“ความคิดหรือทัศนคติของพนักงานแต่ละคนนับเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องปรับหรือโน้มน้าวให้มีความคิดที่เป็นบวก เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีความสุข และยังส่งเสริมให้เกิดการทำงานที่สร้างสรรค์ตลอดเวลา” |
พลังขับเคลื่อนของกระบวนการทำงานล้วนต้องมาจากทีมงานที่มุ่งมั่น เข้าใจ และพร้อมที่จะทำงานอย่างไม่กลัวกับปัญหาใด ๆ ซึ่งพลังต่าง ๆ ที่กล่าวมาย่อมต้องเกิดจากทักษะการทำงานและทัศนคติของพนักงานทุกคน นโยบายหรือแผนการทำงานที่ผู้บริหารวางแนวมาให้ย่อมต้องเป็นกรอบที่สร้างไว้เพื่อให้พนักงานได้รู้ขอบเขตทิศทางการทำงานและวินัยที่ต้องยึดถือปฏิบัติ ทว่าเมื่อใดที่มีคนจำนวนมากมาทำงานร่วมกัน ความคิดที่หลากหลาย มุมมองที่แตกต่างย่อมที่จะต้องได้รับการหล่อหลอมให้เป็นแนวทางเดียวกัน
สร้างความเข้าใจภาพรวม
เมื่อใดที่ต้องการทีมงานมาร่วมด้วยช่วยกันสรรสร้างงาน นั่นย่อมถึงเวลาที่จะต้องชี้แจงให้เห็นภาพหรือเข้าใจกับงานที่ต้องทำร่วมกัน ผู้บริหารจำเป็นต้องแนะนำภาพรวมที่จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ให้กับพนักงานทุกคนได้เห็น เพราะจะหมายถึงการสร้างความเข้าใจและแนวทางการทำงาน บ่อยครั้งที่การทำงานเกิดความคลาดเคลื่อนเนื่องจากปัญหาเล็ก ๆ ที่ก่อตัวกลายเป็นปัญหาใหญ่ให้กับองค์กร เช่น การขาดงานบ่อย ๆ ของพนักงาน แบบไม่ค่อยมีเหตุอันควรจะหยุด การทำงานผิดพลาดบ่อย ๆ กับปัญหาเดิม ๆ นั่นเป็นสัญญาณเตือนให้ทราบว่าต้องมีการเข้าใจผิดหรือเข้าใจไม่ตรงกันเกิดขึ้นแล้ว
พนักงานใหม่ทุกคนล้วนแล้วแต่มีไฟในการทำงานและพยายามที่จะทำความเข้าใจกับองค์กรที่คัดเลือกเขาเข้ามาทำงาน ทว่าการชี้แจงภาพรวมของการทำงานอาจมีความคลาดเคลื่อนอันเป็นผลมาจากแผนกต่าง ๆ ขาดการเชื่อมต่อประสานงานกันทำให้เวลาทำงานเกิดปัญหาขึ้นจากเรื่องเล็ก ๆ บานปลายเป็นปัญหาใหญ่ เช่น การทำงานที่ต้องรับช่วงการทำงานจากผู้บริหารวางนโยบายมา หัวหน้างานรับแผนมาและจ่ายงานออกไปให้แต่ละส่วนทำต่อ ถ้ามีการชี้แจงอย่างชัดเจน และทุกคนมองภาพรวมออกหรือเข้าใจกับแผนการทำงานและเป้าหมายที่วางไว้อย่างชัดเจนแล้ว การทำงานจะง่ายขึ้นเพราะเข้าใจว่าต้องทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร และอย่างไร แต่ด้วยการทำงานกับคนหลาย ๆ คน เป็นเรื่องยากที่จำเป็นต้องอาศัยหลักการ เหตุผล และศิลปะในการสร้างทีมงานเข้ามาช่วยอย่างเต็มที่
พนักงานบางคนต้องการแค่บอกมาเลยว่าจะให้ทำอะไรเดี๋ยวจัดการให้เสร็จตามที่สั่ง บางคนชอบให้คอยมาตรวจสอบดูแลว่างานถึงไหนแล้ว ประมาณว่าต้องการให้มาคอยดูแลใกล้ชิดถ้าผิดจะได้ช่วยท้วงติงแก้ไขกันทันท่วงที อันนี้ก็แล้วแต่ประเภทของงานและนโยบายการทำงานของแต่ละองค์กร ซึ่งหากเป็นลักษณะการทำงานของทีมงานที่ทำแล้วงานมีประสิทธิผล ทุกคนมีความสุขผลงานเป็นไปตามเป้าหมายก็นับว่าเป็นผลสำเร็จในการทำงานแล้ว
การปรับลบให้เป็นบวกอาจเป็นเรื่องยากเพราะฝืนความรู้สึกของใครหลายคนที่เป็นคนตั้งใจทำงานมากเกินไป คนที่ทำงานแบบเสร็จไปวัน ๆ หรือคนที่ต้องการให้เพื่อนร่วมงานเห็นว่าเขาทำงานนี้อย่างเต็มที่แล้วพอแล้วแค่นี้ทั้งที่มันยังทำอะไรเพิ่มได้อีก ทว่าเพียงปรับความคิดหรือโยกความคิดสลับข้าง สลับความรู้สึกหรือเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ลองคิดดูบ้างว่าแค่ลองทำตามคำแนะนำดี ๆ ของเพื่อนร่วมงานบ้าง เอาคำที่หัวหน้าเตือนมามองว่านี่คือการปรับปรุงแก้ไขที่จะช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น เราเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่ต้องทำงานอย่างเต็มที่ และที่สำคัญการคิดบวกล้วนเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์เสมอ เพราะเมื่อไรที่เราคิดบวกแล้วลงมือปฏิบัติผลงานมันมักจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเราคือคนที่มีคุณภาพอีกคนหนึ่ง....ลองดูก็ได้ครับ