เนื้อหาวันที่ : 2010-06-08 16:11:52 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 6391 views

Optical Fiber Test and Troubleshooting Solutions

เครื่องมือสำหรับตรวจสอบในงาน Optical Fiber ที่ทำงานได้ด้วยคนเดียว ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที

สมเกียรติ นิยมวัน
มนตรี วิฑูรทัศน์
ณัฏฐ์ชยธร วัทธิกรสิริกุล
บริษัท เมเชอร์โทรนิกซ์ จำกัด

.

.

เครื่องมือสำหรับตรวจสอบในงาน Optical Fiber ที่ทำงานได้ด้วยคนเดียว ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที

.
ปัญหาของระบบเครือข่าย Optical Fiber

จากประสบการณ์ของผู้ผลิตเครื่องมือวัดและทดสอบระบบเครือข่าย Fluke Networks สามารถรวบรวมปัญหาของระบบเครือข่ายที่เกิดขึ้นจากหลาย ๆ องค์กรได้ดังนี้

.

* การตรวจสอบว่าความพร้อมในการใช้งานหรือไม่ ?
* สายสัญญาณมีปัญหาในเรื่องของความยาวสายเกินกว่ามาตรฐานหรือไม่ ?
* สายสัญญาณมีการขาดหรือชอร์ตหรือไม่ ?
* การค้นหาปลายสายสัญญาณ
* ต้องการที่จะทราบว่าสายสัญญาณต่ออยู่ที่พอร์ตไหนของ Switch ?
* การเข้าหัวสายถูกต้องหรือไม่ ?
* การทดสอบการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายว่าได้หรือไม่ได้ ?
* และอื่น ๆ

.

.

จากปัญหาดังกล่าว Fluke Network ได้มีการพัฒนาเครื่องมือทดสอบระบบเครือข่ายแบบพกพา หลากหลายรุ่น ที่จะช่วยให้ผู้ดูแลและแก้ไขปัญหาระบบเครือข่ายสามารถลดเวลาในการแก้ไขปัญหาของระบบเครือข่ายได้อย่างมาก    

.

Fiber OneShotTM Optical Test Set
เครื่องทดสอบสายไฟเบอร์แบบ Single Mode
สำหรับงาน Fiber to Home และ CATV

.

Fiber OneShotTM Optical Test Set ชุดเครื่องมือขนาดมือถือ ตัวใหม่ล่าสุดจาก FlukeNetworks ที่ช่วยให้งานตรวจสอบสายไฟเบอร์แบบ Single Mode ที่ยุ่งยากซับซ้อน กลายเป็นงานง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ทำได้ ด้วยการออกแบบให้สามารถทำการทดสอบได้ในปุ่มกดเดียว ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ 

.

Fiber OneShotTM เป็นเครื่องทดสอบสายสัญญาณไฟเบอร์ออปติก ที่ออกแบบมาสำหรับการตรวจค้นแก้ไขปัญหาหลัก 3 อย่าง ในงานไฟเบอร์ได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่
     1. ตรวจสอบว่าสายไฟเบอร์แอกทีฟอยู่หรือไม่
     2. หาความยาวของสายไฟเบอร์ไปยังจุดที่มีปัญหา
     3. หาความยาวตลอดสายไฟเบอร์ไปถึงปลายสาย

.

Fiber OneShotTM มีขนาดกะทัดรัด ทนทาน ใช้งานง่าย สำหรับการทดสอบสัญญาณไฟเบอร์แบบ Single Mode โดยเฉพาะ ตรวจสอบภาวะแอกทีฟของสาย, สายหัก, หน้าสัมผัสแสงสกปรก, หาความยาวสายไปยังจุดที่มีปัญหาได้ไกล 9,999 ฟุต โดยไม่มี Dead Zone

.
การแสดงผลที่หน้าจอ

.
1 - CheckActive? ใช้ตรวจสอบสายไฟเบอร์มีสัญญาณ (Active) เครื่องจะไม่ทำการทดสอบถ้ามีสัญญาณ
2 - แสดงแบตเตอรี่อ่อน
3 - แสดงความยาวของสายและหน่วยวัดความยาว
4 - แสดงการตั้งเวลา Backlite เป็นวินาที
5 - จำนวนครั้งของ Error
6 - แจ้งการวัดความยาวเสร็จสิ้น
7 - อยู่ในโหมดการวัดความยาว
8 - > หมายถึง ความยาวเกินย่านวัด
     < หมายถึง สายสั้นเกินกว่าที่จะวัดได้อย่างแม่นยำ
9 - การตั้งค่าของมิเตอร์
.

ตัวอย่างการเชื่อมต่อเพื่อทดสอบสายไฟเบอร์

.

SimpliFiber Pro Optical Power Meter and Fiber Test Kits
มิเตอร์วัดกำลังและกำลังสูญเสียในสายออปติคอลไฟเบอร์

.

SimpliFiber Pro เป็นเครื่องทดสอบและชุดทดสอบสายออปติคอลไฟเบอร์ ที่ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่าย ลดกระบวนการทดสอบที่หน้างาน ในงานตรวจทดสอบและแก้ไขปัญหาในระบบสายออปติคอลไฟเบอร์, วัดระดับกำลังงานและกำลังสูญเสีย, ตรวจสอบขั้วต่อ และทำความสะอาดหน้าสัมผัสแสง

.
1. ลดขั้นตอนที่ซับซ้อน โดยใช้การทดสอบ 2 ความยาวคลื่น (Dual-wavelength) พร้อมกัน
2. ตรวจสอบสายไฟเบอร์ที่กำลังใช้งานแบบไม่ต้องสัมผัสได้ โดยไม่ต้องเชื่อมต่อเข้าไปในพอร์ต
3. ใช้ผู้ปฏิบัติงานเพียงคนเดียว ทดสอบได้เบ็ดเสร็จในทุกขั้นตอน จากเดิมที่ต้องใช้กันเป็นทีมงาน
.

.

คุณสมบัติเด่น

* ทำการทดสอบและบันทึกผล พร้อมกันในครั้งเดียว 2 ความยาวคลื่น เสร็จสิ้นในเวลาเพียงครึ่งเดียว
* ช่วงความยาวคลื่น 850, 1300, 1310, 1550 nm ตรวจหาความยาวคลื่นทดสอบได้โดยอัตโนมัติ 
* พร้อมความยาวคลื่นเพิ่มใหม่ 1490, 1625 nm ใช้งานได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น
* ฟังก์ชั่น CheckActive? แจ้งเตือนด้วยเสียงและไอคอน เมื่อตรวจพบสายที่แอกทีฟ
* มีตัวกำเนิด FindFiber? Remote ID เพื่อค้นหาและแยกแยะสาย
* วัดค่า Min/Max ได้ เพื่อตรวจติดตามสัญญาณ Power ที่ขึ้นลงไม่แน่นอน
* มีหน่วยความจำเก็บบันทึกค่าวัดได้ถึง 1000 ผลลัพธ์ ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
* มีซอฟต์แวร์ LinkWare Cable Test Management สำหรับวิเคราะห์ผลและออกรายงานอย่างมืออาชีพ
* จัดเป็นชุด Kit ที่เหมาะกับงานหลากหลาย มีอุปกรณ์ครบถ้วน บรรจุในกระเป๋าเครื่องมือที่แข็งแรง
.

ตัวอย่างหน้าจอแสดงผลการใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ

.

ฟังก์ชั่น CheckActive? แจ้งเตือนด้วยเสียงและไอคอน

.

การใช้งาน FindFiberTM Remote ID เพื่อค้นหาและแยกแยะสาย

.

LinkRunnerTM Duo Network Multimeter
เน็ตเวิร์กมัลติมิเตอร์สำหรับตรวจสอบคุณภาพการเชื่อมต่อ
ของไฟเบอร์และสายทองแดงที่ระดับ Gigabit Ethernet

.

LinkRunner เป็นเครื่องมือสำหรับการตรวจค้นและแก้ปัญหาการเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย ที่มีความสามารถสูง ตรวจสอบได้หลากหลาย สมรรถนะและเชื่อถือได้เหนือกว่าคอมพิวเตอร์ ในขนาดที่เล็กกะทัดรัด พกพาในกระเป๋าได้ สะดวกในการใช้งานทุกที่ ทุกสถานการณ์ LinkRunner Duo ใช้ได้กับสายทองแดงและไฟเบอร์

.

คุณสมบัติเด่น
* ตรวจสอบ Link ระบุความสามารถของ Speed/Duplex และยืนยันความเร็วที่เชื่อมต่อได้ทั้ง 10/100 และ Gigabit
* Ping ไปยัง Action ต่าง ๆ เพื่อวัดสถิติการตอบสนองของ Default Router, DNS Server หรืออุปกรณ์หลักอื่น ๆ ที่ความเร็ว 10/100 และ Gigabit
* ตรวจสอบสายสัญญาณ โดยจะโชว์ Wiremap ทุกเส้น, ความยาว และสามารถตรวจหาสายขาดและชอร์ตได้
* สามารถระบุ Port/Slot, Switch Name, Default Router ซึ่งสนับสนุน Switch จำพวก CDP, EDP และ LLDP

.

* มีฟังก์ชั่น Blink Port โดยส่งไฟกระพริบไปที่ Switch หรือ Hub เพื่อตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ และค้นหา Port ปลายทางได้
* ตรวจสอบ PoE ได้ โดยบอกว่า PoE วิ่งเส้นไหน แรงดันเท่าใด
* ตรวจสอบ 802.1x ได้ ซึ่งจะสามารถระบุได้ว่า Config ค่าถูกหรือผิด
* ออก Report ได้
* สามารถส่ง Tone เพื่อใช้กับ Intellitone Pro 200 Probe ในการค้นหาปลายสาย

.
การตรวจสอบความพร้อมในการใช้งานของพอร์ต

ในหลายองค์กรมักจะประสบกับปัญหาการย้ายที่ของผู้ใช้งาน ซึ่งผู้ดูแลระบบเครือข่ายจะต้องทำการตรวจสอบว่าพอร์ตดังกล่าวที่ผู้ใช้งานจะย้ายไปนั้น อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานหรือไม่ ?, พอร์ตดังกล่าวต่ออยู่พอร์ตไหนของ Switch ?, การตรวจสอบการจัดตั้งค่า VLAN ของพอร์ตว่าถูกต้องหรือไม่ 

.

ในกรณีที่ผู้ดูแลไม่มีเครื่องมือเฉพาะ ก็อาจแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นได้ โดยการนำ Notebook ไปต่อกับพอร์ตดังกล่าวแล้วดู LED ที่ด้านหลังว่าติดหรือไม่ ถ้าติดก็ควรที่จะใช้ได้ ถ้าไม่ติดก็เป็นไปได้ว่ายังไม่มีการ Patch สายระหว่าง Switch กับ Patch Panel หรือไม่ก็อาจจะมีปัญหาที่สายสัญญาณอาจจะขาดหรือชอร์ตก็ได้ วิธีนี้ยุ่งยาก ใช้เวลา และไม่ชัดเจน

.

.

กรณีที่ใช้ LinkRunner Duo ผู้ดูแลระบบเครือข่ายก็เพียงแค่ต่อสาย UTP ที่ต้องการทดสอบเข้ากับพอร์ต LAN ของ LinkRunner ตัวเครื่องก็จะทำการแสดงผลการทดสอบให้ทราบทันที ดังตัวอย่างต่อไปนี้

.
* เมื่อพอร์ตดังกล่าวไม่ได้ต่ออยู่กับ Switch ตัวเครื่องก็จะทำการแสดงเป็นความยาวของสาย
.

* ในกรณีที่สายสัญญาณเกิดการชำรุด เช่น ขาดหรือชอร์ต ตัวเครื่องก็จะทำการแสดงระยะที่สายสัญญาณเกิดการขาดหรือชอร์ต ซึ่งเราสามารถที่จะเลือกให้แสดงหน่วยวัดเป็นฟุตหรือเป็นเมตรได้

.
สายเคเบิลยาว 20 ฟุต สายเส้นที่ 3, 6 ชอร์ตที่ระยะ 10 ฟุต 
.
สายเคเบิลยาว 20 ฟุต สายเส้นที่ 4, 5 ขาดที่ระยะ 7 ฟุต
.
* ในกรณีที่พอร์ตชำรุดหรือว่าไม่มีการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

.

* ในกรณีที่พอร์ตดังกล่าวอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ตัวเครื่องจะทำการแสดงความเร็วเช่น 10, 100 หรือ ว่า 1000 และ Duplex เช่น Half Duplex (HDX) หรือ Full Duplex (FDX) ของ Switch ที่สามารถให้บริการการเชื่อมต่อ    

.
ตรวจสอบชนิดของสาย, Speed และ Duplex

LinkRunner Duo ยังสามารถแสดงถึงสายสัญญาณที่ใช้ในการเชื่อมต่อว่าเป็นสายตรงหรือสายไขว้ ซึ่งปกติการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ไปยัง Switch นั้นจะใช้สายตรง ส่วนการเชื่อมต่อระหว่าง Switch กับ Switch จะใช้สายไขว้ ยกเว้นในกรณีของ Switch ที่มี Function Auto-MDI/X Switch จะสามารถทำงานได้ไม่ว่าจะใช้สายตรงหรือสายไขว้

.

.

นอกจากนั้นตัวเครื่องยังแสดงถึง Speed และ Duplex ที่ทำการเชื่อมต่อได้ อีกทั้งยังสามารถที่จะบอกความยาวของสายที่สัญญาณ ในกรณีที่พอร์ตดังกล่าวเป็นพอร์ต 10/100 โดยไม่จำเป็นต้องถอดสายออกจาก Switch แต่ในกรณีที่พอร์ตดังกล่าวเป็นพอร์ต 1000 จำเป็นที่จะต้องปลดสายออกจาก Switch

.
การตรวจสอบพอร์ต Fiber Optic ว่าพร้อมใช้งานหรือไม่

ปัจจุบันได้มีการนำสาย Fiber Optic มาใช้ในโครงข่ายหลักสำหรับการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย ถึงแม้ปัญหาของระบบเครือข่าย Fiber Optic จะน้อยกว่าสาย UTP แต่ผู้ดูแลระบบยังมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่สามารถระบุปัญหาของเหตุการณ์ว่ามาจากอุปกรณ์หรือว่าสาย Fiber Optic

.

.

Link Runner Pro Duo มีช่องสำหรับต่อ Fiber Optic แบบ SFP (ซึ่งต้องใช้ GBIC Module ชนิด 1000 Base-SX หรือ 1000 Base-LX เพิ่มเติม) ประโยชน์จากการใช้ GBIC Module ก็คือ สามารถทดสอบพอร์ต Fiber Optic ของอุปกรณ์ว่าดีหรือเสียได้ โดยแสดงเป็นระดับของกำลังส่งของพอร์ต Fiber Optic

.

.

นอกจากนั้นเรายังสามารถทำการ Ping Test เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อระหว่าง LinkRunner Duo กับ Switch ได้ ถ้าทดสอบแล้วพอร์ต Fiber Optic ไม่เสียก็แสดงว่าปัญหาเกิดจากสาย Fiber Optic เอง

.
การตรวจสอบระดับแรงดัน  PoE (Power Over Ethernet)

.

หลายองค์กรได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ Access Point, IP Phone ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวใช้ไฟผ่านทางสาย LAN โดยตามมาตรฐาน 802.3af (Power Over Ethernet) นั้นจะกำหนดระดับแรงดันฟ้ากระแสตรงที่ประมาณ 48V DC และคู่สายที่ใช้ในการจ่ายไฟจะใช้คู่ที่ 1-2, 3-6 

.

.

ถ้า Access Point ที่เราติดไว้ที่บนเพดานแล้วไม่ทำงาน เราต้องการที่จะทราบว่ามีปัญหาจากอุปกรณ์หรือสายสัญญาณ เราเพียงแค่เอาสาย LAN ที่ต่ออยู่กับ Access Point มาต่อที่พอร์ต LAN ของ Link Runner Pro Duo ก็สามารถแสดงระดับแรงดันและคู่สาย ถ้ามีระดับแรงดันขึ้น ก็แสดงว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่ตัวอุปกรณ์ Access Point

.
สายสัญญาณมีปัญหาความยาวเกินกว่ามาตรฐานหรือไม่ ?

โดยปกติความยาวสายตามมาตรฐานจะต้องไม่เกิน 100 เมตร ซึ่งอาจมีคำถามว่าถ้าเกิน 100 เมตรแล้วจะเกิดอะไรขึ้น การที่สายเคเบิลยาวเกินกว่า 100 เมตร จะทำให้เกิดการลดทอนของสัญญาณค่อนข้างสูง มีผลทำให้ระดับของสัญญาณอ่อนลง เกิดอาการเชื่อมต่อได้บ้างไม่ได้บ้าง

.

.

อีกทั้งยังทำให้เกิดการล่าช้าของสัญญาณ (Delay) ซึ่งทำให้ฝั่งที่ส่งข้อมูลออกไป ต้องรอสัญญาณตอบกลับจากฝั่งรับข้อมูลว่าได้รับหรือยัง โดยรอสัญญาณตอบกลับที่ค่าเวลาหนึ่ง ถ้ายังไม่ได้รับก็จะทำการส่งข้อมูลออกไปอีกครั้ง ทำให้ระบบเครือข่ายเกิดการ Retransmit ตลอดเวลา

.
สายสัญญาณมีการขาดหรือชอร์ตที่ใด ?

ปัญหาสายขาดหรือชอร์ต ส่วนมากมักจะเกิดจากพวกสัตว์กัดแทะ เช่น หนูกัดสายขาด โดยเฉพาะหากมีการติดตั้งสายบนฝ้าเพดานโดยไม่มีการร้อยลงในท่อ Flex ยิ่งมีโอกาสเกิดปัญหาบ่อยมาก

.

.

การที่เราทราบจุดที่สายขาดหรือชอร์ตว่าอยู่ที่ระยะเท่าใด จะเป็นการช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถประเมินได้ว่าควรที่จะทำการเดินสายใหม่ หรือแค่เพียงทำการแก้ไขสาย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดสายมีความยาว 80 เมตร และมีการขาดที่ระยะ 40 เมตร ผู้ดูแลอาจตัดสินใจเดินสายใหม่เป็นการง่ายกว่า แต่ถ้าสายขาดที่ระยะ 5 เมตร ก็ดำเนินการซ่อมแซมก็เพียงพอ

.
การค้นหาปลายสายสัญญาณ

การค้นหาปลายสายสัญญาณเป็นปัญหาที่แทบทุก ๆ องค์กรมักประสบกัน เพราะในการติดตั้งระบบในครั้งแรกจะมีการทำ Label ที่ต้นสายและปลายสาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปมีการติดตั้งสายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นก็ไม่มีการทำ Label ที่ต้นสายและปลายสายที่ทำการติดตั้งใหม่ อีกทั้ง Label ตัวเก่าก็ยังหลุดหรือหาย

.

.
การค้นหาปลายสายนั้นเป็นงานที่ค่อนข้างใช้เวลามาก หากไม่มีเครื่องมือทดสอบเฉพาะ ก็อาจใช้วิธีการเบื้องต้นดังนี้

* ในกรณีที่สายต่ออยู่กับ Switch ก็ใช้บุคลากร 2 คน โดยที่คนหนึ่งอยู่ที่คอมพิวเตอร์ คอยถึงสายเข้าออก ๆ จากพอร์ต LAN ของคอมพิวเตอร์ และอีกคนก็อยู่ที่หน้า Switch คอยดูว่า LED ของพอร์ตไหนติดดับ ๆ ซึ่งปัญหาของวิธีนี้ก็คือ ผู้ที่อยู่หน้า Switch มักจะแยกไม่ออกว่า พอร์ตไหนติดหรือดับ และผู้ที่คอยดึงสายเข้าออกจากพอร์ต LAN ของคอมพิวเตอร์ ไม่มีจังหวะสม่ำเสมอในการดึงสายเข้าหรือออก ทำให้ยากที่จะดูจังหวะของการกระพริบได้สอดคล้องกัน

.

* ในกรณีที่สายต่ออยู่กับ Switch และ Switch ดังกล่าวสามารถที่จะบริหารจัดการผ่านทาง Command Line หรือ Webbase ได้ ก็ใช้คำสั่งในการค้นหา ถ้าทราบ MAC Address ของเครื่องที่ต่ออยู่

.

ซึ่งวิธีการนี้สามารถทำงานได้ แต่ต้องจำคำสั่ง Command Line และใช้เวลามากในกรณีที่มี Switch เป็นจำนวนมาก
.

* ในกรณีที่ยังไม่มีการต่อสายเข้ากับ Switch และสายไม่ยาวมากนัก อาจใช้วิธีการไล่สายหรือกระตุกสายไปเรื่อย ๆ หรือไม่ก็ดูว่ามีสายใดยังไม่ต่ออยู่กับ Switch ก็นำไปต่อเข้ากับพอร์ตของ Switch แล้วดูว่าไฟติดหรือไม่ วิธีนี้ก็ค่อนข้างเสี่ยง หากสายสัญญาณดังกล่าวเป็นสายที่ Backup ไว้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการลูปของระบบเครือข่ายได้

.

.

ที่กล่าวไปทั้งหมดกลายเป็นเรื่องง่ายเมื่อใช้ LinkRunner Duo โดยการส่งสัญญาณไฟกระพริบไปที่พอร์ตของ Switch และสามารถปรับความเร็วในการกระพริบได้ หากคิดว่ายังเป็นการยากที่จะดูการกระพริบของ LED จำนวนมากได้ ก็มีเทคนิคง่าย ๆ เช่น เมื่อมี Switch 24 พอร์ต ก็ให้ทำการดูพอร์ตที่ 1-12 ก่อนว่ามีพอร์ตไหนดับบ้าง แล้วคอยสัก 5 วินาที เพื่อที่จะรอดูว่า LED ติดขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่ติดก็ไปดูพอร์ตที่ 13-24 ต่อไป

.
การค้นหาปลายสายด้วยเสียง

หรือเราจะใช้ฟังก์ชั่นการค้นหาปลายสายด้วยเสียงก็ได้ วิธีการนี้ ตัว LinkRunner Duo จะทำการส่งสัญญาณความถี่เสียงเข้าไปในสายเคเบิล ซึ่งการที่จะฟังความถี่เสียงดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์เสริม รุ่น MT-8200-63A IntelliTone 200 Probe 

.

ที่ตัว IntelliTone Probe ดังกล่าวจะมีตัว LED ระดับ 1-8 เพื่อใช้ในการแสดงระดับของสัญญาณ เราเพียงแต่นำ Probe ไล่ตามแนวสายหรือเตะที่สาย ซึ่งถ้าระดับของ LED ปรากฏขึ้นก็แสดงว่าเป็นแนวสายหรือสายเคเบิลที่เราค้นหา และถ้าระดับของสัญญาณถึงเลข 8 แสดงว่าใช่สายเคเบิลที่เราค้นหา

.

.

ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นของวิธีการค้นหาปลายสายด้วยเสียงก็คือ การเกิดการเหนี่ยวนำข้ามสายที่อยู่ชิดกัน ทำให้เกิดการสับสนหรือไม่แน่ใจ วิธีแก้ปัญหาก็คือ ที่ด้านท้ายของตัว Probe จะมีช่องต่อ RJ-45 อยู่ ให้ทำการดึงสายที่เราสงสัยไปต่อยังช่องดังกล่าว แล้วปรับ Rotary Switch ไปที่ตำแหน่ง Cable Map จะเป็นการทดสอบการเข้าหัวสาย (Wiremap) 

.

ถ้าใช่สายที่เราค้นหา LED ที่ตัว Probe จะติดไล่ไปตั้งแต่ระดับ 1- 8 ไปเรื่อย ๆ ซึ่งหากสายดังกล่าวขาด LED ของเส้นที่ขาดก็จะไม่ติด หรือถ้ามีการชอร์ตกัน LED ของเส้นที่ชอร์ตก็จะติดพร้อมกัน แต่ถ้าเกิดการเข้าหัวสลับคู่กัน LED จะติดแบบไม่ไล่เรียงลำดับ 1–8

.

.

นอกจากวิธีการค้นหาปลายสายด้วยเสียงแล้ว ตัว LinkRunner Duo ก็ยังสามารถแสดง Model, Slot และ Port ของ Switch ที่รองรับ LLDP หรือ CDP ที่ใกล้ หรือที่ LinkRunner Duo ต่ออยู่ แต่ฟังก์ชั่นนี้ Switch จะต้องเปิดฟังก์ชั่น LLDP (Link Layer Discovery Protocol) หรือ CDP (Cisco Discovery Protocol) ซึ่งในปัจจุบันบริษัทผู้ผลิต Switch หลาย ๆ ยี่ห้อก็ได้สนับสนุน LLDP 

.
การเข้าหัวสายถูกต้องหรือไม่ ?

การเข้าหัวสาย LAN ตามมาตรฐานมีอยู่ 2 แบบ คือ T568A และ T568B ซึ่งหลายท่านอาจจะไม่คุ้นเคย เพราะในบ้านเรานิยมเรียกว่า Type A และ Type B การเข้าหัวจะเรียงสีตามตารางด้านล่าง

.

.

ปกติเราใช้สาย LAN แบบสายตรงในการเชื่อมต่อระหว่างเครื่อง Computer กับ Switch สายตรงก็คือ การเข้าหัวสายตาม Type ที่เราเลือกทั้งสองด้าน แต่ถ้าเราต้องการต่อระหว่างอุปกรณ์ประเภทเดียวกัน เช่น Switch กับ Switch หรือ PC กับ PC เราจะใช้สายไขว้ คือด้านหนึ่งเข้าหัวแบบ Type A และอีกด้านหนึ่งเข้าหัวแบบ Type B ในปัจจุบันตัว Switch เองมักมีฟังก์ชั่น Auto MDI/X ซึ่งไม่ว่าเราจะใช้สายตรงหรือสายไขว้ ก็สามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ

.

.

การทดสอบการเข้าหัวสายนั้น หลาย ๆ แห่งมักมีอุปกรณ์ทดสอบแบบ LED ซึ่งดูผลการทดสอบจาก LED ว่าติดครบทั้ง 8 ดวงหรือไม่ ถ้าดวงไหนไม่ติดก็แสดงสายเส้นดังกล่าวขาด แต่ไม่อาจทราบได้ว่าขาดที่ระยะเท่าไร แต่ถ้าใช้ LinkRunner Duo เราสามารถทำการตรวจสอบการเข้าหัวสายและทราบระยะที่สายขาดหรือชอร์ตได้ทันที

.
การทดสอบการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย

โดยทั่วไปผู้ดูแลระบบมักใช้คำสั่ง Ping เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ซึ่ง Link Runner Pro Duo ก็ใช้วิธีการดังกล่าวเช่นกัน แต่ LinkRunner Duo ไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ, ไม่ได้ใช้ Driver, ไม่มีการติด Virus บางกรณีที่ใช้เครื่อง Computer ทำการ Ping Test ไม่สำเร็จ แต่ใช้ LinkRunner Duo ทำการ Ping Test ผ่าน ก็แสดงว่ามีปัญหาที่ Computer เสียเอง

.

.

นอกเหนือจากการเป็นเครื่องมือทดสอบเน็ตเวิร์กที่มีความสามารถครบถ้วน เชื่อถือได้สูงเหนือกว่าคอมพิวเตอร์แล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญก็คือ LinkRunner Duo มีขนาดเล็กกะทัดรัด สามารถพกพาได้สะดวก นำไปใช้งานได้ทุกที่

.
สามารถตั้งค่า IP Address ทั้งทั้งแบบ Fix IP หรือ DHCP
.
กำหนด IP Address ปลายทางที่ต้องการทดสอบ
.

ผลการทดสอบ   
.

จากที่กล่าวไปนั้นเป็นเพียงปัญหาในระดับชั้น Physical และ Data Link ซึ่งเป็นปัญหาที่หลาย ๆ องค์กรประสบอยู่ และค่อนข้างใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา เครื่องมือทดสอบที่ดี มีสมรรถนะและขีดความสามารถในการทดสอบได้หลากหลาย ครบถ้วน เชื่อถือได้ ช่วยลดเวลาในการแก้ไขและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา เป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย และช่วยให้มีเวลาวางแผนบำรุงรักษาระบบเครือข่ายให้มีความพร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้งาน และองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดไป

.
เครื่องมือจาก FlukeNetworks รุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ 

FlukeNetworks ยังมีเครื่องมือในงานเครือข่ายรุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจสำหรับ Network Managers และ Network Support Technicians ในงานติดตั้งและซ่อมบำรุง ที่ต้องมีการปรับปรุง, เพิ่มเติม, เปลี่ยนแปลงระบบเครือข่าย เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา

.
CableIQ Qualification Tester? 
เครื่องทดสอบประสิทธิภาพสายเคเบิล 

ใช้ในการวัด Cabling Bandwidth และแสดงคุณสมบัติของสายสัญญาณ ว่าสามารถรองรับ Bandwidth 10/100, VoIP และ Gigabit Ethernet ได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหาทางด้าน Network Cabling ได้ถึง 50%

.

.

* เป็นเครื่องมือที่บอกประสิทธิภาพ และช่วยแก้ปัญหาทางด้านสายเคเบิลได้เป็นอย่างดี
* หาความยาว, ตำแน่งขาด, Short, Open, Split ของสายได้
* มี Function ตรวจหา Crosstalk และ Impedance ของสาย
* มี Wire Map ของการเข้าหัวของสาย
* Support RJ45, RJ11, Coax

.

* สามารถตรวจสอบสายได้ว่า รองรับ 10/100, Gigabit Ethernet และ VoIP หรือไม่ ?
* มี Function Blink Port ที่ Flash ไฟไปที่ Switch หรือ Hub เพื่อตรวจสอบการทำงานของ Device และค้นหา Port ปลายทางได้
* สามารถ Discover ไปถึง Device และบอก Speed ของ Device ได้
* เก็บข้อมูลได้ 250 ผล
* รองรับ 10/100 ,Gigabit Ethernet, VoIP, CCTV และTelco

.
DTX-1800 Cable Analyzer? 
เครื่องตรวจรับรองสาย LAN แบบ Portable

ปัญหา 80% ของระบบ LAN มาจากสายที่ไม่มีคุณภาพ, ไม่ผ่านตามมาตรฐาน และความบกพร่องของผู้ติดตั้ง อยากรู้ว่า LAN ของท่านเร็วแค่ไหน ?, สาย LAN ของท่านได้รับใบ Certificate ทุกจุด ตาม CAT ที่ท่านเลือกหรือไม่ ? มอบภาระนี้ให้กับ DTX-1800 สุดยอด Cable Tester ของโลก

.

.

* ใช้ทดสอบสายตาม CAT 6 Certification* และทำ Certifies for twisted pair ได้ถึง Class F limits (600 MHz)
* ระบุตำแหน่งของสายที่เกิดปัญหาและ สิ่งที่อาจเป็นสาเหตุ รวมทั้งทำ Identify Corrective Action
* ความถูกต้องระดับ Level IV Accuracy
* หน่วยความจำภายใน เก็บผลการทดสอบ CAT 6 แบบกราฟิกได้ 250 รายงาน และหน่วยความจำถอดได้ขนาด 128 MB เก็บได้ 2,000 รายงาน
* มี USB และ Serial Interface ส่งข้อมูลไปยัง LinkWare? Software ในการออกรายงานผลการวัด
* สื่อสารระหว่างตัว Main และ Remote ได้ โดยผ่าน Talk Set

.

* CAT 6 เป็นระดับคุณภาพสายนำสัญญาณแบบ UTP (Unshielded Twist Pair) ความเร็วสูง มีขนาด Bandwidth 250 MHz รองรับ Throughput ได้ถึง 10,000 Mbps

.
DTX CableAnalyzer? with Compact OTDR Module 
เครื่องทดสอบสายสัญญาณไฟเบอร์ออปติก

DTX Compact OTDR เป็นเครื่องทดสอบสายสัญญาณระดับอัจฉริยะ เป็นทั้ง Optical Time Domain Reflectometer (OTDR) ทดสอบเส้นใยแก้วนำแสง และทดสอบสายทองแดงได้ในเครื่องเดียว มีขนาดกะทัดรัด

.

.

* ทดสอบและตรวจค้นปัญหาในเส้นใยแก้วนำแสง แบบผู้เชี่ยวชาญ ด้วย DTX Compact OTDR ใช้งานง่ายดาย
* ทดสอบ OTDR Trace ได้ทั้งแบบ Singlemode และ Multimode ที่ความยาวคลื่น 850 nm, 1300 nm, 1310 nm, 1550 nm
* สามารถวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาในเส้นใยแก้วนำแสงเบื้องต้นด้วย Visual Fault Locator (VFL) ในตัว
* ทำ Certification Test Reports แบบมืออาชีพ ด้วยซอฟต์แวร์ LinkWare Results Management

.

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่
บริษัท เมเชอร์โทรนิกซ์ จำกัด
2425/2 ถนนลาดพร้าว ระหว่างซอย 67/2-69 แขวงสะพานสอง เขตวังทองหลาง กรุงเทพ ฯ 10310
โทรศัพท์ 0-2514-1000, 0-2514-1234 โทรสาร 0-2514-0001, 0-2514-0003
http://www.measuretronix.com
E-mail:
info@measuretronix.com