ดร.วิทยา อินทร์สอน
สาขาวิชาช่างเชื่อมโลหะ วิทยาลัยเทคนิคสุรินทร์
นางสาวปัทมาพร ท่อชู
คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
ดร.สุรพงศ์ บางพาน
สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตเชียงใหม่
ปัจจุบันรูปแบบการดำเนินชีวิตได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต คือ มุ่งเน้นการบริโภคมากขึ้น และการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลก ก็ยิ่งก่อให้เกิดการบริโภคสินค้าสิ้นเปลืองมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้มีการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดในปริมาณที่มาก โดยผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นต้องอาศัยทรัพยากรธรรมชาติในการผลิต ดังนั้นหากการผลิตเกิดขึ้นโดยไม่คำนึงถึงปริมาณที่จำกัดของทรัพยากรก็จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน |
ดังนั้นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคให้ยั่งยืน จึงน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการสร้างกลไกส่งเสริมและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นั่นคือการใช้สินค้าและบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในขณะที่มีการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดการปล่อยมลพิษตลอดวัฏจักรชีวิตให้เหลือน้อยที่สุดจนไม่ส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหลัง
นอกจากนี้จะรู้ได้อย่างไรว่า สินค้าและบริการใดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคสามารถสังเกตได้จากสัญลักษณ์บนกล่องหรือหีบห่อหรือบนตัวสินค้า ได้แก่ สัญลักษณ์ฉลากเขียว, สัญลักษณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5, สัญลักษณ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพ หากเป็นบริการต่าง ๆ ผู้บริโภคเพียงมองหาสัญลักษณ์การรับรองได้แก่ สัญลักษณ์รูปใบไม้เขียวสำหรับบริการโรงแรม เป็นต้น ดังนั้นทุกครั้งที่ต้องการซื้อ หรือใช้บริการต่าง ๆ จงเตือนตัวเองเสมอว่าให้มองหาสัญลักษณ์ของสินค้า และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะนอกจากจะได้ใช้สินค้าและบริการที่เป็นไปตามความต้องการของตนเองแล้ว ยังจะได้มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกทางหนึ่งด้วย
รูปที่ 1 ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
พ.ศ.2515 (ค.ศ.1972) องค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) ได้จัดการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (United Nations Conference on Sustainable Development) ณ กรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน การประชุมระหว่างประเทศเรื่องสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ ส่งผลให้ชาติต่าง ๆ ทั่วโลกได้ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
พ.ศ.2548 (ค.ศ.2002) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมจัดทำโครงการการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสะอาดในโรงเรียน (ระหว่าง ปี 2548-2554 ซึ่งได้มีวัตถุดิบหรือวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหลายชนิด เช่น กระดาษสา ที่ไม่ใช้สารฟอกขาว และผ้าย้อมสีธรรมชาติ การออกแบบผลิตภัณฑ์จากบรรจุภัณฑ์ที่เหลือทิ้งจากครัวเรือนหรือชุมชน (เช่น ถุงนม กล่องนม กล่องเครื่องดื่ม) การออกแบบผลิตภัณฑ์จากสิ่งทอพื้นเมือง เป็นต้น
พ.ศ.2554 (ค.ศ.2011) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จัดทำโครงการส่งเสริมการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและผลิตภัณฑ์ต้นแบบของชุมชน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์สินค้า การสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง และมีการใช้เครื่องหมายการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ และการจัดการสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมฯ ดำเนินโครงการพัฒนาเกณฑ์การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประเภทการผลิตกระดาษสา สุรากลั่น สิ่งทอขนาดเล็ก เฟอร์นิเจอร์ไม้ และผลิตผักและผลไม้แช่เย็น/แช่แข็ง
พ.ศ.2555 (ค.ศ.2012) ประเทศไทยเริ่มแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2555-2559 มีมาตรการที่สำคัญ คือ การส่งเสริมการบริโภคที่ยั่งยืน การปรับฐานการผลิตภาคเกษตรให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การปรับฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การพัฒนามาตรฐานสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการจัดการพลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืน
พ.ศ.2557 (ค.ศ.2014) มีการประชุม UNEA สมัยที่ 1 โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (The First UN Environment Assembly of the UN Environment Program) ที่สำนักงานใหญ่ UNEP (United Nations Environment Programme) ณ เมืองไนโรบี ประเทศเคนย่า โดยมีหัวข้อการประชุม คือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและวาระการพัฒนาหลังปี 2015 รวมทั้งการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะมุ่งเน้นว่าการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนมีความสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนรูปแบบการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนที่เชื่อมโยงกับขอบข่ายทั้งโลก รวมทั้งเสริมสร้างให้ประเทศกำลังพัฒนาเกิดการการพัฒนาที่ยั่งยืนและการจัดการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงที่เกิดขึ้น
ความหมายของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คือ สินค้าที่ผลิตจากกระบวนการและเทคโนโลยีที่ใส่ใจกับผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มต้นตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบในการผลิต จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์เป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ รอการบรรจุลงในหีบห่อและบรรจุภัณฑ์สำหรับเตรียมการขนส่งและจัดจำหน่ายให้กับผู้บริโภคต่อไป รวมถึงการจัดการซากผลิตภัณฑ์นั้น ๆ อย่างถูกวิธี
ส่วนบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คือบริการต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ร้านอาหาร เป็นต้น ธุรกิจเหล่านี้ให้ความสำคัญใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมได้โดยการเลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ประหยัดน้ำ และมีการจัดการขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ รวมทั้งมีการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวที่เลือกใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้มีการรณรงค์สื่อสารให้บุคลากรในหน่วยงานเห็นคุณค่าความสำคัญ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่เลือกใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สังเกตได้อย่างไรว่าสินค้าหรือบริการใดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะต้องได้รับการตรวจสอบประเมินผลกระทบที่เกิดจากกระบวนการผลิตตลอดทั้งวัฎจักรผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญการด้านสิ่งแวดล้อมตามเกณฑ์หรือข้อกำหนดของสินค้าผลิตภัณฑ์หรือบริการแต่ละประเภท จึงจะได้รับ "ฉลาก" หรือ "ตราสัญลักษณ์" ซึ่งฉลากที่มีออกโดยหน่วยงานในประเทศไทย แสดงว่าสินค้าหรือบริการนั้น ๆ จัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สีเขียว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ผลิตสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้ว่ากว่าที่จะได้มาซึ่งสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อใช้สินค้าที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดหากเปรียบเทียบกับสินค้าตามท้องตลาดในประเภทเดียวกัน
สินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคสามารถสังเกตสัญลักษณ์บนกล่อง หีบห่อ บรรจุภัณฑ์หรือบนตัวสินค้านั้น ๆ ได้แก่
1. สัญลักษณ์ฉลากเขียว
2. สัญลักษณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5
3. สัญลักษณ์ผลิตมาจากวัสดุแปรใช้ใหม่
4. สัญลักษณ์ที่ผลิตมาจากป่าที่ปลูก
5. สัญลักษณ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพ
สินค้าจำพวกอาหารทั้งสด และแห้ง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นสินค้าที่ผลิตมาจากกระบวนการผลิตปลอดสารเคมีหรือไม่โดยสังเกตสัญลักษณ์ ได้แก่ สัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์
บริการต่าง ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ร้านซักแห้ง หรือสถานีบริการน้ำมัน ฯลฯ ผู้บริโภคเพียงมองหาสัญลักษณ์การรับรอง ได้แก่ สัญลักษณ์รูปใบไม้เขียว สำหรับบริการโรงแรม
ดังนั้นทุกครั้งที่ต้องการซื้อของหรือใช้บริการต่าง ๆ ต้องทำให้เป็นนิสัย หมั่นมองหาตราสัญลักษณ์ดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้นก็จะทำให้ผู้บริโภคทราบได้ว่าสินค้าหรือบริการใดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อจะได้เลือกใช้ตามความต้องการ และมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย
รูปที่ 2 ตัวอย่างฉลากสิ่งแวดล้อมของประเทศต่าง ๆ
ประโยชน์การเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในปัจจุบันหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ สามารถมีส่วนร่วมในการเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (สินค้าที่ได้รับฉลากสีเขียว) และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งประโยชน์ในการเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีดังนี้
ประเภทสินคาและบริการที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอมที่ไดรับการคัดเลือก
สินคาและบริการที่ไดรับการพิจารณาคัดเลือกและจัดทําเกณฑขอกําหนดสินคา และบริการที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอมไว ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสิ้น 17 ประเภท แบ่งเป็น 3 หมวด ดังนี้
หมวดวัสดุและเครื่องใช้ในสํานักงาน
1.กระดาษคอมพิวเตอร/กระดาษสีทําปก 2.กระดาษชําระ 3.กลองใสเอกสาร 4.แฟมเอกสาร 5.ซองบรรจุภัณฑ์ 6.ปากกาไวตบอรด 7.ผลิตภัณฑลบคําผิด 8.ตลับหมึก 9.เครื่องถายเอกสาร 10.เครื่องพิมพ
หมวดครุภัณฑ์และอื่นๆ
11.เครื่องเรือนเหล็ก 12.สีทาอาคาร 13.หลอดฟลูออเรสเซนต 14.แบตเตอรี่ปฐมภูมิ
หมวดบริการ
15.บริการทําความสะอาด 16.บริการโรงแรม 17.บริการถ่ายเอกสาร
ดังนั้นผู้เขียนขอยกตัวอย่างสินค้าหรือผลิตภัณฑ์บางรายการ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ประกอบในการตัดสินใจการจัดซื้อ ได้ดังนี้
1. กระดาษคอมพิวเตอรและกระดาษสีทําปกที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม กระดาษในที่นี้ครอบคลุมเฉพาะกระดาษคอมพิวเตอรที่ใชกับเครื่องพิมพระบบหมึกผงแหง (Dry Toner) และกระดาษสีทําปก
รูปที่ 3 ตัวอยางกระดาษคอมพิวเตอรตาง ๆ
คำอธิบาย
ผลกระทบตอสิ่งแวดล้อมจากกระดาษ
กระบวนการการผลิตกระดาษ 1 ตัน ตองใชตนไม 17 ตน น้ำ 20 ลูกบาศกเมตร น้ำมัน 300 ลิตร กระแสไฟฟา 1,000 กิโลวัตต-ชั่วโมง และมีการปลอยมลพิษออกมาในปริมาณมาก โดยเฉพาะมลพิษทางน้ำที่สารพิษที่เกิดขึ้นกระบวนการผลิต ในขั้นตอนตาง ๆ จะกอใหเกิดอันตรายตอสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยูในแหลงน้ำ จากคาความเปนกรดดางในน้ำเปลี่ยนแปลง คาออกซิเจนในน้ำลดลง เกิดไดออกซิน ซึ่งเปนสารพิษเหลือคางในอากาศ และน้ำจากการใชกาซคลอรีนสําหรับฟอกเยื่อ และเกิดการสะสมของสารพิษตาง ๆ ในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม
เกณฑขอกําหนดกระดาษคอมพิวเตอรและกระดาษสีทำปกที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม
การพิจารณาเลือกซื้อกระดาษคอมพิวเตอร และกระดาษสีทําปกที่ไดรับเครื่องหมายฉลากสิ่งแวดลอม เชน ฉลากเขียว หากไมไดรับเครื่องหมายฉลากสิ่งแวดลอมใหพิจารณาตามเกณฑ์ขอกําหนด ดังนี้
หลักฐานเพื่อการตรวจรับกระดาษคอมพิวเตอรและกระดาษสีทําปกที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม
2. เครื่องเรือนเหล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เครื่องเรือนเหล็กในที่นี้ครอบคลุมเฉพาะเครื่องเรือนที่ทําดวยเหล็กกลาไมนอยกวา รอยละ 70 ของพื้นที่ทั้งหมดของผลิตภัณฑ
คําอธิบาย
1. เครื่องเรือนเหล็ก หมายถึง ตู โตะ เกาอี้ เตียง ชั้นวางของ และฉากกั้นหองที่ทําดวยเหล็กกลา หรือโครงสรางหลักทําดวยเหล็กกลา และมีสวนประกอบอื่นทำด้วยวัสดุประเภทตาง ๆ
2. อุปกรณเสริม หมายถึง อุปกรณที่ใชตกแตงผลิตภัณฑ เพื่อความสวยงาม และความสะดวกสบายในการใชงาน เชน มือจับ ชองใสปายชื่อ ราวแขวนเสื้อผา กระจก ยกเวนกุญแจ คืออุปกรณ์ที่ใชตกแตงผลิตภัณฑเพื่อความสวยงามและความสะดวกสบายในการใชงาน เชน มือจับ ชองใสปายชื่อ ราวแขวนเสื้อผา กระจก ยกเวนกุญแจ
รูปที่ 4 ตัวอย่างเครื่องเรือนเหล็ก
ผลกระทบตอสิ่งแวดลอมจากเครื่องเรือนเหล็ก
เริ่มจากกระบวนการผลิตตองใชทรัพยากรเหล็กกลา และพลังงานไฟฟาเปนจํานวนมาก เริ่มจากการตัด ปม เชื่อม ประกอบพนสี การใชสีเคลือบกันสนิม สีที่ใชอาจกอใหเกิดมลพิษ การระเหยของสารเคมี นอกจากนี้การใชสีเคลือบที่มีสารประกอบอินทรียที่ระเหยได้ และโลหะหนักเปนองคประกอบ อาจเปนอันตรายตอสุขภาพ เมื่อรางกายไดรับสารเหลานี้
เกณฑขอกําหนดเครื่องเรือนเหล็กที่เปนมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การพิจารณาเลือกซื้อเครื่องเรือนเหล็กที่ไดรับเครื่องหมายฉลากสิ่งแวดลอม เชน ฉลากเขียวหากไมไดรับเครื่องหมายฉลาก สิ่งแวดลอม ใหพิจารณาดังนี้
1. ไดรับการรับรองตามมาตรฐานผลิตภัณฑอุตสาหกรรม (มอก.)
2. สีที่ใชเคลือบผลิตภัณฑตองมีสมบัติดังนี้
2.1 ไมมีสารฟอรมัลดีไฮด (Formaldehyde)
2.2 ไมมีตัวทําละลายสารละลายฮาโลเจน (Halogenated Solvent)
2.3 ไมมีอนุภาคของโลหะหนัก เชน ปรอท ตะกั่ว แคดเมียม โครเมียมเฮกซาวาเลนท และออกไซดของธาตุเหลานี้
2.4 ไมมีสารประกอบแอโรแมติกไฮโดรคารบอน เชน ทินเนอร โทลูอิน ไซลีนเปนตัวทําละลาย แตไมรวมถึงวัสดุที่มีปฏิกิริยาเคมีดีกวาหรือเทียบเทาสารประกอบแอโรแมติกไฮโดรคารบอนเหลานี้
2.5 ไมมีสารประกอบอินทรียที่ระเหยได เกิน 250 กรัม/ลิตร
3. ไมเคลือบผิวอุปกรณเสริมดวยโครเมียม นิกเกิล สังกะสี และปรอท
4. บรรจุภัณฑ
4.1 กรณีที่ใชบรรจุภัณฑกระดาษ ตองทํามาจากเยื่อเวียนทำใหม ไมนอยกวารอยละ 70
4.2 วัสดุกันกระแทกตองไมใชสารซีเอฟซี (CFCs) เปนสารเปาโฟม
หลักฐานเพื่อการตรวจรับเครื่องเรือนเหล็กที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม
3. สีทาอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑสีในที่นี้ครอบคลุมเฉพาะ
1. สีและผลิตภัณฑ์เคลือบเงาที่มีตัวทําละลายเปนนํ้า
1.1 สีอิมัลชัน (Emulsion Paints) ที่แหงเองไดในอากาศ ใชสําหรับเคลือบ (ทา พน ฯลฯ) ภายนอกและภายในอาคารรวม ถังสีที่ใชรองพื้นสําหรับงานปูน
1.2 สีในกลุ่มอื่น ไดแก่
1.2.1 สีที่ละลายในนํ้า
1.2.2 สีที่กระจายตัวในนํ้า
1.2.3 สีนํ้าเขมขน
2. สีและผลิตภัณฑเคลือบเงาที่มีตัวทําละลายเปนสารอินทรีย (Solvent-Based Paints and Varnishes)
คําอธิบาย
1. สีที่ละลายในนํ้า (Water-Soluble Paints) เป็นสีที่ใชเรซิน (Resin) ที่สามารถละลายไดในนํ้า หรือใชสารยึดที่มีกลุ่มหน้าที่ยึดนํ้า (Hydrophilic Functional Group)
2. สีที่กระจายตัวในนํ้า (Water-Dispersing Paints) เป็นสีที่ใชเรซินที่สามารถกระจายตัวในนํ้าได้หรือใชสารยึดที่สามารถ กระจายตัวไดในวัสดุเคลือบ
3. สีน้ำเงินเข้ม (Water-Slurry Paints) เป็นสีที่มีปริมาณผงสีมาก และมีสารยึดเป็นสารอินทรีย์และอนินทรีย์ ที่มีขนาดใหญ่กว่า 1.0 ไมครอน (µm) เช่น สีเท็กเจอร์ (Texture Paints)
4. สีที่มีตัวกลางเป็นตัวทำละลาย (Solvent-Based Paints) เป็นสีที่ใช้สารประกอบ
5. สารประกอบอินทรียที่ระเหยได (Volatile Organic Compounds) เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีจุดเดือดไม่เกิน 250oC ที่ความดันปกติตามวิธีการทดสอบตามมาตรฐาน ISO 11890-1 หรือ ISO 11890-2
รูปที่ 5 ตัวอย่างสีทาอาคาร
ผลกระทบตอสิ่งแวดล้อมจากสีทาอาคาร
สีมีสวนผสมของโลหะหนัก เชน ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม โครเมียม โลหะหนัก เหล่านี้จะฟุงกระจายและตกคางอยูในบรรยากาศเป็นเวลานาน เมื่อสัมผัสหรือหายใจแลวจะเกิดการสะสมในรางกาย เป็นอันตรายตอสุขภาพและสิ่งแวดล้อม สวนประกอบอินทรียที่ระเหยไดที่ใช้ในสวนผสมของสารเติมแต่งนั้นอาจเปนอันตรายตอระบบประสาท เลือด และไต นอกจากนี้ยังทําปฏิกิริยากับแสงแดดเปลี่ยนแปลงเปนโอโซนและมลสารอื่น ๆ เกิดเปนหมอกในบรรยากาศชั้นลางได มลสารเหลานี้สามารถทําให้ ตา จมูก และคอเกิดอาการระคายเคืองอยางรุนแรงตอเยี่อจมูก เยี่อในระบบทางเดินหายใจ และอาจทําใหเกิดการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง และเป็นสารกอมะเร็ง
เกณฑขอกําหนดสีทาอาคารที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม
การพิจารณาเลือกซื้อสีทาอาคารที่ไดรับเครื่องหมายฉลากสิ่งแวดลอม เชน ฉลากเขียวหากไมไดรับเครื่องหมายฉลากสิ่งแวด ลอม ใหพิจารณาตามเกณฑดังนี้
1.1 สีอิมัลชัน หากมีปริมาณสารประกอบอินทรียที่ระเหยได้ตองไมเกิน 50 กรัม/ลิตร
1.2 สีและผลิตภัณฑเคลือบเงาที่มีตัวทําละลายเปนนํ้าชนิดอื่น ๆ หากมีปริมาณสารประกอบอินทรียที่ระเหยไดตองไมเกิน 100 กรัม/ลิตร
1.3 สีและผลิตภัณฑเคลือบเงาที่มีตัวทําละลาย เปนสารอินทรีย หากมีปริมาณสารประกอบอินทรียที่ระเหยไดตองไมเกิน 380 กรัม/ลิตร
3.1 สีอิมัลชัน มีการปนเปอนของสารแอโรแมติกไฮโดรคารบอน ไดไมเกินรอยละ 0.1 โดยนํ้าหนัก
3.2 สีและผลิตภัณฑเคลือบเงาที่มีตัวทําละลายเปนนํ้าชนิดอื่น ๆ มีการปนเปอนของสารแอโรแมติกไฮโดรคารบอนได ไมเกินรอยละ 1 โดยนํ้าหนัก
3.3 สีและผลิตภัณฑเคลือบเงาที่มีตัวทําละลายเปนสารอินทรีย มีการปนเปอนของสารแอโรแมติกไฮโดรคารบอนได ไมเกินรอยละ 5 โดยนํ้าหนัก
หลักฐานเพื่อการตรวจรับสีทาอาคารที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม
4. หลอดฟลูออเรสเซนตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หลอดฟลูออเรสเซนต ในที่นี้ครอบคลุมหลอดฟลูออเรสเซนต (Fluorescent Lamp) และหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต (Compact Fluorescent Lamp)
คําอธิบาย
รูปที่ 6 ตัวอย่างหลอดฟลูออเรสเซนต์
ผลกระทบตอสิ่งแวดลอมจากหลอดฟลูออเรสเซนต
ผลกระทบตอสิ่งแวดลอมเริ่มจากกระบวนการผลิตกอใหเกิดสารพิษตาง ๆ เชน ไอปรอท ไอของตัวทําละลาย ขณะใชงานเกิด ผลกระทบจากการใชพลังงานไฟฟาตลอดจนการเกิดกากของเสียอันตราย เชน ปรอท ปนเปอนในสิ่งแวดลอมและขยะมูลฝอยหากไมมีการกําจัดที่ถูกตอง
เกณฑขอกําหนดหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม
การพิจารณาเลือกซื้อหลอดฟลูออเรสเซนตที่ไดรับเครื่องหมายฉลากสิ่งแวดลอม เชน ฉลากเขียว และหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนตที่ไดรับเครื่องหมายฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพอุปกรณ์ฉลากเขียว และหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนตที่ไดรับเครื่องหมายฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพอุปกรณ์ไฟฟา เชน ฉลากเบอร 5 หากไมไดรับเครื่องหมายฉลากสิ่งแวดลอมหรือฉลากเบอร 5 ใหพิจารณาตามเกณฑดังนี้
หลักฐานเพื่อการตรวจรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม
1.เครื่องหมายฉลากสิ่งแวดลอม เชน หลอดฟลูออเรสเซนต มีฉลากเขียว หรือใบรับรองหรือสัญญาอนุญาตใหใชเครื่องหมายฉลากสิ่งแวดลอม และหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5
2.สามารถตรวจสอบรุนผลิตภัณฑที่ไดรับการรับรองฉลากสิ่งแวดลอมและฉลากประหยัดไฟฟาเบอร 5
แนวทางการเลือกสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภค มีแนวทางการเลือกสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยพิจารณาคุณสมบัติสินค้า ได้ดังนี้
1. ใช้วัสดุที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย เช่น วัสดุที่ไม่มีพิษ วัสดุหมุนเวียนทดแทนได้ วัสดุรีไซเคิล และวัสดุที่ใช้พลังงานต่ำในการจัดหามา
2. ใช้วัสดุน้อย เช่น น้ำหนักเบา ขนาดเล็ก มีจำนวนประเภทของวัสดุน้อย เช่น มีวัสดุหีบห่อน้อย มีการเสริมความแข็งแรง เพื่อให้ลดขนาดลงได้
3. มีการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในการผลิต ใช้พลังงานที่สะอาด ลดการเกิดของเสียจากกระบวนการผลิต และลดขั้นตอนของกระบวนการผลิต
4. มีระบบขนส่งและจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ เช่น ลดการใช้หีบห่อบรรจุภัณฑ์ที่ฟุ่มเฟือย ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่ใช้ซ้ำหรือหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ ใช้รูปแบบการขนส่งที่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำ และเลือกใช้เส้นทางการขนส่งที่ประหยัดพลังงานที่สุด
5. ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดในช่วงการใช้งาน เช่นใช้พลังงานต่ำ มีการปล่อยมลพิษต่ำในระหว่างใช้งาน ลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง และลดการใช้ชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็น
6. มีความคุ้มค่าตลอดชีวิตการใช้งาน เช่น ทนทาน ซ่อมแซมและดูแลรักษาง่าย ปรับปรุงต่อเติมได้ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
7 .มีระบบการจัดการหลังหมดอายุการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การเก็บรวบรวมที่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำ มีการออกแบบให้นำสินค้าหรือชิ้นส่วนกลับมาใช้ซ้ำหรือหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ง่าย หรือหากต้องกำจัดทิ้งสามารถนำพลังงานกลับคืนมาใช้ได้ และมีความปลอดภัยสำหรับการฝังกลบ
8 .การพิจารณาว่าสินค้าใดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมควรพิจารณาว่าสินค้านั้นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากในช่วงใดของวัฏจักรชีวิต เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า จะก่อผลกระทบมากในช่วงใช้งานมากกว่าในช่วงการผลิต และหากมีการลดผลกระทบใน ช่วงดังกล่าวให้น้อยกว่าสินค้าอื่นที่มีลักษณะการทำงานเหมือน กัน รวมทั้งประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ซึ่งจะถือได้ว่าเป็นสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เอกสารอ้างอิง
(1) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2558). สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม. กรุงเทพมหานคร.
(2) กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2551). คูมือการจัดซื้อจัดจ้างสินคาและบริการที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม. กรุงเทพฯ.
(3) ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์ และคณะ. (2556). คู่มือการจัด ซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภาคเอกชน. องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน. นนทบุรี.
(4) เจนจบ สุขสด และคณะ (2557). คู่มือการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2557. กรมควบคุมมลพิษ กรุงเทพฯ.
(5) วรรณภา ทองสีแก้ว. (2557). สินค้าและการบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม. ส่วนส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม สํานักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 12 อุบลราชธานี.
(6) วิฑูรย์ สิมะโชคดี. ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม.(2555). วารสารโรงงานสีเขียว. กระทรวงอุตสาหกรรม.
(7) http://bangkokgreencity.bangkok.go.th/ Knowledge-Based/Article/InterestingArticles/
(8) http://www.onep.go.th/
(9) http://www.deqp.go.th
(10) http://ptech.pcd.go.th/gp
(11) http://www.environnet.in.th/
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.
ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด