เนื้อหาวันที่ : 2018-01-29 09:06:55 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2351 views

ฟิลิปส์ ยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ด้วยเครื่องฟอกอากาศ Philips Air Purifier Series 3000i และแอปพลิเคชั่น Air Matters

นอกเหนือจากมลพิษภายนอกบ้านที่เราต้องเผชิญแล้ว หลาย ๆ คนที่มีปัญหาเรื่องโรคภูมิแพ้ จำเป็นต้องหาวิธีต่าง ๆ ในการป้องกันและบรรเทาอาการ โดยเฉพาะการจัดการกับอากาศภายในบ้าน ฟิลิปส์ ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ ตระหนักถึงปัญหาและความสำคัญของเรื่องอากาศภายในบ้านที่เราต้องหายใจเข้าไปทุกวัน ล่าสุดได้จับมือกับแอพพลิเคชั่น Air Matters พัฒนาให้เครื่องฟอกอากาศ Philips Air Purifier Series 3000i  สามารถเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นได้ พร้อมลดปริมาณฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เพื่อให้ผู้บริโภควางใจว่าจะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นขณะอยู่ในบ้าน

แม้ว่ามลพิษในอากาศนอกอาคารมีปริมาณมากขึ้น จนทำให้ความเสี่ยงที่มลพิษเหล่านั้นจะส่งผลเสียต่อสุขภาพก็มีมากขึ้นเช่นกัน แต่จากสถิติกลับพบว่าอากาศภายในบ้านมีมลพิษสูงกว่า 2-5 เท่า[1] เลยทีเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้หรือกระตุ้นให้อาการภูมิแพ้แย่ลง

สำหรับโรคภูมิแพ้ แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่กลับส่งผลกระทบมากมายในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยร้อยละ 87 ของผู้ป่วยที่มีอาการเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ ในขณะที่ร้อยละ 92 ของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ยอมรับว่าโรคภูมิแพ้ของตนกระทบต่อการทำงาน การไปโรงเรียน และการใช้ชีวิตประจำวัน[2] 

  • แอพพลิเคชั่น Air Matters สามารถตรวจวัดมลพิษและละอองเกสรหลากหลายชนิด ซึ่งอาจเป็นสารก่อภูมิแพ้ และยังสามารถเก็บข้อมูลย้อนหลัง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวัดได้ว่าค่ามลพิษสูงถึงระดับใดจึงจะส่งผลต่ออาการภูมิแพ้ของตน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถควบคุมการเปิด-ปิด การตั้งค่า และการตั้งความเร็วพัดลมของเครื่องฟอกอากาศผ่านแอพพลิเคชั่นนี้ พร้อมทั้งสามารถเรียกดูข้อมูลระดับฝุ่นละอองจากเครื่องฟอกอากาศได้ด้วยถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในบ้าน และเมื่อใช้งานแอพพลิเคชั่น Air Matters ร่วมกับเครื่องฟอกอากาศ Philips Air Purifier Series 3000i จะช่วยให้อากาศภายในบ้านสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
  • กิจกรรมต่างๆ ที่ทำในชีวิตประจำวัน อาทิ การดูดฝุ่น การจัดเตียงในตอนเช้า และการตบหมอน ก็สามารถทำให้ฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ฟุ้งกระจายไปทั่วบ้าน เทคโนโลยี AeraSense เซ็นเซอร์ตรวจจับอนุภาคในอากาศ ที่มีประสิทธิภาพระดับเดียวกับ Professional Sensor[3] หรือเซนเซอร์ที่ใช้ในห้องแล็บและห้องปฏิบัติการ สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของมลพิษในอากาศแม้เพียงนิดเดียว พร้อมการแสดงผลแบบเรียลไทม์ และยังแสดงผลดัชนีสารก่อภูมิแพ้ในบ้านได้ถึง 12 ระดับ
  • มีโหมดการปรับตั้งค่าอัตโนมัติที่เรียกว่า Allergen Mode สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคภูมิแพ้โดยเฉพาะ คอยตรวจจับ และเมื่อพบการเพิ่มขึ้นของสารก่อภูมิแพ้จะทำการเร่งความเร็วลมของเครื่องฟอกอากาศแบบอัตโนมัติ ทำให้สามารถลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้ทันที มีระบบกรองอากาศหลายขั้นตอน สามารถดักจับฝุ่นละอองได้ถึงร้อยละ 7 และดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอนซึ่งเป็นขนาดทั่วไปของสารก่อภูมิแพ้ อนุภาค แบคทีเรียและไวรัส
  • โหมดการตั้งค่าพิเศษ Bacteria and Virus Mode และโหมดการทำงานทั่วไป ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าด้วยตัวเองได้ถึง 5 ระดับ ตั้งแต่โหมดการทำงานที่เงียบที่สุดอย่าง ‘Sleep’ Mode ไปจนถึงโหมดการทำงานสูงสุดแบบ ‘Turbo Speed’ เพื่อให้เหมาะสมกับระดับความบริสุทธิ์ของอากาศที่ต้องการ
  • สามารถใช้งานได้กับห้องที่มีขนาดสูงสุด 95 ตร.ม.2
  • ลดกลิ่น สารอินทรีย์ระเหยต่าง ๆ หรือ แม้กระทั่งแบคทีเรียบางชนิด ด้วยแผ่นกรองอากาศขั้นต้นและแผ่นกรอง HEPA ทำหน้าที่กำจัดอนุภาคต่าง ๆ ในขณะที่แผ่นกรอง Active Carbon จะช่วยลดก๊าซและกลิ่น

นางสาวสิริวรรณ นิจกิจจาทร ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจ  Personal Health บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ที่ฟิลิปส์ เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ผู้คนมีความเป็นอยู่ในบ้านที่ดีขึ้น เราจึงไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนานวัตกรรมของเราเพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค เราจึงได้พัฒนาเครื่องฟอกอากาศ Philips Air Purifier Series 3000i และจับมือกับแอพพลิเคชั่น Air Matters ตัวช่วยที่จะทำให้ทุกคนสามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้าน และลดสารก่อการระคายเคืองและสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ เพื่อลดอาการของโรคภูมิแพ้ ช่วยให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้รู้สึกปลอดภัยภายในบ้าน และสามารถตรวจวัดระดับสารก่อภูมิแพ้นอกบ้านได้อีกด้วย”

เครื่องฟอกอากาศ Philips Air Purifier Series 3000i ราคา 26,900 บาท วางจำหน่ายแล้วที่ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่

ศูนย์ข้อมูลผู้บริโภคฟิลิปส์ โทร. 02-614-3340

หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ฟิลิปส์ได้ที่ www.philips.co.th  หรือเฟซบุ๊ก www.facebook.com/philipsthailand

 

[1] ตัวเลขที่แท้จริง เท่ากับอัตราส่วนระหว่างภายใน/ภายนอกอาคาร ที่ 1.62–6.37 สำหรับเดือนในฤดูร้อน และ 2.05–10.99  สำหรับเดือนในฤดูหาว ข้อความและภาพจาก: T. Salthammer Angewandte Chemie Int. Ed. 52, (2013), 3320;

[2] Allergy UK, http://www.allergyuk.org/downloads/Corporate%20/final-haymax-report-2016-part-1.pdf 

[3] เซ็นเซอร์ที่มืออาชีพใช้ หมายถึง “Grim sensor” ซึ่งมีประสิทธิภาพในการตรวจจับที่ถือว่าได้มีความเที่ยงตรง ซึ่งมีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายในห้องทดลองเพื่อการวิจัยจำนวนมาก