News & Movement

ทาทา สตีล ร่วมกับ วสท. จัดสัมมนา เหล็กก่อสร้าง มาตรฐานใหม่และแนวทางการออกแบบให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

               บมจ. ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ร่วมกับ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมสัมมนาหัวข้อ เหล็กก่อสร้าง: มาตรฐานใหม่ และแนวทางการออกแบบให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ รองศาสตราจารย์ อเนก ศิริพานิชกร (ที่ 2 ด้านขวามือ) ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ ร่วมด้วย ดร. ทรงเกียรติ มธุพยนต์ (ที่ 1 ด้านขวามือ) Senior Project Manager บริษัท ซีวิลแอนด์สตรัคเจอรัล เอนจีเนียร์ส จำกัด และ คุณอดิศร สุขพันธุ์ถาวร (ที่ 1 ด้านซ้ายมือ) ผู้จัดการส่วนอาวุโส บริการลูกค้า เทคนิคและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บมจ. ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ร่วมบรรยายให้ความรู้ โดยมีผู้สนใจในแวดวงวิศวกรรม ออกแบบ รับเหมาก่อสร้าง สถาบันการศึกษา เข้าร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง ณ ห้องราชพฤกษ์ โรงแรมเซ็นทารา จังหวัดขอนแก่น

กรมโรงงานฯ อบรมเทคนิคการขนส่งและเคลื่อนย้ายอาวุธเคมี

               ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (คนที่ 4 จากซ้าย) และ นายเกศรัตน์ สุขเกษม หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนการดำเนินงาน องค์การห้ามอาวุธเคมี (คนที่ 5 จากขวา) ร่วมเปิดการฝึกอบรมระดับภูมิภาคสำหรับเจ้าหน้าที่ศุลกากรของรัฐภาคีในเอเชีย เรื่อง ข้อกำหนดด้านเทคนิคการขนส่งและเคลื่อนย้าย ภายใต้อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี ทั้งนี้มีผู้แทนรัฐภาคี 17 ประเทศและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าอบรม เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ

สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเยี่ยมชมเมโทรซิสเต็มส์ฯ

               ผศ.ดร.ธนศักดิ์ กระบวนรัตน์ จาก สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำคณะนิสิตที่กำลังศึกษาวิชา MGMT D55-Information Technology ของหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) เข้ารับฟังการบรรยายความรู้ด้านไอทีที่น่าสนใจจาก นายยงยุทธ ศรีวันทนียกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์โซลูชั่น บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดย นายมีลาภ โสขุมา Product Manager ร่วมบรรยายและนำเยี่ยมชมศูนย์สาธิตเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ ภายในบริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่

ร่วมงาน Bartercard International CEO Conference

                คุณ เรวดี วัฏฏานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการระบบแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการโดยไม่ใช้เงินสดรายใหญ่ที่สุดในโลก เข้าร่วมงาน Bartercard International CEO Conference พร้อมด้วยผู้บริหารของ บาร์เทอร์คาร์ดจากอีก 9 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไซปรัส สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และอีก 3 ประเทศใหม่ คือ แอฟริกาใต้ อินเดีย จีน เพื่อระดมความคิดเห็นในการพัฒนาเครื่องมือและโอกาสการแลกเปลี่ยนทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อมุ่งสร้างผลประโยชน์ให้กับสมาชิกธุรกิจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้าขยายระบบบาร์เทอร์คาร์ดไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกจาก 10 ประเทศเป็น 13 ประเทศในปีหน้า และอีกกว่า 17 ประเทศในปีถัดไป ณ Royal Pines Resort โกลด์โคสต์ ประเทศออสเตรเลีย

เหมราชฯ บริจาคชุดยาสามัญประจำบ้าน แก่ชาวบ้านชุมชนตาสิทธิ์

               นายสัญญา เบ้าพูนทอง (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) นำทีมมอบชุดยาสามัญประจำบ้านแก่ชาวบ้านชุมชนตำบลตาสิทธิ์ จังหวัดระยอง กว่า 300 คน โดยกิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ที่เหมราชฯ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนโดยรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โดยมี นายบุญสืบ พิมโพธ์ (ที่ 4 จากซ้าย) นายก อบต. ตาสิทธิ์ ให้การต้อนรับ

ยูไนเต็ด มอเตอร์เวิกส์ ส่งมอบรถยกกระเช้าขากรรไกร ให้ลูกค้า

               บริษัท ยูไนเต็ด มอเตอร์เวิกส์ จำกัด(มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายรถกระเช้า JLG อย่างเป็นทางการในประเทศไทย  โดย นางสาวดนัยา ทวีสาร ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ และ นายอนุสรณ์ แพทย์รักษา ผู้จัดการฝ่ายบริการหลังการขาย ได้ส่งมอบ รถกระเช้าขากรรไกร JLG Scissor Lifts เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในทุกการใช้งานด้านความสูง ทั้งในและนอกอาคาร ให้กับ บริษัท ไทย เอ็นโอเค จำกัด โดยมี นางสาวพัชรี แสงกล้า Purchasing 2 Supervisor เป็นตัวแทนรับมอบพร้อมฝึกอบรมการใช้อุปกรณ์ให้แก่เหล่าพนักงานฝ่ายขาย และพนักงานซ่อมบำรุงเพื่อให้การใช้งานได้เป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ เตรียมความพร้อมในการบริการลูกค้า ณ อมตะนคร บางปะกง

เอปสันมอบ 1 แสน สนับสนุนประกวดวาดภาพ การ์ดนี้เพื่อน้อง ครั้งที่ 13

               นายแจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ ประธานมูลนิธิสร้างเสริมไทย รับมอบเงินจาก นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 1 แสนบาท เพื่อสนับสนุนการประกวดวาดภาพโครงการการ์ดนี้เพื่อน้อง ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมที่ทางเอปสันให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้เป็นการประกวดครั้งที่ 13 ภายใต้หัวข้อ ปันรักปันยิ้ม (Share the Loves, Spread the Smiles) เพื่อเปิดเวทีให้น้อง ๆ ผู้พิการ หรือด้อยโอกาสจากมูลนิธิและสถานสงเคราะห์ ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แสดงความสามารถผ่านดินสอ สีไม้ ปลายพู่กัน ตามจินตนาการ รวมถึงเอปสันยังเปิดบูธถ่ายรูปพร้อมพิมพ์ภาพให้น้อง ๆ ที่มาร่วมกิจกรรมเป็นที่ระลึกอีกด้วย

ซัมมิท แคปปิตอล เปิด 2 สาขาใหม่ รุกคืบภาคกลาง-อีสานตอนบน

               นายวิชิต พยุหนาวีชัย (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด นำทีมผู้บริหารฉลองเปิดศูนย์บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ 2 สาขาล่าสุดในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี และอำเภอเมืองขอนแก่น ตามแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อขยายเครือข่ายบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากการสำรวจตลาดก่อนเปิดศูนย์บริการถาวรอย่างเป็นทางการพบว่า ในช่วงปีที่ผ่านมานั้นมีลูกค้าให้ความสนใจใช้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์กับ ซัมมิท แคปปิตอล เพิ่มขึ้น 27% และมากกว่า 100% ในสุพรรณบุรีและขอนแก่นตามลำดับ

สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา ก้าวสู่ปีที่ 14 จัดการประชุมวิชาการนานาชาติ เรื่องความท้าทายแห่งการพัฒนาภายหลังปี 2558

               พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ที่ 4 จากซ้าย) เป็นประธานการประชุมวิชาการนานาชาติ เรื่อง “ความท้าทายแห่งการพัฒนาภายหลังปี 2558: นัยต่อการค้าและการพัฒนา ภายในประชาคมอาเซียน” (Post-2015 Development Challenges: Implications for Trade and Development for ASEAN Community) โดย ดร.กมลินทร์ พินิจภูวดล ผู้อำนวยการ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD (ที่ 5 จากซ้าย) ให้การต้อนรับ ทั้งนี้การประชุมจัดขึ้นเนื่องในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 14 ของสถาบันฯ เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและต่างประเทศ โดยมีนักวิชาการ ตัวแทนภาครัฐ และเอกชน เข้าร่วมงาน ณ ห้องบอลรูม โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ

เมโทรซิสเต็มส์ฯ (MSC) เข้าร่วมกิจกรรมวันต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งชาติ 2558

               นายกิตติ เตชะทวีกิจกุล (แถวหน้าที่ 4 จากซ้าย) รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นางนิตยา ธนวิริยะกุล (แถวหน้าที่ 5 จากซ้าย) กรรมการบริหาร นำทีมพนักงาน เข้าร่วมกิจกรรม วันต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งชาติ 2558 Active Citizen พลังพลเมือง ต่อต้านคอร์รัปชั่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2558 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กทม.

ยิปรอค ร่วมยินดีกับ เมกาโฮม ฉลองเปิดสาขาที่ 6 มีนบุรี

               บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบงานฝ้าเพดานและงานผนังยิปซัม ภายใต้แบรนด์ยิปรอค นำโดย ปธพัฒน์ ถือสัตย์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงความยินดีกับ บริษัท เมกา โฮม เซ็นเตอร์ จำกัด ศูนย์รวมสินค้าบ้าน และวัสดุก่อสร้างครบวงจร เนื่องในโอกาสฉลองเปิดสาขามีนบุรีสาขาใหม่แห่งที่ 6 ในกรุงเทพมหานคร โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในเขตพื้นที่มีนบุรี รวมถึงกลุ่มผู้อยู่อาศัยย่านวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก (East Outer Ring Road) ที่มีความต้องการอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นเนื่องจากการพัฒนาและขยายตัวอย่างรวดเร็วในด้านอสังหาริมทรัพย์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ร่วมพัฒนาฝีมือแรงงานไทย

               มร.มาร์ค เพลิทิเยร์ (ที่ 2 จากขวา) ประธาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย นำทีมผู้บริหาร นายสุรเชษฏ์ บุญศักดิ์เสรี (ที่ 1 จากซ้าย) ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจค้าปลีก และ นายณัฏฐพัชร์ ชลภัทรธนัทสิริ (ที่ 1 จากขวา) ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจอีโคบิวดิ้ง ลงนามความร่วมมือกับ หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (ที่ 2 จากซ้าย) ในการร่วมกันพัฒนาฝีมือแรงงานช่างไฟฟ้าและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ให้มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญทัดเทียมระดับสากล โดยงานมีขึ้นที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน

โสสุโก้ พาตัวแทนจำหน่ายบินลัดฟ้าเยือนโปแลนด์-เยอรมนี

          บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด พาคณะผู้แทนจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกปูพื้นและบุผนังตรา โสสุโก้ เยือน 2 ประเทศของยุโรป ได้แก่ กรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ ที่มีอายุเกือบ 700 ปี ชมความงดงามของพระราชวังวิลานอฟที่ได้รับฉายาว่า พระราชวังแวร์ซายส์น้อยแห่งโปแลนด์ ย่านเมืองเก่าของวอร์ซอ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม เหมืองเกลือใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก และค่ายเอาซ์วิทช์ แล้วเดินทางต่อไปยังกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ช้อปปิ้งในย่านธุรกิจเดอะคัวฟัวชเตนดัม เยี่ยมชมพระราชวังซองส์ซูซี กำแพงเบอร์ลิน ป้อมปราการในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเบอร์ลินโดม มหาวิหารนิกายโปรเตสแตนท์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี เพื่อเป็นรางวัลสำหรับความสำเร็จในการสร้างยอดขาย และเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานต่อไป

บริษัท เอดับเบิ้ลยู (ประเทศไทย) จำกัด วางศิลาฤกษ์โรงงานแห่งใหม่

               นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร (ที่ 6 จากขวา) ประธานคณะกรรมการและประธานกรรมการบริหาร นางจรีพร อนันตประยูร (ที่ 5 จากขวา) รองประธานคณะกรรมการ และรองประธานกรรมการบริหาร นายวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล (ที่ 2 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) และ มร. ซึเนะฮิโระ มัตซูโน่ (ที่ 7 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอชิน เอดับเบิ้ลยู จำกัด, มร. ฟูซาชิ โอโบระ (ที่ 6 จากซ้าย) ประธานบริหาร บริษัท เอดับเบิ้ลยู (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมวางศิลาฤกษ์โรงงานแห่งใหม่ ที่มีมูลค่าการลงทุน 4.65 พันล้านบาท ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 2 ซึ่งเป็นนิคมฯ แห่งที่ 8 ของเหมราชฯ

ซีเกทเทพารักษ์ต้อนรับคณะผู้เยี่ยมชมจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

               คุณชัยรัตน์ ประเสริฐไทย ผู้อํานวยการอาวุโสฝ่ายวิศวกรรม (แถวบน ที่ 2 จากขวา) และ คุณอรวรรณ วิวรรธนจิตต์ ผู้อํานวยการอาวุโสฝ่ายจัดการวัตถุดิบ (แถวกลาง ที่ 3 จากขวา) บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด โรงงานเทพารักษ์ ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย คุณสุวิภา วรรณสาธพ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (แถวกลาง คนที่ 4 จากซ้าย) ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ พร้อมเยี่ยมชมสายการผลิตและการจัดการวัตถุดิบในคลังสินค้า

ฟูจิ ซีร็อกซ์ฯ ได้รับรางวัลองค์กรรักษ์สิ่งแวดล้อมดีเด่น

               มร.โคจิ  เทสึกะ ประธานบริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์  (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้ายมือ) ขึ้นรับโล่รางวัลชนะเลิศองค์กรรักษ์สิ่งแวดล้อมดีเด่น ประจำปี 2558 จาก มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร (ขวามือ) ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร จากกิจกรรมการประกวดอาคาร และสำนักงานปลอดขยะ ที่สำนักงานสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม บางเขน โดยรางวัลนี้เป็นรางวัลจากการที่บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) มีความตระหนัก มุ่งมั่นและส่งเสริมสนับสนุนการจัดการทรัพยากรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการพัฒนาระบบการจัดการขยะมูลฝอยแบบครบวงจร ด้วยการเปลี่ยนการจัดการขยะเป็นการจัดการทรัพยากร ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และลดปริมาณขยะที่กำจัด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

สแกนเนีย สยาม จัดการแข่งขันกอล์ฟกระชับมิตร พร้อมเปิดตัวรถบรรทุกสแกนเนียรุ่นใหม่ที่รวมความสุดยอดของงานบริการ

               บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด จัดการแข่งขันกอล์ฟกระชับมิตรรายการ Scania Truck: Golf Tournament 2015 เพื่อเป็นการพบปะสังสรรค์และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสแกนเนียกับลูกค้าทั่วประเทศ พร้อมทั้งเปิดตัวรถบรรทุกสแกนเนียรุ่นใหม่ที่รวมความสุดยอดของงานบริการมาไว้ในรถรุ่นใหม่ทุกคัน โดยมี มร.สเตฟาน ดอร์สกี กรรมการผู้จัดการ นายภูริวัทน์ รักอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาค และ มร.มาร์ติน นีลสัน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ให้การต้อนรับและร่วมการแข่งขัน โดยในวันงานได้รับเกียรติจาก โปรเล็ก-ถาวร วิรัตน์จันทร์ มาร่วมให้ความรู้ด้านเทคนิคการตีกอล์ฟแก่ผู้ร่วมการแข่งขันทุกคน ณ สนามกอล์ฟ ซัมมิท วินด์มิลล์

ไดกิ้นต้อนรับ กฟผ. เข้าเยี่ยมชม ไดกิ้น โซลูชั่น พลาซ่า

               นายบัณฑิต ศรีวัลลภานนท์ (แถวหน้า คนที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย นำโดย นายยงยุทธ  ศรีชัย (แถวหน้า คนที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการด้านการใช้ไฟฟ้า – ปฏิบัติการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ นางวราพรรณ ศรีเหนี่ยง (แถวหน้า คนที่ 1 จากซ้าย) หัวหน้ากองปรับปรุงประสิทธิภาพอุปกรณ์ไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสเข้าเยี่ยมชม ไดกิ้น โซลูชั่น พลาซ่า ณ สำนักงานใหญ่ของ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ซอยอ่อนนุช 55/1 ถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

ยิบอินซอยและแย๊คส์ ยกเสาเอกโรงงานแห่งใหม่

               คุณมรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยิบอินซอยและแย๊คส์ จำกัด และ คุณยุพธัช ยิบอินซอย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ร่วมกันเป็นประธานในพิธียกเสาเอกโรงงานปุ๋ยแห่งใหม่ของบริษัทฯ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจปุ๋ยและเคมีเกษตร ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราใบไม้ และ “ตราหัวคนป่า” โรงงานแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Green Industry นับตั้งแต่การก่อสร้างโรงงานดัวยวัสดุอันทันสมัย ภายหลังโรงงานแล้วเสร็จจะใช้กระบวนการผลิตที่ป้องกันปัญหามลพิษ รวมทั้งการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ณ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2559    

พีซีเอส ผนึกกำลังส่งเสริมการบริหารจัดการอาคารแบบครบวงจร ในงาน BMAM Expo Asia 2015

               มร. เควิน  ควินน์ (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายการบริหารจัดการอาคารแบบครบวงจร บริษัท พรอพเพอร์ตี้ แคร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ พีซีเอส บริษัทในเครือของ โอซีเอส กรุ๊ป (OCS Group) จากอังกฤษ จับมือภาคี ดร. พสุ โลหารชุน (ที่ 3 จากซ้าย) อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นางจารุวรรณ สุวรรณศาสน์ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์กรมหาชน) และ คุณพรพรรณ บุลเนอร์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ เปิดงาน BMAM Expo Asia 2015 งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและการบริหารจัดการทรัพยากรอาคารโรงงานและอสังหาริมทรัพย์ แห่งเอเชียครั้งที่ 8 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

เอ็นพีเอส รับประกาศเกียรติคุณธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม

               นายอภิชัย ซอปิติพร (ซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นพีเอส ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานปลูกได้ รับประกาศเกียรติคุณธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม ในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมสีเขียว ประจำปี 2558 จัดโดยกระทรวงอุตสาหกรรม สำหรับธุรกิจโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ในกลุ่มพลังงาน ของเอ็นพีเอส ที่มีการดำเนินงานอย่างโปร่งใส เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถอยู่ร่วมกันกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน โดยมี นางศิริรัตน์ จิตต์เสรี (ขวา) รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้มอบ

สัมมนาและเจรจาจับคู่ธุรกิจไหมนานาชาติ ครั้งที่ 3

               สถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (Mekong Institute: MI) จังหวัดขอนแก่น และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ร่วมจัดงาน สัมมนาและเจรจาจับคู่ธุรกิจไหมนานาชาติ ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ “การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันธุรกิจไหมด้วยเทคโนโลยีและการตลาดตามรูปแบบบรรษัทบริบาล (CSR)” เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมการตลาด และการนำร่องรูปแบบบรรษัทบริบาล (CSR) ของเอกชนและองค์กรที่ดำเนินกิจกรรม CSR ให้ผู้ประกอบการไหม โดยมี นายศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิดงาน  ณ โรงแรมพูลแมน จังหวัดขอนแก่น 

กรมโรงงานอุตสาหกรรม รับรางวัลดีเด่น

               ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม รับรางวัลประกาศเกียรติคุณด้านบัญชีภาครัฐ ระดับดีเด่น ในพิธี “มอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558” โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ในฐานะเป็นผู้นำการใช้ระบบบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ทำให้เกิดความรวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานและมอบรางวัล ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร

แซส แนะนำเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลระดับสูง ช่วยสร้างโอกาสและป้องกันความเสี่ยง ในอุตสาหกรรมการเงิน และบริการด้านประกันภัย

               นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ (ขวา) บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ ให้การต้อนรับ นายเคนเน็ธ โคท ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอัจฉริยะสายงานประกันภัยประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, แซส (ซ้าย) ในโอกาสเข้าร่วมประชุมและแนะนำเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก แซส วิชวล อนาไลติกส์ (SAS Visual Analytics) สำหรับวงการอุตสาหกรรมการเงินและบริการด้านประกันภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยง และเป็นการรองรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ รองรับธุรกิจประกันภัยที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ณ ห้องประชุม บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด

15 โรงงานของ ดาว ประเทศไทย รับใบประกาศเกียรติคุณ โครงการสถานประกอบการปลอดภัยเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ

               กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย นำโดย นายพงศธร คูสกุล (ที่ 3 จากขวา) ผู้จัดการโรงงานโพลิสไตรีน และผู้แทนโรงงาน เข้ารับใบประกาศเกียรติคุณโครงการ สถานประกอบการปลอดภัยเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน โดยมี นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นผู้มอบ ณ ห้องสร้อยเพชร 1 โรงแรมโกลเด้นซิตี้ จังหวัดระยอง โดยโรงงานของกลุ่มบริษัทฯ ที่ได้รับใบประกาศเกียรติคุณรวม 15 แห่ง จาก 11 บริษัท นับเป็นการตอกย้ำพันธะสัญญาด้านความปลอดภัยในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของ ดาว ประเทศไทย ตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งศตวรรษ

งานแสดงเทคโนโลยีคลังสินค้าและระบบจัดการ ครั้งแรกในไทย

               นายอุฤทธิ์ ศรีหนองโคตร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด  ร่วมกันจัดงาน Intelligent Warehouse งานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ระบบภายในคลังสินค้า และระบบจัดการ ซึ่งจัดเป็นงานครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นการสร้างความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบภายในคลังสินค้ากระตุ้นเศรษฐกิจและเตรียมรับมือกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเป็นทางการ ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 1

ไวเออร์ แอนด์ ทูป เซ้าธ์อีสท์เอเชีย 2015

               คุณอุฤทธิ์ ศรีหนองโคตร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (คนที่สองจากทางขวา) เป็นประธานเปิดพิธี โดยมี ผศ.ดร.สาทิสส์ ทรงชน ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (ซ้าย) คุณกิตติพงษ์ วีระโพธิ์ประสิทธิ์ ประธานสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (คนที่สองจากทางซ้าย) คุณเกอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย จำกัด(กลาง) และ คุณจารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) (ขวา) เข้าร่วมให้ร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้

ทีเอ็นที จัดกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ประกาศความพร้อม ส่งเสริมธุรกิจไทยต้อนรับเออีซี

               ทีเอ็นที ผู้นำด้านบริการขนส่งพัสดุภัณฑ์ด่วนครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ และเป็นหนึ่งในด้านการบริการในประเทศไทยมากว่า 35 ปี นำโดย จอร์จีนา กัลวิน (ที่ 4 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ คุณจรัสพรรณ แจ่มใส (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด จัดกิจกรรมสัมมนาพิเศษเพื่อลูกค้า ภายใต้หัวข้อ Asia Road Network Innovative AEC Integrated 2015 โดยมีทีมผู้บริหารระดับสูง อาทิ คุณกุณฑล ศิริไพบูลย์ (ที่ 1 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีและการสื่อสาร, และ คุณสิทธิชัย มหาจันทนาภรณ์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดภายในประเทศ, คุณนงลักษณ์ พึ่งสม (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล, คุณสุขสันต์ ทรงตั้งสันติกุล (ที่ 1 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ พร้อมด้วย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน (ที่ 2 จากขวา) และ อาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา (ที่ 3 จากขวา) ให้เกียรติเข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมแกรนด์บอลรูม โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ พัทยา จ.ชลบุรี

เอปสัน เสริมทัพไลน์โปรเจ็คเตอร์รุ่นใหญ่ เปิดตัว จี-ซีรี่ส์ เน้นบุกตลาดงานอีเว้นท์และธุรกิจพัฒนาคอนเท้นท์

               เอปสัน รุกหนักตลาดโปรเจ็คเตอร์ High Performance เปิดตัว G-Series พร้อมกัน 7 รุ่น ตั้งเป้ากวาดส่วนแบ่งตลาดอีเว้นท์และธุรกิจพัฒนาคอนเท้นท์เพิ่ม ทั้งยังออกเครื่องรุ่น Smart อีก 10 รุ่น ตอกย้ำ เจ้าตลาดโปรเจ็คเตอร์สำหรับเอสเอ็มอีและการศึกษา

 

               นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเอปสันประสบ ความสำเร็จอย่างมากในตลาดโปรเจ็คเตอร์ของเมืองไทย มีสัดส่วนยอดขายมากเป็นอันดับหนึ่งถึง 34% ทั้งยังมีสินค้าวางจำหน่ายใน ตลาดขณะนี้เกือบ 60 รุ่น มากกว่าคู่แข่งรายอื่น จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่ผู้ใช้ตามบ้าน โฮมออฟฟิศ เอสเอ็มอี ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ และสถาบันศึกษา

 

               “เป้าหมายสำคัญของเอปสันในปีนี้จึงอยู่ที่การเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและขยายฐานลูกค้าในกลุ่มโปรเจ็คเตอร์รุ่นใหญ่ หรือเครื่อง High Performance ที่มีระดับความสว่างตั้งแต่ 6,000 ลูเมนส์ขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันเอปสันมีส่วนแบ่งตลาด อยู่ที่ 6% ตลาดเครื่อง High Performance ถึงแม้จะไม่ใช่ตลาดใหญ่ แต่มูลค่าต่อเครื่องค่อนข้างสูง และเป็นตลาดที่น่าจับตา เพราะมีอัตราการขยายตัวทุกปี ได้รับความนิยมในกลุ่มออร์แกไนเซอร์และธุรกิจพัฒนาคอนเท้นท์สำหรับงานอีเว้นท์ต่าง ๆ รวมถึงการใช้งานในสถานที่ขนาดใหญ่ เช่น หอประชุมในองค์กร หรือสถาบันศึกษา ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม และ งานนิทรรศการ เอปสันจึงได้ออกสินค้ารุ่น G-Series ในวันนี้ พร้อมกันทีเดียว 7 รุ่น โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะสามารถครองอันดับหนึ่งในทุกกลุ่มสินค้าโปรเจ็คเตอร์และทุกตลาดได้ภายใน 3 ปี”

 

               การเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม High Performance รุ่น G-Series ยังเป็นการยกระดับความพร้อมในการแข่งขันของ เอปสัน เพราะพอร์ตสินค้าในกลุ่มนี้ของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 18 รุ่น สำหรับ G-Series ทั้ง 7 รุ่นที่เปิดตัวในครั้งนี้ มีระดับความละเอียดทั้ง XGA, WXGA และ WUXGA และระดับความสว่างตั้งแต่ 5,200–7,000 ลูเมนส์ ทั้งยัง สามารถรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ HDBase-T ได้ ประกอบด้วย EB-G6170, EB-G6870, EB-G6070W, EB-G6270W, EB-G6570WU, EB-G6770WU และ EB-G6970WU

 

               นอกจากนี้ เอปสันยังออกสินค้าในกลุ่ม Smart เพิ่มอีก 10 รุ่น เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดโปรเจ็คเตอร์ สำหรับเอสเอ็มอีและสถาบันศึกษา ได้แก่รุ่น EB-S04, EB-S29, EB-S31, EB-X04, EB-X31, EB-X36, EB-W04, EB-W31, EB-U04 และ EB-U32 โดยทุกรุ่นได้รับการอัพเกรดให้มีระดับความสว่างและความละเอียดสูงขึ้น และสามารถแยกแสดงภาพได้ 2 จอในเวลาเดียวกัน ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ HDMI ได้ นอกจากนี้ ยังใช้ หลอดภาพรุ่นใหม่ที่ให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้นถึง 10,000 ชั่วโมง

 

               นายยรรยง กล่าวต่อว่า “ไฮไลท์อยู่ที่รุ่น EB-U04 และ EB-U32 ที่เป็นเครื่องความละเอียดสูงระดับ WUXGA รุ่นแรก ของสินค้ารุ่น Smart ที่เป็นเครื่องราคาประหยัด ซึ่งเดิมทีเป็นคุณสมบัติของเครื่องขนาดกลางและขนาดใหญ่ ทั้งยัง ใช้ร่วมกับแอพพลิเคชั่น iProjection ของเอปสัน และฟังก์ชั่น QR Code Reader ช่วยให้การเชื่อมต่อแบบไร้สายทำได้ง่ายขึ้น โดยการอ่าน QR Code ที่ฉายบนจอภาพด้วยสมาร์ทโฟนของผู้ใช้ และสำหรับเครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ก็สามารถเชื่อมต่อได้โดยใช้สายเคเบิล MHL”

 

               “โปรเจ็คเตอร์รุ่น Smart ทั้ง 10 รุ่นใหม่ของเอปสันนี้ยังได้ปฏิวัติมาตรฐานโปรเจ็คเตอร์รุ่นเล็กในตลาดทั้งหมด เพราะมีความสว่างและความละเอียดในการฉายภาพเพิ่มขึ้น ทั้งยังนำฟังก์ชั่นและคุณสมบัติพิเศษที่เคยมีแต่ใน เครื่องขนาดกลางขึ้นไปมาใช้ ทำให้ลูกค้าในกลุ่มโฮมออฟฟิศ โซโห และเอสเอ็มอี ได้ใช้สินค้าประสิทธิภาพสูงขึ้น ในราคาเท่าเดิม”

 

               “ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นทุกปีและตำแหน่งแบรนด์โปรเจ็คเตอร์ที่มียอดขายทั่วโลกสูงสุดติดต่อกัน 14 ปี เอปสัน ยืนยันว่าโปรเจ็คเตอร์ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความจำเป็น และไม่สามารถถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีอื่น ในหลายตลาด โปรเจ็คเตอร์กลับมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น เห็นได้ชัดจากธุรกิจออร์แกไนเซอร์ และธุรกิจพัฒนาคอนเท้นท์สำหรับ งานอีเว้นท์ รวมไปถึงงานโฆษณา ที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการเป็นอย่างมาก G-Series จึงจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากวงการงานสร้างสรรค์เหล่านี้ นอกจากนี้ เอปสันยังมองว่าเทรนด์ในการเลือก ใช้โปรเจ็คเตอร์จะเปลี่ยนไป ฟังก์ชั่นและคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการเชื่อมต่อจะเป็นความต้องการ พื้นฐาน ลูกค้าจะมองหาสิ่งที่ช่วยยกระดับการนำเสนองานได้มากพอ ๆ กับความคุ้มค่าจากการลงทุน ซึ่งเอปสันเอง ก็พร้อมที่จะส่งสินค้าใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับเทรนด์นี้อยู่แล้ว” นายยรรยง กล่าวทิ้งท้าย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี ก้าวสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ มั่นใจไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตอาเซียน

               บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย นำโดย มร.เจฟฟรีย์ กอดิอาโน กรรมการผู้จัดการ เฉลิมฉลองความสำเร็จของการดำเนินงานด้านการผลิตครบรอบ 15 ปี ของโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สมชาย หาญหิรัญ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในงาน พร้อมแขกผู้มีเกียรติ คู่ค้าทางธุรกิจ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคธุรกิจกับบีเอ็มดับเบิลยู เข้าร่วมเฉลิมฉลองอีกหนึ่งก้าวความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แสดงถึงความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อประเทศไทยในฐานะที่เป็นตลาดและหนึ่งในศูนย์กลางการผลิต

 

               มร.เยอร์เก้น ไมดัล รองประธานบริหารอาวุโส ฝ่ายโลจิสติกส์การผลิต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้เดินทางมาจากสำนักงานใหญ่ที่มิวนิค เพื่อร่วมฉลองวาระสำคัญครั้งนี้ เปิดเผยว่า “โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู จังหวัดระยอง และประเทศไทย มีบทบาทที่สำคัญมากต่อกลยุทธ์การขายของเรา รวมถึงการมีส่วนร่วมของเราในตลาดภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย ในปี 2558 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้เริ่มต้นขยายการส่งออกของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สู่ประเทศจีน นอกเหนือจากประเทศมาเลเซีย และจะขยายการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ภายในภูมิภาคอาเซียนต่อไป นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับผมที่จะประกาศในวันนี้ว่า เราได้ลงทุนอีก 1.1 พันล้านบาทในการขยายโรงงานที่ระยองแห่งนี้ เพิ่มเติมจากยอดเงินลงทุนที่ผ่านมาทั้งสิ้นกว่า 2.6 พันล้านบาท การขยายในครั้งนี้หมายถึงการเพิ่มพื้นที่ในโรงงานสำหรับการฝึกอบรมด้านอาชีวศึกษา พื้นที่สำหรับการทดสอบเครื่องยนต์ต่าง ๆ รวมถึงศูนย์วิเคราะห์ด้วย ส่งผลให้โรงงานที่จังหวัดระยองนี้จะสามารถขยายกำลังการผลิตได้สูงถึง 20,000 คันต่อปี สำหรับรถยนต์ และ 10,000 คันต่อปีสำหรับมอเตอร์ไซค์”

 

               มร.เจฟฟรีย์ กอดิอาโน กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาประวัติศาสตร์อย่างแท้จริงสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นของทีมงานทุกคนที่โรงงานในประเทศไทยแห่งนี้ ทำให้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ร่วมมือกันสร้างการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มิวนิค มาโดยตลอด นอกจากนั้น ด้วยทักษะ ประสบการณ์และฝีมือของพนักงานของเรา ช่วยให้เราสามารถสร้างคุณภาพที่เหนือกว่าสู่ผลิตภัณฑ์ชั้นยอด และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าของเราได้เป็นอย่างดี ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะประกาศให้ทราบว่า เราได้เริ่มต้นโครงการศึกษาระบบทวิภาคี หรือ Dual Excellence in Education ภายใต้ความร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ ใน การฝึกอบรมในระบบทวิภาคีให้แก่นักเรียนอาชีวศึกษา ด้านเมคคาทรอนิกส์ เริ่มในเดือนสิงหาคม 2558 นี้ และในปี 2559 เราจะขยายความร่วมมือในการศึกษาและจัดฝึกอบรมด้านด้านเมคคาทรอนิกส์ ให้แก่นักเรียนอาชีวศึกษาระดับ ปวส. จากโรงเรียนจิตรลดา (สายวิชาชีพ) ทั้งหมดนี้เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น หนึ่งในศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียน”

 

               ในโอกาสพิเศษครั้งนี้ ดร.มาร์ค ซิลเลอมันน์ ประธานฝ่ายการผลิต บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด กล่าวว่า “โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู จังหวัดระยอง มีความโดดเด่นเฉพาะตัวในด้านความหลากหลายของการผลิต และนอกเหนือจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด รุ่นต่าง ๆ ที่มีในปัจจุบัน ซึ่งได้รับการประกอบที่โรงงานแห่งนี้ เรามีความภาคภูมิใจที่จะประกาศว่า สุดยอดมอเตอร์ไซค์สายพันธุ์ซูเปอร์สปอร์ตบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และเนเก็ดไบค์บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R จะเป็นมอเตอร์ไซค์สายพันธุ์ซูเปอร์สปอร์ต 2 รุ่นแรกที่จะถูกประกอบขึ้นในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้มีมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดทั้งหมด 8 รุ่นที่ประกอบขึ้นในประเทศไทย นี่คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ของ 15 ปีแห่งความสำเร็จของเรา”

 

               ดร.สมชาย หาญหิรัญ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมแสดงความยินดีและกล่าวถึงความสำเร็จ ในครั้งนี้ว่า “กระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มายาวนานหลายปี ผ่านการสนับสนุนทั้งการขยายการดำเนินงาน และแสวงหาโอกาสที่จะพัฒนาธุรกิจของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในประเทศไทย และเพื่อให้มั่นใจในการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่ถูกนำมาประกอบในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องโดยฝีมือของทีมช่างเทคนิคทั้งชาวไทยและชาวเยอรมัน สิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและบีเอ็มดับเบิลยู และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมแสดงความยินดีแก่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ในโอกาสครบรอบ 15 ปีนี้”

 

               มร. ไมดัล กล่าวปิดท้ายว่า “ความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงบทบาทอันสำคัญยิ่งสำหรับโรงงานของเราที่จังหวัดระยอง และประเทศไทย ที่มีต่อบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เราเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยและโรงงานของเราที่จังหวัดระยองคือ รากฐานอันมั่นคงของเครือข่ายการผลิต ของเรา และเรามุ่งหวังที่จะสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องอีกต่อไปในอนาคต”

 

อีตั้นจัดงานวันเทคโนโลยีเป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมนำเสนอโซลูชั่นจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ

               บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค(ประเทศไทย) จำกัด บริษัทจัดการพลังงานไฟฟ้าระดับโลก นำเสนอนวัตกรรมล่าสุดทางด้านแอพพลิเคชั่นและโซลูชั่นเพื่อการจัดการพลังงานที่มุ่งเน้นและตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยโดยเฉพาะ ได้จัดงาน “เพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ” หรือ ‘The Power of Possibilities, Energizing Opportunities’ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 ณ โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ

 

               ภายในงานมีการจัดสัมมนาให้ความรู้โดยผู้บริหารและทีมวิศวกรของอีตั้นตลอดหนึ่งวันเต็ม สามารถดึงดูดผู้ที่สนใจและพันธมิตรธุรกิจเข้าร่วมงานกว่า 300 คน เนื้อหาหลักของงานเป็นการให้ข้อมูลเชิงลึกถึงปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ ที่ลูกค้าของอีตั้นเคยประสบ และนำเสนอกรณีตัวอย่างบางส่วน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอีตั้นสามารถจัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยวิธีการใดบ้าง โดยมุ่งเน้นไปที่ภาคอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในประเทศไทย อาทิ ธุรกิจศูนย์ข้อมูล โทรคมนาคม พลังงานน้ำมันและก๊าซ ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมการผลิต ตลอดจนภาคสาธารณสุขและการเกษตร

 

               “ประเทศไทยเปิดประตูสู่โอกาสการเติบโตให้หลายภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากมาตรการช่วยเหลือทางด้านภาษีที่ช่วยกระตุ้นให้หลาย ๆ องค์กรในภาคธุรกิจเหล่านี้หันมาสนใจและตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทยกันมากยิ่งขึ้น ทางอีตั้นเองได้ทุ่มเทเพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถรักษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลในระดับที่ดีที่สุด ช่วยลดการใช้พลังงาน และช่วยลดต้นทุนการผลิตด้วยโซลูชั่นเพื่อการจัดการพลังงานด้วยนวัตกรรมที่ยั่งยืน การลงทุนในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนเป็นกลยุทธ์หลักสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาของเราในการสร้างธุรกิจด้านไฟฟ้าของอีตั้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออก” นายพิชัย สุทธิจินตทิพย์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกส่วนกลาง ส่วนธุรกิจไฟฟ้า บริษัทอีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว      

 

               ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านการจัดการพลังงานไฟฟ้าระดับโลก อีตั้นมุ่งมั่นพัฒนาทุกส่วนภาคธุรกิจในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับโอกาสที่หลากหลายซึ่งได้รับจากภูมิภาคนี้ งานอีตั้น Technology Day ในประเทศไทยถือเป็นส่วนหนึ่งของความคิดริเริ่มด้านกลยุทธ์การเติบโตอันประกอบไปด้วย ลำดับต่าง ๆ ภายในงานที่นำไปสู่การช่วยลูกค้าจัดการปัญหาและความท้าทาย รวมทั้งทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพระหว่างภูมิภาคและกลุ่มลูกค้าหลัก

 

               ภาคอุตสาหกรรมที่เป็นจุดสนใจหลักในงานครั้งนี้ คือ ธุรกิจบริการศูนย์ข้อมูลและโทรคมนาคมที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ เนื่องจากแรงผลักดันที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคดิจิตอล ทั้งนี้ จากข้อมูลของ IDC คาดการณ์ว่าในปี 2558 นี้ ประเทศไทยจะใช้เงินลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communications Technology: ICT) ถึง 2.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7.4 แสนล้านบาท) และยังคงรั้งตำแหน่งผู้ลงทุนในสินค้าและบริการด้าน ICT ที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองของกลุ่มประเทศอาเซียน และเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ให้บริการในประเทศไทยให้สามารถจัดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับปริมาณความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ อีตั้นนำเสนอโซลูชั่นพลังงานสำรองที่จะช่วยให้แอพพลิเคชั่นและการใช้งานด้านไอทีต่าง ๆ มีความต่อเนื่อง สามารถสร้างประสิทธิภาพได้โดยไม่มีสะดุดเพื่อผลิตผลสูงสุดในธุรกิจ ในประเทศไทยมีผู้วางใจในบริการของอีตั้นมากมาย อาทิ ธนาคารกรุงไทย และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ อาหาร จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

 

               อีกหนึ่งภาคอุตสาหกรรมที่น่าสนใจคือ ด้านพลังงานน้ำมันและก๊าซ เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบสุทธิมากที่สุดเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อนำมาทำเป็นแหล่งของพลังงานที่ใช้ในประเทศในอัตราส่วนที่มากถึงกว่าร้อยละ 85 ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการทางด้านพลังงานที่สำคัญเหล่านี้ อีตั้น จึงได้นำเสนอมิติใหม่จากความเชี่ยวชาญของเรา เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมดังกล่าวสามารถจัดการกับการผลิตซึ่งใช้พลังงานมหาศาลพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยองค์รวมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการดำเนินงานที่ราบรื่นแม้ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย เพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิผลสูงสุดของการกลั่นพลังงาน

 

               พร้อมกันนี้ ในงานยังมีส่วนจัดแสดงนิทรรศการขนาดใหญ่เพื่อนำเสนอสายผลิตภัณฑ์โซลูชั่นต่าง ๆ ของอีตั้น ให้ผู้ร่วมงานได้สำรวจและศึกษาสินค้าและบริการของอีตั้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของตน ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจศูนย์ข้อมูล โทรคมนาคม พลังงานน้ำมันและก๊าซ อุตสาหกรรมการผลิต บริการสาธารณสุข และการเกษตร อีกทั้งยังได้จัดแสดงตัวอย่างโซลูชั่นบางรายการของอีตั้นที่ช่วยเสริมประโยชน์ให้กับลูกค้าของอีตั้นทั่วประเทศไทย

 

               เอเชีย-แปซิฟิก เป็นตลาดสำคัญของ อีตั้น ที่กำลังเติบโต ด้วยยอดขาย 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2557 อีตั้นมี 47 ภาคการผลิตในภูมิภาคนี้ และมีการจ้างงานกว่า 26,000 ชีวิตในส่วนงานขายที่มีการเติบโตสูงสุด ฝ่ายการตลาด โรงงานผลิต ศูนย์บริการ และส่วนงานวิจัย สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.eaton.com

ร่วมชื่นชม เยาวชนไทย คว้ารางวัลการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก ABU ROBOCON 2015 ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย”

                ทีม V-BOT มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล จังหวัดนครราชสีมา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากการแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท. ชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2558 และเป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขัน ABU ROBOCON 2015 ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

                เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา ทีมนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล (ตัวแทนประเทศไทย) เดินทางร่วมการแข่งขันหุ่นยนต์ ABU ROBOCON 2015 ณ เมืองยอกยาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยคว้ารางวัล รองชนะเลิศอันดับ 2 และรางวัล ROHM AWARD ได้สำเร็จ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจ บนเวทีแห่งเทคโนโลยีระดับโลก และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย รวมถึงสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) เป็นอย่างมาก

D-Link เปิดตัวคลาวด์เราท์เตอร์ตัวแรกในรุ่น AC3200 มาพร้อมกับ อแดปเตอร์ AC1900 USB3.0 ยกระดับการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัดครอบคลุมทุกพื้นที่การใช้งานภายในบ้าน

                D-Link ผู้จำหน่ายรายใหญ่ที่สุดของโลกด้านผลิตภัณฑ์เครือข่ายสำหรับใช้งานภายในบ้าน ได้เปิดตัวเราท์เตอร์ประสิทธิภาพสูงตัวใหม่ล่าสุด–DIR-890L Wireless AC3200 Tri Band Gigabit Cloud Router ที่ทำความเร็วได้สูงถึง 3.2Gbps เราท์เตอร์ตัวใหม่นี้อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์อย่างเทคโนโลยี Advanced AC SmartBeamTM, SmartConnect, SharePortTM และ mydlinkTM ที่ใช้บริหารจัดการคลาวด์ เพื่อให้ระบบความบันเทิงภายในบ้านที่ใช้อินเทอร์เน็ตทำงานได้เร็วกว่าและดีกว่าเดิม รวมถึงผลิตภัณฑ์ อะแดปเตอร์ AC1900 USB3.0 ตัวแรกของ D-Link ช่วยยกระดับการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด

 

                คุณ Sam Wong ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ของ D-Link กล่าวว่า “DIR-890L Wireless AC3200 Tri Band Gigabit Cloud Router เป็นเราท์เตอร์ประสิทธิภาพสูงตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี SmartConnect ที่เร่งความเร็วการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่รองรับสัญญาณไร้สายแบบ AC นอกจากนี้ D-Link ยังภูมิใจนำเสนอเทคโนโลยีที่เพิ่มทรูพุตที่รวมกันได้มากถึง 3.2Gbps และการบุกเบิกเทคโนโลยีเครือข่ายใหม่ล่าสุดเพื่อยกระดับการใช้งานออนไลน์อีกด้วย”

 

                นอกจากนั้นแล้ว D-Link ยัง ได้เปิดตัวอแดปเตอร์ AC1900 USB3.0 ตัวแรกของ D-Link ในรุ่น D-Link DWA-192 Ultra Wireless AC1900 USB3.0 นี้รวมเอาเทคโนโลยีไร้สายมาตรฐาน AC ร่วมกับทรูพุตที่เร็วกว่าเข้ามาอยู่ภายในแพ๊กเกจ ทรงกลมที่ดูเรียบหรูขนาดเพียง 8x8cm เพื่อให้ความเร็วการส่งต่อข้อมูลที่เร็วและต่อเนื่องกว่าเดิมแก่อุปกรณ์อัจฉริยะของคุณ อุปกรณ์นี้เข้ากับการตกแต่งภายในบ้านได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งทำให้ความบันเทิงภายในบ้านและการเล่นเกมส์ออนไลน์เป็นไปอย่างสนุกและต่อเนื่องไม่ขาดช่วง ถือเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะในอุดมคติที่ควรใช้เคียงคู่กับเราท์เตอร์ที่ใช้อยู่ในบ้านปัจจุบัน

 

 

                “อแดปเตอร์ไร้สายในรุ่น AC1900 USB 3.0 ตัวแรก มาพร้อมกับเสาอากาศภายในแบบ 3x3 และเทคโนโลยี D-Link Advanced AC SmartBeamTM โดยอแดปเตอร์ตัวนี้ทำงานร่วมกับเราท์เตอร์ไร้สายที่เชื่อมต่อด้วยมาตรฐาน AC (SmartBeam) เพื่อยกระดับพื้นที่ครอบคลุมสัญญาณให้ไกลกว่าด้วยการยิงสัญญาณไร้สายระหว่างเราท์เตอร์และอแดปเตอร์โดยตรง ช่วยเพิ่มระยะและคุณภาพของการเชื่อมต่อไร้สาย พร้อมทั้งกำจัดจุดบอดสัญญาณด้วยพร้อมกัน” คุณ Sam Wong กล่าวและเสริมว่า

 

                “ด้วยเทคโนโลยีดูอัลแบนด์ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยแย่งแบนด์วิธซึ่งกันและกัน โดยผู้ที่ท่องเน็ตหรือช็อปปิ้งออนไลน์สามารถใช้ย่านความถี่ 2.4GHz ขณะที่การสตรีมความบันเทิงความละเอียดสูง หรือการโทรศัพท์แบบ Voice over IP (VoIP) สามารถหันไปเชื่อมต่อผ่านย่าน 5GHz ได้ ซึ่งย่านความถี่เหล่านี้สามารถทำความเร็วบน DWA-192 ได้สูงถึง 600Mbps และ 1300Mbps ตามลำดับ”

 

                และด้วยการทำงานบนมาตรฐาน 802.11ac ทำให้อแดปเตอร์นี้รองรับมาตรฐานเครือข่ายไร้สายที่เก่ากว่าทั้งหมด ได้แก่ 802.11g/b/n ได้ด้วย โดยทำงานร่วมกับเราท์เตอร์ไร้สายมาตรฐาน AC ที่รองรับเทคโนโลยี Advanced AC SmartBeam จะทำให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

 

จอห์นสัน คอนโทรลส์ จัดแสดงเครื่องลดอุณหภูมิอากาศก่อนเข้ากังหันก๊าซ เทคโนโลยีที่ได้รับรางวัลการันตีช่วยยกระดับประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า

                จอห์นสัน คอนโทรลส์ จัดแสดงเครื่องลดอุณหภูมิอากาศก่อนเข้ากังหันก๊าซ (Gas Turbine Inlet Air Cooling หรือ GTIAC) ที่งานเพาเวอร์ เจน เอเชีย (Power Gen Asia) ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทผู้ผลิตเครื่องทำความเย็นจะนำเสนอโซลูชั่นส์ GTIAC ที่สมบูรณ์แบบและประกอบเสร็จพร้อมใช้ซึ่งได้การยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นระบบที่สามารถเพิ่มการส่งออกพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนสูง

 

                หนึ่งในโซลูชั่นส์ GTIAC ของจอห์นสัน คอนโทรลส์ คือ เครื่อง YCP-2020 รุ่นใหม่ ซึ่งนับเป็นโซลูชั่น GTIAC ชนิดเครื่องกลที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์และพร้อมใช้งานรุ่นแรกในตลาด เครื่อง YCP-2020 เป็นระบบแบบรวมส่วนที่ให้ความคุ้มค่า มีขนาดกะทัดรัดและมีความยืดหยุ่นอันประกอบด้วยเครื่องทำความเย็นภายใต้แบรนด์ YORK® เครื่องสูบน้ำเย็นและเครื่องสูบน้ำความร้อน ตัวสตาร์ทไฟฟ้าและระบบควบคุม Metasys® เอกสิทธิ์เฉพาะ พร้อมกับมีการออกแบบให้ลดการบริโภคพลังงาน ด้วยขนาดมาตรฐาน 20 ฟุตเท่ากับตู้คอนเทนเนอร์ จึงใช้พื้นที่น้อย มีความยืดหยุ่นในการจัดวางตำแหน่งเครื่องและลดต้นทุนด้านการขนส่งได้อย่างมหาศาล

 

                เครื่อง YCP-2020 เกิดจากการวิจัยตลาดอย่างกว้างขวางร่วมกับบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้า บริษัทสาธารณูปโภคและผู้ผลิตกังหันก๊าซเพื่อรับมือกับความท้าทายที่โรงไฟฟ้าต้องเผชิญ เครื่อง YCP-2020 ได้รับยกย่องด้วยการคว้ารางวัล เทคโนโลยีนวัตกรรมพลังไฟฟ้าแห่งปี (Innovative Power Technology) ที่งานเอเชียน เพาเวอร์ อวอร์ดส์ ประจำปี 2558 (Asian Power Awards 2015)

 

                สตีเฟน กรีน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการขาย GTIAC ของจอห์นสัน คอนโทรลส์ ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่เครื่อง YCP-2020 รุ่นใหม่ของเราได้รับรางวัลยกย่อง เครื่อง YCP-2020 ได้ เป็นต้นแบบของการเปลี่ยนแปลงในด้านต้นทุนการใช้งานระบบ GTIAC และจะยกระดับความคุ้มค่าของการขยายกำลังการผลิตสำหรับเจ้าของโรงไฟฟ้าหลายแห่งได้อย่างมาก

 

                ปัจจุบัน จอห์นสัน คอนโทรลส์ เป็นผู้ผลิตเครื่องทำความเย็นเพียงรายเดียวที่นำเสนอความเชี่ยวชาญด้าน GTIAC และยังได้รวมเอาอุปกรณ์ที่มีอยู่เข้ากับโซลูชั่น GTIAC พร้อมการสนับสนุนจากการบริการรับผลิตสินค้าตามสั่ง (OEM) ของบริษัทในกว่าร้อยสาขาทั่วภูมิภาคเอเชียอีกด้วย

 

ฟูจิ ซีร็อกซ์ เปิดศูนย์ ICEC ในไทย รองรับลูกค้าอุตสาหกรรมการพิมพ์ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

                มร.มาซาชิ ฮอนดะ ประธาน บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด (คนกลาง), มร.ชูจิ อาโสะ รองประธาน ฝ่ายบริหารกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับธุรกิจบริการด้านการผลิต บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ จำกัด (ขวามือ) และ มร.โคจิ เทสึกะ ประธาน บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้ายมือ) เป็นประธานในการเปิดศูนย์ Integrated Customer Experience Center หรือศูนย์ ICEC ในพื้นที่กว่า 3,600 ตารางเมตร เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแบบครบวงจร หรือ One-stop Support และนำเสนอนวัตกรรมทางด้านการพิมพ์ สำหรับอุตสาหกรรมการพิมพ์ระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รองรับลูกค้าทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้สามารถเข้ามาสัมผัสการใช้งานเครื่องพิมพ์ที่ทันสมัยได้อย่างใกล้ชิด พร้อมอำนวยความสะดวกสำหรับการทดสอบแอพพลิเคชั่นของอุตสาหกรรมการพิมพ์ลงบนพื้นผิวที่หลากหลาย และพัฒนางานพิมพ์รูปแบบต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้อย่างครบวงจร ณ ศูนย์ Integrated Customer Experience Center อาคาร TIP5 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

 

 

เชอวาลรุกตลาดในประเทศ ส่ง Atlas Seismic Enclosure เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการการปกป้องและความมั่นคงระดับสูง แม้อยู่ภายใต้ในสภาวะแผ่นดินไหว

                บริษัท เชอวาล อิเล็คโทรนิค เอ็นโคลสเชอร์ จำกัด แตกไลน์ขยายฐานลูกค้าองค์กรในไทยที่มีความต้องการตู้ 19 นิ้วคุณภาพสูง ภายใต้ชื่อ Atlas Seismic Enclosure ที่สามารถช่วยปกป้องอุปกรณ์ไอทีให้พร้อมรับกับทุกแรงสั่นสะเทือน แม้อยู่ภายใต้สภาวะแผ่นดินไหว ด้วยการรับรองมาตรฐานระดับโลก Telcordia GR-63-Core Zone 4

 

                มร.สตีเฟ่น อิลเลนเบอร์เกอร์ Commercial Section Senior Manager กล่าวว่า “เชอวาลเป็นหนึ่งในบริษัทได้รับการยอมรับในระดับโลก ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการโซลูชั่นของระบบตู้ 19 นิ้วและโครงสร้างพื้นฐานภายในศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งการยอมรับนี้เป็นผลจากความสำเร็จของเรา ในการช่วยพัฒนาโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพและสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติชั้นนำระดับโลกมากมาย

 

                สำหรับ Atlas Seismic Enclosure ถือเป็นก้าวสำคัญที่เชอวาลได้แสดงศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงได้มีส่วนร่วมสร้างความสำเร็จให้กับลูกค้าของเรา โดยผลิตภัณฑ์นี้ถือกำเนิดขึ้นจากลูกค้ารายสำคัญของเราซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกของอเมริกามีความต้องการตู้ 19 นิ้วคุณภาพสูง ที่สามารถปกป้องอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ ภายในตู้ได้ แม้อยู่ภายใต้แรงสั่นสะเทือนในสภาวะแผ่นดินไหว หลังจากนั้นทั้ง 2 บริษัทจึงได้จับมือร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ Seismic Enclosure ขึ้น

 

                โดยทางเชอวาลได้ตัดสินใจนำโครงการการพัฒนาตู้ 19 นิ้วที่มีอยู่แล้วมาต่อยอด และได้เพิ่มทรัพยากรและงบประมาณเพื่อพัฒนาการออกแบบ และในที่สุดจึงได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ Seismic Enclosure ที่สามารถทนแรงสั่นสะเทือนได้ในสภาวะแผ่นดินไหวของเชอวาล ภายใต้ชื่อ “Atlas” ซึ่งเราได้นำผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไปทำการทดสอบและผ่านการรับรองตามมาตรฐาน Telcordia GR-63-Core Network Equipment Building System (NEBS) Zone 4 โดย “Metlabs” ซึ่งเป็นสถาบันทดสอบมาตรฐานชั้นนำระดับโลก

 

                นอกจากนี้ Atlas Seismic Enclosure ยังสามารถรองรับน้ำหนักอุปกรณ์ภายในได้สูงถึง 550 กิโลกรัม ซึ่งถือเป็น Seismic Enclosure ที่รองรับน้ำหนักได้สูงที่สุดในขณะนั้น รวมถึงมีคุณลักษณะโดดเด่น ด้วยโครงสร้างเหล็กหนาประกอบเข้าด้วยกันด้วยการเชื่อม ทุกรอยต่อเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด และประตูเป็นแบบ High Density ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหมุนเวียนระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม ภายใต้ราคาที่คุ้มค่าและเหมาะสม และด้วยความสำเร็จของโครงการนี้ เชอวาลจึงได้ต่อยอดออกแบบตู้แผ่นดินไหวอีก รวมทั้งหมด 5 รุ่น ซึ่งทุกรุ่นผ่านรับรองตามมาตรฐาน Telcordia GR-63-Core NEBS Zone 4 ซึ่งเชอวาลได้ผลิต ส่งออก และจัดจำหน่าย Atlas Seismic Enclosure ในทุกภูมิภาคของโลก เพื่อรองรับกับเหตุการณ์ไม่ไม่คาดฝันจากเหตุแผ่นดินไหวที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกมุมโลก

 

                นายมนตรี เตรียมเชิดติวงศ์ Sales and Marketing Manager, AEC region กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Atlas Seismic Enclosure ว่า “ผลิตภัณฑ์ประเภท Seismic Enclosure เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ แต่สำหรับในเมืองไทยยังถือเป็นผลิตภัณฑ์ตู้ 19 นิ้วประเภทใหม่ โดยเชอวาลถือได้ว่าเป็นผู้นำในการผลิตตู้ 19 นิ้ว นวัตกรรมสูงประเภทนี้ในตลาดประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการเพิ่มระดับการปกป้องอย่างสูงสุดให้กับอุปกรณ์ไอที เพราะ Atlas Seismic Enclosure ได้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ให้เหมาะสมกับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กรหรือหน่วยงาน ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดเหตุแผ่นดินไหว หน่วยงานทางทหารหรือทางราชการที่ต้องการความมั่นคง หรือแม้แต่ในพื้นที่ ที่มีระดับแรงสั่นสะเทือนสูงกว่าปกติ เช่น แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล, โรงงานอุตสาหกรรม, โรงไฟฟ้า และท่าอากาศยาน เป็นต้น

 

                สำหรับแนวทางการทำการตลาด Atlas Seismic Enclosure ในปีนี้ ยังถือเป็นช่วงของการสร้างการตระหนักรับรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติพิเศษของผลิตภัณฑ์ ที่สามารถทนรับแรงสั่นสะเทือนได้แม้อยู่ในสภาวะแผ่นดินไหว รวมถึงมีความแข็งแกร่งทนทานเหนือกว่าตู้ 19 นิ้วมาตรฐานทั่วไปในท้องตลาด ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสื่อนิตยสารต่าง ๆ ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงการเข้าร่วมงานสัมมนาหรืออีเวนต์ต่าง ๆ เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ Atlas Seismic Enclosure ให้กับลูกค้าองค์กร สำหรับในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายได้มีการจับมือกับทั้งพันธมิตรและผู้แทนจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญและสามารถเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายที่เราให้ความสนใจ โดยได้จัดการอบรมสัมมนาสร้างความรู้และความเข้าใจในจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ Atlas Seismic Enclosure ให้กับผู้แทนจำหน่ายกลุ่มนี้ เพื่อนำไปต่อยอดการขายโครงการกับลูกค้าองค์กรได้อย่างเหมาะสม

 

                ทั้งนี้ ทางเชอวาล คาดว่า Atlas Seismic Enclosure จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ที่คำนึงถึงความมั่นคงและความปลอดภัยของ server และ Networking เป็นอันดับแรก

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จับมืออินเทลและพันธมิตร เดินหน้าเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีไทยด้วยเทคโนโลยี

                สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทไอทีชั้นนำในประเทศไทย ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในโครงการ สร้างศักยภาพผู้ประกอบการไทยพร้อมเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน, OTOP) จัดฝึกอบรม E-Basics เพื่อพัฒนาความรู้แก่ผู้ประกอบการ ผ่านทางเครือข่าย ICT ชุมชน หวังผลักดันภาคธุรกิจเอสเอ็มอีและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเข้าสู่ระบบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กว่า 12,000 ราย พร้อมจัดโปรโมชั่นสินค้าและบริการด้านไอทีในราคาพิเศษ

 

                นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวเนื่องในโอกาสเป็นประธานเปิดงาน สร้างศักยภาพผู้ประกอบการไทยพร้อมเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรู้ถึงเจตนารมณ์อันดีในความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ เพื่อช่วยกันยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ให้สามารถขับเคลื่อนและแข็งแกร่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์ให้เกิดนวัตกรรมและองค์ความรู้ที่ทันสมัย และนำมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พร้อมสนับสนุนพันธกิจนี้ด้วยการเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) และส่งเสริมสนับสนุน (Promoter) ให้ภาคเอกชนนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันธุรกิจเอสเอ็มอีให้สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”

 

                นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงบทบาทของสภาอุตสาหกรรมฯ และแนวทางในการสนับสนุนภาคธุรกิจเอสเอ็มอีว่า “เพื่อเป็นการขานรับมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและการสร้างความแข็งแกร่งให้เอสเอ็มอี ขณะนี้สภาอุตสาหกรรมฯ ได้นำเสนอทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลถึงแนวทางจูงใจให้เอสเอ็มอีเข้ามาจดทะเบียนในระบบมากขึ้น เพื่อที่จะได้รับความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ทั้งการขยายตลาด การอบรมทักษะเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเอสเอ็มอี ขณะเดียวกันก็ยังคงดำเนินการตามแนวทางสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง โดยสภาอุตสาหกรรมฯ ได้จัดทำเว็บไซต์ www.FTIebusiness.com เพื่อเป็นแพลตฟอร์มสำหรับทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในระดับบีทูบี (B2B–Business-to-Business) โดยร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า เพื่อผลักดันให้เอสเอ็มอี เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน เข้ามาใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว เพื่อเป็นส่วนสนับสนุนแก่ Supply Chain ให้แก่ภาคอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ก็จะดูแลในส่วนของแพลตฟอร์มสำหรับการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในระดับบีทูซี (B2C–Business-to-Consumer) ในรูปแบบของเว็บไซต์ www.Thaiemarket.com” นายสุพันธุ์ กล่าวเสริม

 

                นายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “อินเทล มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีส่วนร่วมในโครงการนี้ ซึ่งมีความสอดคล้องกับนโยบายของอินเทลในการสนับสนุนและส่งเสริมความรู้ทางด้านไอทีสู่ภาคประชาชนและกลุ่มผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ในส่วนของอินเทลได้มีการพัฒนาหลักสูตรการจัดฝึกอบรม E-Basics มุ่งเน้นการให้ความรู้ทางด้านธุรกิจพร้อมกับสร้างทักษะทางด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นให้กับผู้ประกอบการ นอกจากนี้ผู้เข้ารับการอบรมจะได้เรียนรู้การใช้งานแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั้งบน www.FTIebusiness.com และ www.Thaiemarket.com โดยในช่วงเริ่มต้นโครงการ ตั้งเป้าหมายว่าจะเผยแพร่ความรู้ให้กับผู้ประกอบการได้ 12,000 ราย ภายในปี 2558

 

                โดยมีศูนย์วิจัยการจัดการความรู้การสื่อสารและการพัฒนา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เข้ามาช่วยเชื่อมโยงกับเอสเอ็มอีในระดับชุมชน และหวังว่าจะมีการขยายผลร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนในปีต่อ ๆ ไป  ขณะเดียวกันยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรผู้ผลิตอุปกรณ์นำเสนอดีไวซ์ที่มีคุณภาพเหมาะสมกับการใช้งานในราคาพิเศษ และจัดพื้นที่เฉพาะภายในร้านค้าปลีก เรียกว่า เอสเอ็มอี คอร์เนอร์ (SME Corner) สำหรับรองรับการเผยแพร่ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรฝึกอบรม นอกจากนี้ยังมีแผนการจัดทำข้อเสนอพิเศษอื่น ๆ สำหรับสินค้าและบริการด้านไอทีที่จะมีประโยชน์เพื่อจูงใจผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยจะทำการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ ถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในระบบทั้งหมด” นายสนธิญา กล่าวทิ้งท้าย

ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ ฉลองดำเนินธุรกิจ 20 ปี มอบ 'ทุนน้ำใจไทยเอเชียฯ' 87 ทุน สนับสนุนการศึกษาเยาวชนในท้องถิ่น

                บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์ไฮเนเก้นและไทเกอร์เบียร์ในประเทศไทย โดย มร.แลร์รี่ ลี เชียว ลิม กรรมการผู้จัดการ (แถวยืนที่ 5 จากซ้าย) มอบ ทุนน้ำใจไทยเอเชียฯ แก่นักเรียนและนักศึกษาในชุมชนท้องถิ่นรอบบริเวณโรงงาน จำนวน 87 ทุน ฉลองครบรอบ 20 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนที่มีผลการเรียนและความประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้มีโอกาสได้เรียนจนจบระดับอุดมศึกษา โดยจัดต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งการมอบทุนการศึกษาครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของการดำเนินงานด้านสังคมของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นในด้านการศึกษาและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน งานนี้มี นายไพรัตน์ จันทร์ผลหอม นายอำเภอไทยน้อย (ที่ 6 จากซ้าย) และตัวแทนองค์การบริหารส่วนตำบลไทรใหญ่ (ที่ 5-6 จากขวา) ร่วมเป็นสักขีพยานการมอบทุน ณ ห้องคอปเปอร์ บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด (โรงเบียร์) ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี

ไอเอสเอสพี จัดสัมมนา ติดอาวุธผู้ประกอบการ เพิ่มศักยภาพค้าปลีกยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยีคลาวด์

                บริษัท อินเตอร์เนต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ จำกัด หรือ ไอเอสเอสพี (ISSP) จัดงานสัมมนาในหัวข้อ เพิ่มศักยภาพค้าปลีกยุคใหม่ด้วย Cloud Technology by ISSP  โดยมีนายไตรรัตน์ ฉัตรแก้ว ประธานคณะอนุกรรมการมาตรฐานพัฒนา และวิจัยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ คณะธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (คนที่3 จากขวา) บรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ ทิศทางไอทีกับธุรกิจค้าปลีกยุค e-commerce, นางสาวกนกชนา เพ็ชรรัตน์ รองประธานฝ่ายพัฒนาช่องทางธุรกิจ บริษัท อินเตอร์เนต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ จำกัด หรือ ไอเอสเอสพี (คนที่2 จากขวา) บรรยายในหัวข้อ กรณีศึกษา SAP Business One บนเทคโนโลยี Cloud  และ นายชินวัฒน์ อุณหวัฒน์ Functional & Technical Manager บริษัท อินเตอร์เนต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ จำกัด (คนที่ 3 จากซ้าย) มาร่วมบรรยาย ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีคลาวด์ในการช่วยบริหารจัดการธุรกิจ ผลักดันให้ผู้ประกอบการค้าปรับตัว และเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำธุรกิจในปัจจุบัน ที่ต้องอาศัยความรวดเร็วของข้อมูลในการช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง นับเป็นการสร้างมาตรฐานในการทำธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เละให้สอดคล้องกับเทรนด์การทำธุรกิจในอนาคตอีกด้วย ณ ห้อง Victor Club อาคาร สาทรสแควร์

ไอที ซิตี้ จัดกิจกรรม IT CITY Street On Tour

                ไอที ซิตี้ จัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดด้วยการจัดกิจกรรม IT CITY Street On Tour เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า โดยกิจกรรม IT CITY Street On Tour จะออกเดินทางไปพบปะสร้างความบันเทิงให้กับลูกค้าของร้านไอที ซิตี้และไอที ซิตี้ โมบาย ตามสาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลทั้งหมด 25 สาขา โดยทีมงานจะนำเล่นเกมสนุก ๆ มาเล่น กับลูกค้าและจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษไปมอบให้กับลูกค้าในแต่ละสาขาและลูกค้าทั่วไปที่อยู่ในบริเวณพื้นที่โดยรอบในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เช่น เมื่อซื้อสินค้าครบ 5,000 บาทขึ้นไป ร่วมสนุกกับเกม “บอลวัดดวง” พร้อมรับของสมนาคุณมากมายจากสวนสนุก  ร้านอาหาร และโรงภาพยนตร์ ชื่อดัง อาทิ บัตรผ่านประตูพร้อมเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกดรีมเวิลด์, บัตรรับประทานโดนัทฟรีจากดังกิ้นโดนัท และบัตรชมภาพยนตร์จากเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ พร้อมของสมนาคุณจาก IT CITY อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีการแสดง Cover Dance จากทีม The Boy Angel ซึ่งมีดีกรีผ่านเวทีประกวด Cover Dance มาแล้วให้ลูกค้าไอที ซิตี้ ได้สนุกสนานกันอย่างใกล้ชิด สามารถสอบถามได้ที่ไอที ซิตี้ คอลล์ เซ็นเตอร์ 0-2656-5030 หรือคลิกเข้าไปที่ www.itcity.co.th หรือ www.facebook.com/itcitycare

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า เพิ่มศักยภาพของการผลิตไฟฟ้าเพื่อเสริมความมั่นคงและลดการปล่อยก๊าซ ด้วยการอัพเกรดโรงไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีของจีอี

                จีอี (NYSE:GE) ประกาศความร่วมมือกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นองค์กรด้านสาธารณูปโภคของรัฐและเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ในการอัพเกรดเครื่องกังหันก๊าซรุ่น 9F ของจีอีที่ติดตั้งอยู่ที่โรงไฟฟ้าสองแห่งของ กฟผ. การอัพเกรดครั้งนี้จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตให้กับโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่ง ช่วยให้โรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งมีศักยภาพในการใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลายคุณภาพ ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการปล่อยก๊าซได้อย่างมีนัยสำคัญเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศของกรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบ

 

                นายชรินทร์ กาญจนรัตน์ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “เราทำงานร่วมกับจีอี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเดินเครื่องและประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าของเราที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือและตอนใต้ของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ โดยสามารถใช้ก๊าซจากหลากหลายคุณภาพ (WOBBE INDEX) พร้อมกับการปรับปรุงคุณภาพอากาศและลดการใช้เชื้อเพลิง” นายชรินทร์กล่าวเสริมว่า “ประสิทธิภาพด้านพลังงานและการปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ ที่จะสนับสนุนนโยบายการเติบโตของประเทศไทย และเราได้นำมาตรการชี้วัดที่รัดกุมมาใช้ เพื่อลดและควบคุมผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่มีผลให้เห็นแล้ว คือปัจจุบันโรงไฟฟ้าของเราปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ในระดับ 9ppm ซึ่งช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดขึ้นให้กับผู้อยู่อาศัยในประเทศเรา”

 

                การอัพเกรดเครื่องกังหันก๊าซโดยการใช้อุปกรณ์การเผาไหม้แบบ Dry Low NOx 2.6+ (DLN 2.6+) และซอฟต์แวร์ OpFlex* AutoTune ของจีอีช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับเครื่องกังหันก๊าซที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในปัจจุบันให้สามารถเดินเครื่องได้อย่างมั่นคง โดยสามารถใช้ก๊าซจากหลากหลายคุณภาพไม่ว่าจะเป็นก๊าซจากภาคตะวันตกและภาคตะวันออกของประเทศไทย ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ช่วยให้โรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งของ กฟผ. มีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น และเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ เพราะสามารถใช้ก๊าซจากแหล่งใดก็ได้ รวมถึงการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่นำเข้ามา

 

                สำหรับโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 ของ กฟผ. นั้น จะมีการติดตั้งใช้งาน Advanced Gas Path (AGP) ของจีอีในปี 2559 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโรงไฟฟ้า เทคโนโลยี AGP จะช่วยให้ กฟผ. เพิ่มกำลังการผลิต ลดค่าใช้จ่ายในการใช้เชื้อเพลิง เพิ่มศักยภาพการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าโดยมีการปรับปรุง Turndown Rate และเพิ่มความพร้อมใช้งานให้กับเครื่องกังหันผลิตไฟฟ้าให้มีระยะเวลาการเดินเครื่องยาวที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งนี้หากมองในภาพรวมมาตรการชี้วัดเหล่านี้ช่วยเพิ่มทั้งความมั่นคงในการจ่ายกระแสไฟฟ้าและช่วยลดค่าไฟฟ้าลงอีกด้วย

 

                นายราเมช ซิงการาม ประธานประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก หน่วยธุรกิจการผลิตกระแสไฟฟ้า จีอี เพาเวอร์แอนด์วอเตอร์ กล่าวว่า "หลังจากที่ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมงานของ กฟผ. ในการเพิ่มความคุ้มค่าจากการลงทุน และการคัดเลือกวิธีการที่เหมาะสม จีอีมีความยินดีที่ได้อัพเกรดเครื่องกังหันก๊าซของ กฟผ. ด้วยโซลูชั่นที่ใช้ทั้งปฏิมากรรมทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รวมถึงการใช้การประมวลข้อมูล ซึ่งทั้งสามเทคโนโลยีนี้จะมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของโรงไฟฟ้าของ กฟผ. มีมาตรฐานระดับโลกทั้งในเรื่องของศักยภาพการเดินเครื่องเพื่อความมั่นคง การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการเดินเครื่องที่คุ้มค่า" พร้อมกล่าวเสริมว่า "การทำงานที่ผสานรวมเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ โรงไฟฟ้าของ กฟผ. มีศักยภาพมากขึ้นและเพิ่มความสามารถในการตอบสนองต่อสถานการณ์การจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ยังคงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้กับคนไทยได้อย่างต่อเนื่อง โครงการนี้ย้ำให้เห็นถึงประโยชน์ด้านสาธารณูปโภค และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทั่วโลกก็จำเป็นต้องปฏิรูปเครื่องผลิตไฟฟ้าของตนเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับโรงไฟฟ้า และเพื่อผลตอบแทนทางธุรกิจ"

 

                การติดตั้งและอัพเกรดโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาที่จะใช้งานเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การอัพเกรดในครั้งนี้ส่งผลให้ กฟผ. สามารถปรับปรุงคุณภาพอากาศของกรุงเทพฯ ด้วยการลดการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ลงจากระดับ 35ppm เป็น 9ppm

 

                ระบบการเผาไหม้แบบ AGP, DLN 2.6+ และโซลูชั่น AutoTune อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Power FlexEfficiency* ของจีอี ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์และโซลูชั่นที่ผสานรวมซอฟต์แวร์เพื่อให้ผู้ผลิตไฟฟ้าที่ติดตั้งเครื่องกังหันก๊าซรุ่น F-class ของจีอีให้สามารถใช้เครื่องกังหันก๊าซเหล่านั้นให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าและประโยชน์ในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลาย รวมถึงระบบเผาไหม้แบบ DLN2.6+ ของจีอีช่วยลดการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ให้อยู่ในระดับที่ดีกว่าที่ได้รับอนุญาตและตอบสนองต่อการกำกับดูแลและกฎระเบียบทางสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด

 

                ชุดโซลูชั่นซอฟต์แวร์ OpFlex* AutoTune เป็นโซลูชั่นในกลุ่ม Industrial Internet ของจีอี มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มอายุการใช้งานให้กับเครื่องกังหันก๊าซที่ติดตั้งใช้งานอยู่แล้วและโรงไฟฟ้าโดยไม่ต้องหยุดการซ่อมบำรุงบ่อย ๆ ช่วยให้ผู้ผลิตไฟฟ้าลดค่าใช้จ่ายและคงไว้ซึ่งการปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎระเบียบต่าง ๆ

 

*Trademark of General Electric Company

ไทคอนคว้า LEED Certified โรงงานสีเขียวแห่งแรกในไทย

                ไทคอนคว้ามาตรฐานอาคารสีเขียว LEED Certified ประเดิมเป็นโรงงานให้เช่าสีเขียวเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานกว่า 3 แสนบาทต่อปี รวมถึงประหยัดการใช้น้ำ กว่า 750 ลูกบาศก์เมตร ต่อปี ช่วยเสริมคุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานในโรงงานเพิ่มขึ้น เดินหน้าพัฒนาคลังสินค้าสีเขียวในกลุ่มไทคอนต่อเนื่อง มั่นใจได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

 

                นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้เพื่อให้เช่ารายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ไทคอนได้รับการรับรองคุณภาพอาคารโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน LEED หรือ Leadership in Energy and Environmental Design ของ U.S. Green Building Council (USGBC) ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นผู้นำในการกำหนดมาตรฐานอาคารสีเขียวในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทไทคอน นับเป็น ผู้พัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ารายแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรอง LEED Certification นี้

 

                “ไทคอน มีแนวคิดในการพัฒนาอาคารสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ปี 2557 ตามนโยบายหลักของ องค์กรในการให้ ความสำคัญกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างสังคมที่ดีให้ กับชุมชนโดยรอบโครงการ โดยหนึ่งในเป้าหมาย สำคัญของกลุ่มไทคอน คือ การผลักดันให้โรงงานและคลังสินค้า ที่พัฒนาโดยกลุ่มไทคอนเป็นอาคารที่สามารถอนุรักษ์พลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อมได้ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ กระบวนการก่อสร้าง จนถึงการใช้อาคารในการ ปฏิบัติงานจริง ซึ่งเรามองว่า LEED Certification สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ เนื่องจาก LEED เป็นระบบการประเมินผลที่เป็นที่ยอมรับในด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม จากองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก ไทคอนจึงตัดสินใจเข้าร่วมในการพัฒนาโครงการโรงงานสีเขียว ภายใต้มาตรฐาน LEED ดังกล่าว” นายวีรพันธ์ กล่าว

 

                สำหรับโครงการนำร่องของกลุ่มไทคอน ได้เริ่มต้นจากการพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปแห่งใหม่ ขนาดพื้นที่ 3,300 ตารางเมตร ในนิคมอุตสาหกรรมเอเชียสุวรรณภูมิเป็นอาคารต้นแบบ โดยใช้ระบบการประเมินคุณภาพอาคาร แบบ LEED Core & Shell Rating System (LEED CS) ซึ่งเหมาะสำหรับการประเมินอาคารที่สร้างมาเพื่อให้เช่าโดยเฉพาะ  โดยใช้งบประมาณในการดำเนินงานทั้งสิ้น 40 ล้านบาท ทั้งนี้ ภายหลังการประเมินโรงงานตาม มาตรฐาน LEED CS พบว่า โรงงานต้นแบบแห่งนี้ สามารถใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ดีขึ้น 32% ตามมาตรฐาน ASHRAE (มาตรฐานการใช้พลังงานในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นที่ยอมรับ ในระดับโลก) และสามารถลดค่าใช้จ่าย ในการใช้พลังงานได้ประมาณ 10,000 เหรียญสหรัฐต่อปี หรือประมาณ 356,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ ยังสามารถลดการใช้น้ำในอาคาร ได้มากถึง 42% เมื่อเทียบกับโรงงานทั่วไป ซึ่งจะช่วยประหยัดการใช้น้ำได้มากถึงประมาณ 750 ลูกบาศก์เมตร ต่อปี ตลอดจนคุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร ได้ถูกออกแบบให้มีระบบหมุนเวียนอากาศตามมาตรฐาน ASHRAE ซึ่งจะช่วยให้อาคาร สามารถประหยัดพลังงานได้อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิต และสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน ในอาคารให้ดีขึ้นอีกด้วย

 

                “นอกเหนือจากโรงงานต้นแบบแห่งนี้แล้ว กลุ่มไทคอนยังอยู่ระหว่างการพัฒนาคลังสินค้าสีเขียวแห่งใหม่ ตามมาตรฐาน LEED ด้วยที่ โครงการทีพาร์ค วังน้อย 2 ขนาดพื้นที่ 25,380 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะสามารถ ได้รับการรับรองคุณภาพ LEED อย่าง เป็นทางการในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งประโยชน์ที่ได้ คือการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า และมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการใช้น้ำและพลังงานที่ลดน้อยลง กว่าโรงงานและคลังสินค้าทั่วไป อีกทั้งรูปแบบอาคารจะช่วยทำให้ผู้ปฏิบัติงาน ภายในอาคารมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีความพึงพอใจในการ ปฏิบัติงานมากขึ้น จึงมั่นใจได้ว่า โรงงานและคลังสินค้าตามมาตรฐาน LEED นี้ จะได้รับการ ตอบรับอย่างดีจากลูกค้าซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำ ที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย” นายวีรพันธ์ กล่าวสรุป  

  

  • เกี่ยวกับ LEED

 

                มาตรฐาน LEED หรือ Leadership in Energy and Environmental Design ได้ถูกริเริ่มขึ้นโดย USGBC (U.S. Green Building Council) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมาตรฐาน LEED เป็นระบบการประเมินผลอาคารสีเขียวที่ได้รับการยอมรับ ทั่วโลก โดยในปี 2558 ได้มีอาคารกว่า 100,000 โครงการทั่วโลกได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน LEED ซึ่งการจัดอันดับมาตรฐานนี้จะครอบคลุมทุกปัจจัย ที่เกี่ยวข้องกับอาคารสีเขียว รวมไปถึงการใช้อาคารอย่างยั่งยืน การใช้น้ำและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ บรรยากาศโดยรอบโครงการ และคุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร นวัตกรรมในการออกแบบโดยคำนึงถึงภูมิสภาพของท้องถิ่น เป็นต้น

แม็ค บรูคส์ เอ็กซิบิชั่นส์ เอเซีย ผนึกพันธมิตร ประกาศจัดงาน CCE South East Asia - Thailand 2016 ครั้งแรกในประเทศไทย หนุนไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ผลิตกระดาษลูกฟูกในอาเซียน

               มร.ไมเคิล วิลตัน ผู้อำนวยการโครงการงานแสดงสินค้านานาชาติ บริษัท แม็ค บรูคส์ เอ็กซิบิชั่นส์  เอเซีย จำกัด (ที่ 2 จากขวา) พร้อมด้วย นายระวิ เกษมศานติ์ นายกสมาคมบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกไทย (ที่ 1 จากซ้าย) นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ สมาคมบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกไทย (ที่ 1 จากขวา) และ นางจารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมแถลงข่าวประกาศการจัดงาน CCE South East Asia–Thailand 2016”  ซึ่งเป็นการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ และเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมกระดาษและบรรจุภัณฑ์ลูกฟูก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นสายของการผลิตถึงปลายทางของการขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์ลูกฟูก เพื่อเปิดโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการ และตัวแทนจำหน่ายของสายการผลิตได้มีโอกาสเจรจาการค้าและการต่อยอดทางธุรกิจร่วมกัน โดยงานมีกำหนดจัดขึ้นใน วันที่ 21-23 กันยายน 2559 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ผู้ประกอบการที่สนใจร่วมออกงานสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.cce-southeastasia.com

สวทช. หนุนชมรม อาร์ เอฟ ไอ ดี ไทยแลนด์ จัดงาน RFID & IOT 2015 งานแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยี RFID ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

                สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สนับสนุนและช่วยเหลือชมรม อาร์ เอฟ ไอ ดี ไทยแลนด์ จัดงาน “RFID & IOT 2015” งานแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยี RFID ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยงานนี้ชมรม อาร์ เอฟ ไอ ดี ไทยแลนด์ จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งปีนี้ชมรมฯ ได้ผนึกกำลังร่วมกับกลุ่ม IOT Thailand Consortium จัดงานเสวนาบรรยายเทคโนโลยี RFID และ IOT ล่าสุด และทิศทางตลาดในไทยและต่างประเทศ พร้อมจัดแสดงโซลูชั่นความก้าวหน้าของ RFID และเทคโนโลยี IOT ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ กว่า 30 บริษัท หวังให้เป็นเทคโนโลยีที่ให้ประโยชน์กับผู้ประกอบการและประชาชนโดยทั่วไปนำไปปรับใช้ในธุรกิจและชีวิตประจำวัน

 

                ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า “สวทช. ได้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือชมรม อาร์ เอฟ ไอ ดี ไทยแลนด์ ผ่านทางโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP: ไอแทป) มากว่า 5 ปี โดยได้มีการทำวิจัยร่วมกับผู้ประกอบการในชมรม อาร์ เอฟ ไอ ดี ไทยแลนด์เพื่อนำเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ อยู่หลายโครงการ รวมทั้งสนับสนุนการจัดงาน RFID & IOT 2015 ขึ้นในปีนี้ โดยงาน RFID & IOT 2015 เป็นงานแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยี RFID ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จัดต่อเนื่องปีนี้เป็นครั้งที่ 4 โดยชมรม อาร์ เอฟ ไอ ดี ไทยแลนด์ ร่วมกับกลุ่ม IOT Thailand Consortium จัดขึ้น เพื่อเป็นงานแสดงโซลูชั่นทางด้าน RFID และ IOT กว่า 30 บูธ ประกอบด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านเทคโนโลยี IOT (Internet of Things) รวมถึงการแสดงผลงานการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี RFID ประเภทต่าง ๆ ในภาคการผลิตและบริการ และการนำไปต่อยอดร่วมใช้งานร่วมกับโซลูชั่นต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ล็อกเกอร์ ระบบควบคุมการเข้าออก ระบบบริหารลานจอด ระบบงานลงทะเบียน งานสัมมนา ระบบบันทึกข้อมูลสภาพแวดล้อมภาคสนาม เป็นต้น”

 

                “การก่อตั้งชมรม อาร์ เอฟ ไอ ดี ไทยแลนด์ โดยการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการอาร์เอฟไอดีที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์นั้นเป็นแนวคิดเริ่มต้นระหว่าง iTAP กับผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมให้เทคโนโลยีนี้สามารถสร้างเสริมประโยชน์ให้กับสังคมไทย โดย iTAP ได้ให้ทุนสนับสนุนงานวิจัย จัดหานักวิจัย รวมถึงให้การสนับสนุนด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา โดย iTAP ได้เห็นการเจริญเติบโตของชมรม อาร์ เอฟ ไอ ดี ไทยแลนด์ ด้วยความชื่นชมการจัดงานแสดงความก้าวหน้าและโซลูชั่นของ RFID โดยชมรมฯ เป็นผู้จัดงานเอง ในแต่ละปีได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปมากกว่า 300 คนในแต่ละปี ตลอดสามปีที่ผ่านมาและรวมถึงในครั้งนี้ซึ่งเป็นการจัดงานปีที่สี่ก็ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและประชาชนโดยทั่วไปจำนวนมาก จึงทำให้ สวทช. iTAP เชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีจะเป็นเทคโนโลยีที่ให้ประโยชน์กับผู้ประกอบการและประชาชนโดยทั่วไป หากได้มีการนำไปปรับใช้ในธุรกิจและชีวิตประจำวันต่อไป”

แอลจี รับมอบโล่จากกระทรวงพลังงาน ในงาน “5 SAVING FORWARD ร่วมมือ ใส่ใจ ประหยัดไฟฟ้าเพื่ออนาคต”

                บริษัท แอลจี อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย คุณนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด รับมอบโล่จาก ดร.คุรุจิต นาครทรรพ ปลัดกระทรวงพลังงาน เนื่องในโอกาสที่โทรทัศน์แอลจี ผ่านมาตรฐานประสิทธิภาพสูงเบอร์ 5 โครงการฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ในงาน 5 SAVING FORWARD ร่วมมือ ใส่ใจ ประหยัดไฟฟ้าเพื่ออนาคต จัดโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

 

                “แอลจีมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับโล่เกียรติบัตรการผ่านมาตรฐานประสิทธิภาพสูงเบอร์ 5 จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในหมวดเครื่องรับโทรทัศน์ แอลจีมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานแก่ผู้บริโภคอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้แนวคิด Innovation for a Better Life หรือนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ด้วยการส่งมอบประสบการณ์การรับชมโทรทัศน์ ที่นอกเหนือจากคุณภาพของภาพที่สมจริงราวกับมีชีวิต การออกแบบที่สวยงามและฟีเจอร์การใช้งานสุดอัจฉริยะที่เป็นมิตรกับผู้ใช้แล้ว แอลจียังให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงาน ซึ่งการได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 นั้นเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพได้เป็นอย่างดี” คุณนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี กล่าว

 

                 แอลจีได้ร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ร่วมโครงการฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่ผลักดันให้มีการพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ ให้เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง โดยโทรทัศน์ของแอลจีได้รับการทดสอบประสิทธิภาพเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา จนผ่านมาตรฐานประสิทธิภาพสูงเบอร์ 5 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ของแอลจีว่าสามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคและนอกจากนี้ ยังสามารถช่วยให้ประเทศไทยประหยัดพลังงานอีกด้วย

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุด ในดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฝรั่งเศส

                ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการยอมรับให้เป็นองค์กรที่ได้รับความสำเร็จจาก Enjeux Les Echos and Institut RSE (CSR Institute) ซึ่งเป็นสถาบันด้าน CSR ระดับโลก ในฐานะที่เป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุด แห่ง CAC40 หรือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของฝรั่งเศส เป็นปีที่ 2 ซึ่งนับเป็นความโดดเด่นที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค สามารถผสานรวมความยั่งยืนเข้ากับศักยภาพองค์กรโดยรวม พร้อมการตัดสินใจและการดำเนินงานด้านกระบวนการต่าง ๆ มาเป็นระยะเวลานาน “การมีส่วนร่วมในการพัฒนาสู่ความยั่งยืนเป็นเรื่องดีสำหรับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ลูกค้าของเรา บริษัทของเรา ชุมชนที่เราได้มีส่วนร่วมดำเนินการ ผู้ถือหุ้น และโลกที่เราอาศัยร่วมกัน” มร.ฌอง ปาสคาล ตริคัวร์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว

 

                จากการประเมิน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 840/1000 โดยโปรแกรมต่าง ๆ ที่บริษัทจัดทำล้วนเกี่ยวข้องกับจริยธรรม, สิทธิมนุษยชน, คุณธรรมในการบริหารธุรกิจ, การประหยัดพลังงาน และสัมพันธภาพร่วมกับซัพพลายเออร์ที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งได้รับการยอมรับในแง่ของนวัตกรรม ความโปร่งใสของเรายังได้รับการจัดอันดับในสถาบันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น DJSI, CDP, Ecovadis Oekom, Vigeo ทั้งนี้ วิธีการจะอิงฐานบน 3 แกนหลัก คือ ความพร้อมเพรียง 630 คะแนน ความมีประสิทธิภาพ 300 คะแนน และวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด 70 คะแนน

 

                ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และได้มีส่วนร่วมในการประชุมนานาชาติ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ COP 21 ที่จะจัดขึ้นในกรุงปารีส เดือนธันวาคม ซึ่งซีอีโอของเรา คือ ฌอง ปาสคาล ตริคัวร์ เป็นประธานของ Global Compact France และเป็นประธานร่วมของงาน Business & Climate Summit ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ณ กรุงปารีสที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,500 คน

 

                นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้รับการจัดอันดับที่ 3 ในบรรดาบริษัทสีเขียวที่สุดในอุตสาหกรรม และอันดับที่ 25 จากทั่วโลก จากการจัดอันดับของ Newsweek Green Ranking 2015 ที่ร่วมกับ Corporate Knights บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนและการวิจัยสัญชาติแคนาดา ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา Corporate Knights ยังได้จัดให้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค อยู่ในทำเนียบ 100 องค์กรที่ยั่งยืนที่สุดในโลก

แลงเซสขึ้นแท่นติดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ 5 ปีซ้อน

                เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่แลงเซส (LANXESS) บริษัทเคมีภัณฑ์เฉพาะทางชั้นนำจากเยอรมนี ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในดัชนีแห่งความยั่งยืนของดาวโจนส์ในระดับโลก หรือ Dow Jones Sustainability Index (DJSI) World ต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน โดยการประเมินดัชนีความยั่งยืนจัดทำขึ้นปีละครั้ง โดยพิจารณาจากปัจจัยที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมด้านการเงินของบริษัท ความรับผิดชอบต่อสังคม และด้านการกำกับดูแลกิจการ

 

                ดัชนีแห่งความยั่งยืนของดาวโจนส์ได้รับการตัดสินตามหลักเกณฑ์ Best-in-Class หรือ บริษัทที่มีศักยภาพมากที่สุดทั้งในด้านขนาดและผลการประเมินความยั่งยืนเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น ซึ่ง DJSI จะคัดเลือกเพียงจำนวนร้อยละ 10 ของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในปีนี้แลงเซสได้รับการยกย่องในความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนด้านสุขภาพและความปลอดภัยของแรงงานจรรยาบรรณทางวิชาชีพและการปฏิบัติตาม การจัดการภายใต้ภาวะวิกฤติ การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ บรรษัทภิบาล และ การจัดการนวัตกรรม

 

                ดัชนีแห่งความยั่งยืนของดาวโจนส์จัดทำขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง เอสแอนด์พี ดาวโจนส์ (S&P Dow Jones Indices) หนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านการจัดทำดัชนีชี้วัดทางตลาด การเงิน และโรเบคโคแซม (RobecoSAM) บริษัทจัดการกองทุน ที่เน้นความเชี่ยวชาญทางด้านการลงทุนเพื่อความยั่งยืน โดยในปีนี้มีบริษัทชั้นนำระดับโลกกว่า 3,400 บริษัททั้งจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Markets) ได้รับเชิญเพื่อเข้าร่วมการประเมิน

ไดสัน (Dyson) ผู้นำเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าของโลก เปิดตัวเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ไดสัน ฟลัฟฟี่ ( Dyson Fluffy)

                เปิดตัวไปแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับ ไดสัน ฟลัฟฟี่ (Dyson Fluffy) เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย  เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก ไดสัน (Dyson) ผู้นำเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าของโลก โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก มร.แอนเดรียอาโน่ นีโร นักวิศวกรออกแบบจากไดสันมาแนะนำผลิตภัณฑ์แก่สื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติ ณ ห้างสรรพสินค้า Central Embassy

 

                จุดเด่นของ ไดสัน ฟลัฟฟี่ นอกจากจะใช้งานง่ายเนื่องจากไม่มีสายไฟพะรุงพะรังแล้ว ยังสามารถกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกได้ถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่หรือเล็ก รวมถึงฝุ่นผงอันตรายที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และไรฝุ่น ไดสัน ฟลัฟฟี่ก็สามารถจัดการได้ ด้วยเทคโนโลยีหัวแปรงทำความสะอาดสิทธิบัตรเฉพาะไดสัน มีหัวแปรงดักจับฝุ่น เป็นลูกกลิ้งขนาดใหญ่ ห่อหุ้มด้วยแถบไนลอนสลับกับเส้นใยไฟเบอร์ ให้สัมผัสใหม่ของหัวแปรงดักจับฝุ่นที่อ่อนนุ่มแต่ทรงประสิทธิภาพ  ส่วนของแถบไนลอนจะดักจับและดูดสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ และเส้นใยไฟเบอร์จะช่วยขจัดฝุ่นผงและสิ่งสกปรกชิ้นเล็ก นับเป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงและทำให้เครื่องดูดฝุ่นไดสันสามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรก รวมถึงทำให้อากาศที่คุณหายใจสะอาดมีคุณภาพอย่างแท้จริง แตกต่างจากเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปที่ทำความสะอาดได้เพียงบางส่วน

 

                อีกทั้งยังไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิวที่เราทำความสะอาดอีกด้วย และยังคงไว้ซึ่งเทคโนโลยีสำคัญอันเป็นหัวใจหลักของไดสัน ฟลัฟฟี่ นั่นก็คือ ไดสัน ดิจิตอล มอเตอร์ V6 มอเตอร์ที่มีความเร็วในการหมุนสูงสุดถึง 110,000 ครั้งต่อนาที เร็วกว่ามอเตอร์ของเครื่องยนต์ Formula 1ถึง 5 เท่า

 

                ในงานนี้สื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติได้ร่วมทดสอบการใช้งาน ไดสัน ฟลัฟฟี่ อย่างใกล้ชิด รวมถึงพบกับเทคโนโลยีต่าง ๆ จากไดสัน และ Microbiology (การวิจัยฝุ่น) อีกด้วย ไดสัน ฟลัฟฟี่ วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ หรือสามารถทดสอบไดสัน ฟลัฟฟี่ได้ ในงาน Dyson Fluffy Road Show ตั้งแต่วันที่ 1630 กันยายนนี้ ที่ Central Embassy

เปิดโครงการ “50th NIDA MBA BIKE & RUN”

                ผศ.ดร.วิพุธ อ่องสกุล (กลาง) คณบดีคณะบริหารธุรกิจ, นางบุษบา พิบูลชล (คนที่สามนับจากขวา) นายกสมาคมศิษย์เก่าคณะบริหารธุรกิจ และ นายอำนวย กาญจโนภาศ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา สมาคมศิษย์เก่าคณะบริหารธุรกิจ (คนที่สามนับจากซ้าย) แห่งสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ร่วมแถลงข่าวเปิดโครงการ “50th NIDA MBA BIKE & RUN” ฉลองครบรอบ 50 ปี NIDA ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2558 ณ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

ซีเกทและสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ประสบความสำเร็จอีกขั้นในการพัฒนา หุ่นยนต์ AIV ตอบโจทย์การใช้งานในคลีนรูมของสายการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์

                บริษัทซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการข้อมูล (College of Data Storage Innovation: DSTAR) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ประสบความสำเร็จอีกขั้นในการจัดทำโครงการสร้างหุ่นยนต์เคลื่อนที่แบบชาญฉลาดอัตโนมัติ (Automatic Intelligent Vehicle: AIV) ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ช่วยเคลื่อนวัสดุบนสายการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ในห้องคลีนรูม (Cleanroom) มีการควบคุมปริมาณอนุภาค ฝุ่นละอองและสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้คนขับ

 

                โครงการพัฒนา AIV Robots เป็นอีกหนึ่งงานวิจัยที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตในอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ที่บริษัทซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนทุนวิจัยแก่ทีมนักวิจัยซึ่งประกอบด้วยอาจารย์และนักศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการข้อมูลหรือ DSTAR ของ สจล. เพื่อผลิตรถ AIV Robots ขึ้นเป็นพิเศษ โดยหุ่นยนต์ต้นแบบนี้มีการใช้ระบบผสมผสานตัวตรวจจับแบบอาร์เอฟไอดีและตัวตรวจจับทั่วไปได้แก่ เครื่องวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์ (Laser Range Finder), อัลตร้าโซนิค (Ultra Sonic), IR, ไจโร (Gyro) และเข็มทิศ (Compass) เพื่อให้เกิดการบอกตำแหน่งที่รวดเร็วและแม่นยำ การควบคุมจะเป็นระบบกระจายศูนย์ (Decentralized System) ซึ่งจะทำงานได้รวดเร็วและมีระบบรวมศูนย์ (Centralized System) ซึ่งใช้วางแผนการทำงานทั้งหมดของหุ่นยนต์

 

                นางสาวศิริรัตน์ เอี่ยวผดุง รองประธานฝ่ายปฏิบัติการโรงงานเทพารักษ์ บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความสำเร็จของโครงการพัฒนา AIV Robots นี้คือการนำความโดดเด่นของทั้งซีเกทและ สจล. มาผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งความโดดเด่นของ สจล. ก็คือความพร้อมด้านบุคลากรทางด้านการวิจัยและองค์ความรู้ในระดับชั้นนำของประเทศ ผสานกับความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่หยุดยั้งของซีเกท ประเทศไทย เพราะเราเองก็ได้มีการสนับสนุนงบประมาณในการวิจัยแก่สถาบันการศึกษาชั้นนำภายในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง  เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาของไทยต่อไปในอนาคต”

 

                รองศาตราจารย์ ดร.สมยศ เกียรติวนิชวิไล หัวหน้าโครงการวิจัยพัฒนาระบบ AIV จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. และ นายสัญชัย ทองจันทรา ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม บริษัทซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งร่วมกันวิจัยและพัฒนาโครงการนี้ให้ข้อมูลว่า “ทั้งสจล. และซีเกท ได้ร่วมมือกันดำเนินงานวิจัยอย่างบูรณาการจนได้ผลงานต้นแบบระดับภาคสนาม ที่ได้มาตรฐานทางวิศวกรรมและสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัย SOP39 (Seagate’s Standard Operating Procedures 39) ในเบื้องต้น โครงสร้างของต้นแบบหุ่นยนต์ซึ่งทำจากโลหะและสแตนเลสนั้นสอดคล้องกับความต้องการในการใช้งานของห้องคลีนรูม Class 100 ซึ่งเป็นห้องที่มีอนุภาคขนาด 0.5 ไมครอนหรือใหญ่กว่าไม่เกิน 100 อนุภาคต่ออากาศหนึ่งลูกบาศก์ฟุต นอกจากนี้ ชุดขับเคลื่อนและความแม่นยำในการเคลื่อนที่ได้ถูกออกแบบให้รองรับงาน ขนถ่ายอุปกรณ์และวัสดุของบริษัทฯ ซึ่งมีฟังก์ชั่นการทำงานที่ครบถ้วน”

 

                “จากผลงานวิจัยต้นแบบเบื้องต้นนี้ทำให้ทางซีเกทสามารถวางแผนกระบวนการผลิต ซึ่งหุ่นยนต์ AIV นี้จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิผลทางการผลิตให้กับเราได้ โดยจะร่วมกับ สจล. ดำเนินงานวิจัยต้นแบบในระดับอุตสาหกรรมในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ ซีเกทยังได้วางแผนงานวิจัยร่วมกับทาง สจล. อีกหลายโครงการ อาทิเช่น ระบบอัดประจุไฟฟ้าไร้สาย เพื่อให้หุ่นยนต์ใช้การอัดประจุขณะทำงานซึ่งช่วยลดปัญหาเรื่องโลจิสติกส์ (Logistics) และโครงการหุ่นยนต์ทำงานร่วมกัน (Cooperative AIVs) เป็นต้น จากผลงานของโครงการที่ต้นแบบอัตโนมัติทำงานที่ตรงตามเป้าหมายจึงคาดว่าจะสามารถทดสอบระบบได้เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม ศกนี้” รองศาตราจารย์ ดร.สมยศ และนายสัญชัยกล่าวเสริม

ลูซี่ อิเล็คทริค ร่วมจัดงานแสดงสินค้าครั้งใหญ่แห่งปี TEMCA FORUM & EXHIBITION 2015 PATTAYA (TEMCA)

                ชาร์ลส์ ริชาร์ด ดิกค์ ประธานกรรมการบริษัท ลูซี่ อิเล็คทริค จำกัด (จากภาพขวาคนที่ 3) และ คาร์ล นิโคลัส เซลลิค กรรมการผู้จัดการ ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค บริษัท ลูซี่ อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (จากภาพซ้ายคนที่ 3) บริษัทผู้ผลิต และจัดจำหน่ายสวิตซ์เกียร์แรงดันไฟฟ้าปานกลางประสิทธิภาพสูงที่ใช้สำหรับระบบสาธารณูปโภค อุตสาหกรรมและธุรกิจพาณิชย์ชั้นนำของโลก สัญชาติอังกฤษ เข้าร่วมจัดงานแสดงสินค้าครั้งใหญ่แห่งปี “TEMCA FORUM & EXHIBITION 2015 PATTAYA” (TEMCA) งานแสดงสินค้าประจำปี เป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของผู้ประกอบการ ทั้งบริษัทผู้นำเข้า และผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศ   ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้  จอมเทียน พัทยา

 

                ในงานบริษัทลูซี่ อิเล็คทริค ได้นำริงเมนยูนิตรุ่นใหม่ล่าสุดคือ Aegis Plus ซึ่งได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับระบบการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าในอนาคต ที่จะมีการรวมเอาระบบสื่อสาร Scada เข้ามา โดย Aegis Plus จะมีการติดตั้งระบบ FRTU( Feeder Remote terminal Unit) แบบ Build In ในตัว ริงเมนยูนิต นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งใช้งานได้ทั้งภายในอาคารและนอกอาคาร เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย สามารถจัดได้ว่าเป็นริงเมนยูนิต รุ่นที่มีเสถียรภาพและความปลอดภัยสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น Short Circuit Level ที่ระดับสูงถึง 21 kA 3 วินาที, การทดสอบ Internal Arc Test ทั้งใน Tank และในห้อง Cable , Internal Arc protection แบบ AFLR ซึ่งเป็นระบบปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ยังสามารถทำการทดสอบ Cable (Hi-POT test) ได้จากหน้าตู้ ซึ่งทำให้ง่ายสำหรับวิศวกรในการทำการติดตั้ง โดยรุ่นที่นำมาเสนอในงานคือ Aegis Plus Outdoor ซึ่งเป็นริงเมนระบบอัตโนมัติ ที่สามารถติดตั้งไว้ด้านนอกอาคาร ริงเมนตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือ มีขนาดกะทัดรัด ติดตั้งง่ายและเป็นแบบ Self enclosed ไม่จำเป็นที่ต้องใช้ตู้ครอบ โดย Aegis Plus ได้ผ่านการทดสอบ Internal Arc, IP 54 และ Impact Test โดยสถาบันที่ได้รับการยอมรับอย่าง KEMA

 

                ริงเมนยูนิตของลูซี่ อิเล็คทริค รุ่นนี้จะรองรับกับแนวโน้มเมืองใหม่คือเมืองไร้สาย ที่จะเป็นการนำสายไฟฟ้าลงไปยังใต้ดิน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดโอกาสความเสี่ยงในการที่เสาไฟฟ้าล้มเวลามีพายุหรือลมพัดแรง ซึ่งจะทำให้ระบบไฟฟ้ามีเสถียรภาพมากขึ้น และทัศนียภาพของบ้านเมืองเราจะดูสะอาดตามากยิ่งขึ้นเนื่องจากไม่มีสายไฟฟ้าระโยงระยาง

 

                สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ ลูซี่ อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด โทรศัพท์ 0-2663-4290 อีเมล์ salesth@lucyelectric.com หรือ https://www.facebook.com/lucyelectricAPAC

ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ร่วมกับคู่ค้า จัดสัมมนา เตรียมความพร้อมจัดการข้อมูลในยุคโมบิลิตี้ และ IOT

                บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พีทีอี ลิมิเต็ด ร่วมกับคู่ค้า ได้แก่ บริษัท อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท วินท์คอม เทคโนโลยี จำกัด และ บริษัท เอเซอร์คอมพิวเตอร์ จํากัด ร่วมกันจัดงานสัมมนา Managing DATA without Boundaries เพื่อบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการข้อมูลเชิงรุก ด้วยเทคโนโลยี Hitachi Content Platform (HCP Portfolio) อาทิ Hitachi Data Instance Director (HDID) ซอฟต์แวร์ที่ช่วยบริหารจัดการสำเนาข้อมูลแบบครบวงจร, Hitachi Data Ingestor (HDI) จัดการข้อมูลสำหรับสาขา และ Hitachi Content Platform Anywhere (HCP Anywhere) สำหรับจัดการข้อมูลในยุคโมบิลิตี้ เพิ่มประสิทธิภาพให้พนักงานองค์กร พร้อมทั้งสาธิตจริงในแต่ละโซลูชั่น โดยในงานนี้ยังมีวิทยากรรับเชิญจาก ศูนย์เทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data eXperience) หรือ บีเอ็กซ์ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บรรยายในแนวโน้มของ Big Data เพื่อตอบรับยุคข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง หรือ Unstructured Data ที่เกิดจากแพลตฟอร์มที่สาม และการเข้ามาของเทคโนโลยี Internet-Of-Thing (IOT) ณ ห้องบอลลูม 2 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

 

                ภาพจากซ้ายไปขวา: นายแกรี่ อั๋ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด, นายทนุสิทธิ์ สกุณวัฒน์, Operation Director บริษัท วินท์คอม เทคโนโลยี จำกัด,  รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล รองคณบดีฝ่ายพัฒนาการศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (Big Data eXperience: BX Center), ดร.มารุต มณีสถิตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย และพม่า บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พีทีอี ลิมิเต็ด, นายอลัน เจียง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด

โซลิแมค ออโตเมชั่น จัดสัมมนาประจำปี 2015 Solimac Automation Day

                เนื่องด้วยบริษัท โซลิแมค ออโตเมชั่น จำกัด ได้มีการจัดงานสัมมนาประจำปี 2015 Solimac Automation Day ทอล์กโชว์โดยกูรูนักการตลาดชื่อดัง อาจารย์ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ภายในหัวข้อ Increase Your Profit with a Technology of Machine Vision and Automation เพิ่มกำไรให้กับท่านในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวด้วยเทคโนโลยีแมชชีนวิชั่น และออโตเมชั่น และพบกับการเปิดตัวสินค้าและนวัตกรรมใหม่ เพื่องานแมชชีนวิชั่นและออโตเมชั่นจากผู้ผลิตชั้นนำของโลกทั้งกล้อง BASLER, ซอฟต์แวร์ HALCON, ซอฟต์แวร์ใหม่ล่าสุด MERLIC, วิชั่นเซนเซอร์ SENSOPART และคอมพิวเตอร์อุตสาหกรรม ADLINK พร้อมการสาธิตวิธีการพัฒนา และเขียนโปรแกรมแมชชีนวิชั่น และกรณีศึกษาจากผู้ใช้ งานและชำนาญการภายในงาน

 

วศ. กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ร่วมมือกับ กฟผ. ทดสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า ภายใต้โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้า เบอร์ 5 มุ่งใช้และดูแลรักษาพลังงานคุ้มค่าสูงสุด

                ดร.สุทธิเวช ต.แสงจันทร์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ และ นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ลงนามความร่วมมือระหว่างกรมวิทยาศาสตร์บริการ  (วศ.) กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อทดสอบพัดลมไฟฟ้าชนิดระบายอากาศ ภายใต้โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้า เบอร์ 5  มุ่งส่งเสริมให้เกิดการใช้และดูแลรักษาพลังงาน และสิ่งแวดล้อมของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าสูงสุด โดยมี ดร.คุรุจิต นาครทรรพ  ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพ ฯ

 

                ดร.สุทธิเวช ต.แสงจันทร์ กล่าวว่า วศ.ได้ให้ความร่วมมือในการทดสอบประสิทธิภาพพัดลมไฟฟ้าชนิดระบายอากาศเบอร์ 5 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์รับรองความประหยัดและประสิทธิภาพสูงสุดของอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งมีข้อมูลจาก กฟผ. ระหว่างปี 2555-2558 ที่ผ่านมาสามารถจ่ายฉลากไปแล้วกว่า 1,400,000 ดวง และการลงนามครั้งนี้เพื่อให้มีการดำเนินงานร่วมมือต่อเนื่อง  มีเป้าหมายเป็นเครือข่ายความร่วมมือ ในการทดสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าภายใต้โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งเสริมการใช้และดูแลรักษาพลังงาน ทรัพยากรพลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าสูงสุด ส่งเสริมให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่าของพลังงานและทรัพยากรพลังงาน ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีขอบเขตความร่วมมือ วศ. ให้บริการทดสอบค่าประสิทธิภาพพลังงานของพัดลมไฟฟ้ากระแสสลับชนิดระบายอากาศ ตามที่ กฟผ. ร้องขอ ซึ่งจะได้มีการร่วมกันจัดทำแผนการดำเนินงานและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม เพื่อให้ สะดวก รวดเร็วในการส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบรวมถึงการรายงานผลการทดสอบ ได้ตรงตามความต้องการ