเป็นผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านสุขภัณฑ์ที่มีมากว่า 100 ปี และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศญี่ปุ่นถึง 70%, การบุกตลาดต่างประเทศอาทิ จีน, อเมริกาและยุโรปได้ จนเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้ TOTO มองเห็นความสำคัญที่จะกลับมาขยายตลาดในอาเซียนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะประเทศไทยที่ตลาดยังสามารถเติบโตได้อีกหลายเท่า อีกทั้งการค้าการลงทุนกับประเทศไทยที่รัฐบาลไทยยังคงให้การสนับสนุนบริษัทข้ามชาติมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัท TOTO มีความสนใจที่จะขยายการลงทุนที่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ฟอร์ด ฟิวชั่น ไฮบริด จะถูกนำมาใช้ทดสอบจริงบนถนนสาธารณะในรัฐแคลิฟอร์เนีย ภายในปีหน้า ซึ่งเป็นการเดินหน้าสู่ความสำเร็จไปพร้อมกับศูนย์วิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมพาโลอัลโตที่กำลังเติบโต
ฟอร์ด ได้เข้าร่วมโปรแกรมทดสอบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อใช้ทดสอบวิ่งจริงบนถนนสาธารณะ การทดสอบนี้เป็นหนึ่งในความสำเร็จของแผนการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติตลอดระยะเวลา 10 ปี และเป็นองค์ประกอบสำคัญของแผนการสัญจรอัจฉริยะของฟอร์ด เพื่อนำบริษัทไปสู่อีกขั้นของความสำเร็จในการเชื่อมต่อสื่อสาร การสัญจร เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ขับขี่ รวมทั้งข้อมูลและการวิเคราะห์อย่างแม่นยำ
ศูนย์วิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมพาโลอัลโตเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยด้านการพัฒนาด้านยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุด ที่มีทีมนักวิจัย วิศวกร และนักวิทยาศาสตร์กว่า 100 คน ประจำการ โดยฟอร์ดได้เปิดตัวศูนย์วิจัยแห่งใหม่ที่เมืองซิลิคอนวัลเลย์ เมื่อเดือนมกราคม 2012 ที่ผ่านมา
80 เปอร์เซ็นต์ของทีมงานพาโลอัลโตมาจากภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และอีก 20 เปอร์เซ็นต์เป็นพนักงานฟอร์ดจากประเทศสหรัฐอเมริกา จีน เยอรมัน และออสเตรเลีย ซึ่งล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมยานยนต์และการออกแบบ
“ทีมของพาโลอัลโตเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ จากการใช้ผลงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่เพื่อสำรวจและพัฒนาวิธีการแก้ปัญหาการสัญจรในอนาคต” มร.มาร์ค ฟิลด์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว “เราได้เชิญชวนผู้เชี่ยวชาญที่เปี่ยมด้วยความสามารถจากทั่วโลกเพื่อเข้าร่วมทีมของเราในเมืองซิลิคอนวัลเลย์ รวมถึงพนักงานจากบริษัทและมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านนวัตกรรมซึ่งมีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนวิธีที่โลกกำลังขับเคลื่อน”
ฟอร์ดได้ขยายสิ่งอำนวยความสะดวกภายในศูนย์วิจัยที่เมืองซิลิคอนวัลเลย์ จากสำนักงานสำหรับ 15 คนให้กลายเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาที่สามารถรองรับพนักงานได้มากว่า 100 คน สำหรับผลงานที่ศูนย์วิจัยได้ดำเนินการในปีนี้ ได้แก่
ในปีนี้ฟอร์ดได้สร้างสัมพันธ์อันดีกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ อาทิ University of California-Berkeley, Carnegie Mellon University, Santa Clara และ San Jose State ฟอร์ดยังได้ขยายความร่วมมือด้านการวิจัยกับมหาวิทยาลันสแตนฟอร์ดในปี 2016 ซึ่งมีทั้งหมด 13 โครงการ ครอบคลุมทั้งหมด 5 ส่วนของแผนการสัญจรอัจฉริยะ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าโครงการในปีนี้ถึง 2 เท่า
“การที่ฟอร์ดมีธุรกิจที่แข็งแกร่งในเมืองซิลิคอนวัลเลย์ช่วยให้พวกเราสามารถขับเคลื่อนงานวิจัยไปได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความหลากหลายด้านเทคโนโลยีที่เราได้นำมาประยุกต์ใช้กับข้อมูลเชิงลึกของเรา ทำให้เราออกแบบทางออกของการสัญจรในชีวิตจริงได้” มร.เคน วอชิงตัน รองประธานฝ่ายค้นคว้าและวิศวกรรมชั้นสูง กล่าว
บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตนวัตกรรมยิปซัมคุณภาพสูงภายใต้แบรนด์ “ยิปรอค” และผู้ให้บริการโซลูชั่นส์ระบบผนังและฝ้าครบวงจรมากว่า 45 ปี ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดการฝึกอบรม “การติดตั้งระบบผนังและฝ้าเพดานยิปซัมฉาบเรียบมาตรฐานสากล” โดยเรียนเชิญ มล.ปุณฑริก สมิติ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรแก่ผู้ผ่านการฝึกอบรม ณ หอประชุมสโมสรกองทัพอากาศ กรุงเทพฯ
การฝึกอบรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาทักษะของช่างติดตั้งผนังและฝ้าเพดานยิปซัมในประเทศไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมพิเศษมากมาย ได้แก่ เวิร์คช็อปการติดตั้งระบบฝ้าและเพดาน, การแข่งขัน Gyproc Installer Club Contest ซึ่งเป็นการแข่งขันติดตั้งระบบผนังห้องโฮมเธียเตอร์ และงานเลี้ยง Gyproc Installer Club Party เพื่อเป็นการขอบคุณผู้เข้าร่วมกิจกรรมและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างยิปรอคและกลุ่มช่างฝีมือ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ยิปรอค ในฐานะผู้นำแห่งโซลูชั่นส์ระบบผนังและฝ้าครบวงจรของเมืองไทย
ยิปรอค ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมเมื่อปี พ.ศ.2545 เพื่อมอบการฝึกอบรมการติดตั้งระบบผนังและฝ้าเพดานให้แก่ช่างฝีมือในประเทศไทย ศูนย์ฝึกอบรมตั้งอยู่ที่โรงงานผลิตยิปซัมของบริษัทไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่มในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมีพื้นที่เพื่อการฝึกอบรมกว่า 500 ตารางเมตร ทำการฝึกอบรมทฤษฎีและเทคนิคของยิปรอคซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับสถาบันฝึกอบรมของยิปรอคทั่วโลก โดยมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับขีดความสามารถของผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้มีมาตรฐานการปฏิบัติงานในระดับมืออาชีพ และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ.2559
มล.ปุณฑริก สมิติ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นประธานมอบวุฒิบัตรแก่ผู้ผ่านการฝึกอบรม “การติดตั้งระบบผนังและฝ้าเพดานยิปซัมฉาบเรียบมาตรฐานสากล” จัดโดยยิปรอคและกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ณ หอประชุมสโมสรกองทัพอากาศ กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้
นางสาวสุปราณี แพร่ภิญโญ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดพุทไธศวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมคณะครูและนักเรียน ให้การต้อนรับ นายยรรยง มุนีมงคลทร (ซ้ายสุด) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด ในโอกาสส่งมอบโซลูชั่นห้องเรียนอัจฉริยะ Epson Smart Classroom ให้แก่ทางโรงเรียน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ 9 ในโครงการเพื่อสังคม ที่เอปสันประเทศไทยจัดขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 25 ปี ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียนให้เป็นสังคมการเรียนรู้อย่างเต็มรูปแบบ โดย คุณแจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ ประธานมูลนิธิสร้างเสริมไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน
บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์ข่ายสายสัญญาณคอมพิวเตอร์และสื่อสารโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จัดมหกรรมลดราคากระหน่ำครั้งยิ่งใหญ่รับปีวอก INTERLINK EXPO ที่ขนขบวนสินค้า LINK กว่า 300 รายการ ทั้ง LAN, Fiber Optic, CCTV, Tools & Testers, Media Converter, Video Converter, Germany Rack มาจัดแสดง พร้อมลดราคาสูงสุดกว่า 70% งานนี้มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานและเลือกซื้อสินค้ากันอย่างคับคั่ง โดยมี คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นประธานเปิดงาน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก แจกของรางวัลสุดเซอร์ไพรส์มากมายตลอดงาน อาทิ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แอปเปิ้ลวอทช์ ณ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพฯ
บริษัท กู๊ดเยียร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เปิดศูนย์บริการกู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์ สาขาที่ 61 ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งนับเป็นกู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์สาขาที่ 6 ที่บริหารโดยคุณคนึงนิจและครอบครัว
กู๊ดเยียร์ยึดมาตรการด้านการขยายศูนย์บริการ กู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์ ผสานกับการให้ความสำคัญในการมอบการบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับยานยนต์ รวมถึงสมรรถนะของยางรถยนต์ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ขับขี่ เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ขับขี่อย่างครบวงจร ซึ่งศูนย์บริการ กู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์ มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจัดหาอุปกรณ์คุณภาพสูงและบริการที่ได้รับมาตรฐานอย่างดีให้กับลูกค้า และในฐานะที่เป็น 'One Stop Shop' หรือศูนย์บริการที่พร้อมจัดหายางและให้บริการต่าง ๆ ทางยานยนต์อย่างครบครันในที่แห่งเดียว เราขอให้คำมั่นว่าเราจะไม่หยุดยั้งในการจัดหาสิ่งที่มีคุณภาพ ความเป็นมืออาชีพและประสบการณ์ด้านบริการลูกค้า มายังลูกค้าของเรา
มร. ฟินบาร์ โอคอนเนอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กู๊ดเยียร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในปีพ.ศ.2554 เรามีศูนย์บริการกู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์เพียง 16 แห่งในประเทศไทย ปัจจุบันมีถึง 61 แห่ง และมีแผนที่จะขยายสาขาต่อในปีนี้ด้วย โดยศูนย์บริการกู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์พร้อมมอบการบริการที่ทรงคุณค่าให้กับลูกค้าในบรรยากาศที่สดใส ผ่อนคลายและเป็นกันเอง ที่จะทำให้ลูกค้าทุกท่านรู้สึกอิ่มเอมใจและมั่นใจว่าจะได้รับคำแนะนำที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจง่ายพร้อมพบกับผลิตภัณฑ์คุณภาพดีเยี่ยมของกู๊ดเยียร์ และการบริการด้านการดูแลรักษายานยนต์อย่างครบครัน"
ท่านสามารถติดต่อทีมงานกู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์ สาขาจังหวัดชลบุรี เพื่อรับบริการและสอบถามเรื่องยานยนต์ เบรค แบตเตอรี่ ล้อ และยางประเภทต่าง ๆ ได้ที่ กู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์สาขาชลบุรี
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://www.goodyear-autocare.com/ และสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมและสิทธิพิเศษต่าง ๆ ของกู๊ดเยียร์ ได้ที่ http://www.facebook.com/GoodyearThailand
บริษัท กู๊ดเยียร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ฉลองเปิดศูนย์บริการกู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์สาขาที่ 61 ในจังหวัดชลบุรี โดยมี มร.ฟินบาร์ โอคอนเนอร์ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท กู๊ดเยียร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณคนึงนิจ วิระนนท์ (ที่ 3 จากขวา) เจ้าของและผู้ประกอบการศูนย์บริการกู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์ จังหวัดชลบุรี
เอปสัน ผู้ผลิตโปรเจ็คเตอร์หมายเลข 1 ของโลก และ สมาร์ท เทคโนโลยี อิงค์ (SMART Technologies Inc.) ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่เสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ประกาศจับมือกันเพื่อสร้างขุมพลังทางการเรียนรู้ ด้วยการบูรณาการซอฟต์แวร์ Collaborative Learning ของค่าย SMART Notebook® และโปรเจ็คเตอร์ระบบอินเตอร์แอคทีฟของเอปสัน ที่ได้รับการยอมรับจากวงการการศึกษาทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้นักการศึกษาหรือผู้สอนสามารถเข้าถึงซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพระดับโลก ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับโปรเจ็คเตอร์แบบอินเตอร์แอคทีฟได้ง่ายขึ้น
“เรายินดีที่ได้ขยายความร่วมมือที่มีกับเอปสันมาอย่างยาวนานไปถึงขั้นที่นำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด” นายเกร็ก เอสเทล ประธานฝ่ายโซลูชั่นของสมาร์ท เทคโนโลยี กล่าว พร้อมกับเสริมว่า “SMART Notebook เปิดทางให้นักการศึกษาสร้างการเรียนรู้ที่ดึงดูดความสนใจ สร้างการมีส่วนร่วมและตอบสนองในลักษณะอินเตอร์แอคทีฟอย่างเป็นธรรมชาติระหว่างครูและนักเรียน ที่สำคัญ ซอฟต์แวร์นี้สามารถทำงานร่วมกับโปรเจ็คเตอร์ระบบอินเตอร์แอคทีฟของเอปสันได้ทุกเครื่องอีกด้วย”
“นักการศึกษาต่างกำลังมองหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดไม่ว่าจะในด้านฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ เพื่อช่วยให้ตนเองสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของนักเรียน ตลอดจนส่งเสริมผลการเรียนรู้” นายคีธ คราธซ์เบิร์ก รองประธานอาวุโสของเอปสัน อเมริกา อิงค์ กล่าว “การจับมือเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ ตอบสนองต่อความต้องการของครูโดยตรง ในการสร้างบทเรียนที่ดึงดูดความสนใจ สนุกและได้ผลจริง และเมื่อได้นำเสนอบทเรียนผ่านโปรเจ็คเตอร์อินเตอร์แอคทีฟของเอปสันแล้ว ยิ่งทำให้สามารถตอบโจทย์ห้องเรียนยุคใหม่ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่างผู้สอนและนักเรียนได้เป็นอย่างดี”
ข้อตกลงล่าสุดระหว่างทั้งสองบริษัท ทำให้เอปสันสามารถจำหน่ายโปรเจ็คเตอร์ระบบอินเตอร์แอคทีฟพ่วงกับซอฟต์แวร์ SMART Notebook รวมถึงสิทธิประโยชน์เพื่อเข้าถึง SMART Notebook Advantage ในปีแรก เป็นมาตรฐานปกติสำหรับการจัดจำหน่ายทั่วโลก โดยข้อตกลงนี้ถือเป็นการต่อยอดมาจากความร่วมมือเดิม ที่เปิดโอกาสให้เอปสันจำหน่ายซอฟต์แวร์พ่วงกับโปรเจ็คเตอร์ระบบอินเตอร์แอคทีฟในบางตลาด มาตั้งแต่ปี 2013 ทั้งนี้ SMART Notebook Advantage จะให้สิทธิ์ลูกค้าอัพเกรดซอฟต์แวร์ Notebook เป็นเวอร์ชั่นใหม่ในปีแรก รวมถึงเข้าถึงความช่วยเหลือทางเทคนิค และการใช้งานระดับพรีเมียมในบางส่วน
การจับคู่กันอย่างเหมาะสมในครั้งนี้ จะช่วยให้นักการศึกษาจากทั่วโลกได้ใช้โปรเจ็คเตอร์ระบบอินเตอร์แอ็คทีฟที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่ง ร่วมกับซอฟต์แวร์ที่จะช่วยในการเรียนรู้เพื่อสร้างประสบการณ์การที่สุดประทับใจ สร้างความมีส่วนร่วมและกระตุ้นการตอบโต้สื่อสารระหว่างกัน สมาร์ทได้ทดสอบและอนุมัติให้โปรเจ็คเตอร์ระบบอินเตอร์แอคทีฟของเอปสันทุกรุ่นทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ SMART Notebook ที่พร้อมรองรับฟังก์ชั่นการใช้งานแบบอินเตอร์แอคทีฟของเอปสัน อาทิ การใช้ปากกาคู่หรือระบบสัมผัสได้ นอกจากนี้แล้ว ทั้งเอปสันและสมาร์ทยังมีการจัดอบรม พร้อมบริการให้ความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของตนเองแก่ลูกค้าด้วย นักการศึกษาจึงมั่นใจได้เต็มที่สำหรับการนำแนวทางร่วมมือกันเรียนรู้สู่ห้องเรียนหรือพื้นที่การเรียนรู้อื่น ๆ
โปรเจ็คเตอร์ระบบอินเตอร์แอคทีฟของเอปสันที่มาพร้อมซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ SMART Notebook นั้น เริ่มจัดส่งเพื่อวางขายในตลาดอเมริกาเหนือมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2015 และจะเริ่มจัดส่งเพื่อวางขายในตลาดอื่น ๆ ต้นปี 2016 สำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ผลิตภัณฑ์จะถูกจัดส่งนับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2016 เป็นต้นไป
บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส ผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับโลกสารสนเทศที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เปิดเผยรายงานการคาดการณ์และการวิเคราะห์แนวโน้มของอุตสาหกรรมไอที ประจำปี 2559 โดยสามารถสรุปแนวโน้มสำคัญได้สามประการ ดังนี้ เอสดีเอ็นที่ปลอดภัยสำหรับองค์กร (Secure Enterprise SDN) ระบบไร้สาย และระบบรักษาความปลอดภัยรวมถึงแนวคิดอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT)
การบริหารจัดการเครือข่ายโดยซอฟต์แวร์ (Software-Defined Networking) วิธีการใหม่ ๆ ในการควบคุมเครือข่ายองค์กรจะปรากฏให้เห็นในตลาดเพื่อจัดการกับความต้องการอันหลากหลายที่เพิ่มมากขึ้น การบริหารจัดการเครือข่ายโดยซอฟต์แวร์ หรือ เอสดีเอ็น ซึ่งได้รับการปรับใช้ในเครือข่ายผู้ให้บริการและศูนย์ข้อมูลอย่างกว้างขวาง จะเริ่มได้รับความสำคัญมากขึ้นในองค์กร เช่นเดียวกับผู้จำหน่ายแอพพลิเคชั่นที่เริ่มนำเอาความสามารถของเอสดีเอ็น มาใช้ช่วยในการดำเนินกระบวนการทางธุรกิจให้ง่ายขึ้นและสร้างคุณค่าให้กับองค์กร ขณะที่บรรดาผู้บริหารระดับซีและผู้จัดการด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ จำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์สำหรับผสานรวม เอสดีเอ็นเข้ากับเครือข่ายองค์กรของตนและจะต้องให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยอย่างมากด้วย
ระบบไร้สาย–ขณะที่เทคโนโลยี 802.11ac อาจยังคงอยู่ในขั้นแรกเริ่มของการยอมรับและการปรับใช้ แต่การให้ความสำคัญกับระบบไร้สายจะเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นที่เทคโนโลยีและประสิทธิภาพไปเป็นการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์โดยใช้แพลตฟอร์มบนระบบคลาวด์ของโครงสร้างพื้นฐานองค์กรมากขึ้น การรับรู้ต่อแอพพลิเคชั่นและความสามารถในการจัดการรับส่งข้อมูลตามปริมาณข้อมูลที่มีการส่งผ่านจะกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเนื่องจากองค์กรได้หันมาใช้แนวคิดแบบรวมศูนย์ในการเชื่อมต่อนั่นเอง สิ่งนี้มีความสัมพันธ์อย่างมากกับการเติบโตของอุปกรณ์มือถือที่จะยังคงเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การพัฒนาอุปกรณ์แบบติดตั้งอยู่กับที่จะหยุดนิ่ง
การรักษาความปลอดภัยและอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT)–อุปกรณ์ หรือ “ทุกสิ่ง” จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาและจะมีการเชื่อมต่อครอบคลุมทั้งเมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ทซิตี้ภายใต้แนวคิดที่เรียกว่า “อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง” (Internet of Things) ซึ่งส่งผลต่ออุปกรณ์แบบฝังตัวและเครือข่ายที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องกับเครื่องกลายเป็นเป้าหมายที่ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น การรักษาความปลอดภัยแบบใหม่สำหรับองค์กรที่ใช้และจัดการเครือข่ายแบบฝังตัวจะกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายขององค์กร (หากก่อนหน้านี้ยังไม่เคยได้รับความสนใจมาก่อน)
นายเซอิชิโร ซาโต ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ส่วนกลาง บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส กล่าวว่า “บริษัท อัลไลด์ เทเลซิสมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เปิดเผยการคาดการณ์และการวิเคราะห์แนวโน้มประจำปี 2559 เนื่องจากโลกของเราได้กลายเป็นโลกที่มีการเชื่อมต่อระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น เราจึงมองเห็นถึงความสำคัญที่มีต่อการเปลี่ยนผ่านจากอุปกรณ์ที่ควบคุมโดยมนุษย์ไปเป็นอุปกรณ์อัตโนมัติแบบฝังตัวที่พร้อมนำเสนอระบบการทำงานในรูปแบบอัตโนมัติและเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน” นายซาโต ยังยังกล่าวเสริมด้วยว่า “อุปกรณ์จำนวนมากเหล่านี้ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบโครงสร้างเครือข่ายที่สำคัญ และด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยระบบดังกล่าวจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่เพิ่มขึ้นสำหรับทุกสิ่งและทุกคนที่เกี่ยวข้อง”
เกี่ยวกับบริษัท อัลไลด์ เทเลซิส อิงค์
บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส ก่อตั้งในปี 2530 เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโครงสร้างระบบเครือข่ายและโซลูชั่นเครือข่ายที่ยืดหยุ่นและสามารถทำงานข้ามระบบได้ โดยผลิตภัณฑ์ของอัลไลด์ เทเลซิส สามารถให้บริการโซลูชั่นระบบเครือข่ายทั้งข้อมูล เสียง และภาพ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในตลาด ที่หลากหลาย ได้แก่ กลุ่มลูกค้าองค์กร หน่วยงานราชการ/รัฐบาล โรงพยาบาล หน่วยงานความมั่นคง สถาบันการศึกษา ค้าปลีก โรงแรมและรีสอร์ต รวมไปถึงผู้ให้บริการระบบเครือข่าย
บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส มุ่งมั่นสร้างสรรค์ในด้านการบริการและแอพพลิเคชั่นเพื่อเพิ่มมูลค่าและลดต้นทุนการดำเนินงานโดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.alliedtelesis.com และ www.alliedtelesis.co.th