เนื้อหาวันที่ : 2016-08-25 12:09:25 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2044 views

กองบรรณาธิการ

 

 

บ๊อช ตอกย้ำความสำเร็จของยอดขายรวมในประเทศไทยในปีที่ผ่านมา เติบโตร้อยละ 22 ตั้งเป้าปี 2559 เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งวางงบประมาณการลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท สร้างโรงงานผลิตระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในไทย เพื่อยกระดับเทคโนโลยียานยนต์ให้ล้ำหน้าและรองรับการเติบโตของอุปสงค์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

 

     บ๊อช ตอกย้ำความสำเร็จของยอดขายรวมในประเทศไทยในปีที่ผ่านมา เติบโตร้อยละ 22 ตั้งเป้าปี 2559 เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งวางงบประมาณการลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท สร้างโรงงานผลิตระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในไทย เพื่อยกระดับเทคโนโลยียานยนต์ให้ล้ำหน้าและรองรับการเติบโตของอุปสงค์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

 

 

มร.โจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการบ๊อช ประเทศไทย

 

          มร.โจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการบ๊อช ประเทศไทย กล่าวว่า "ปัจจุบันประเทศไทยก็ยังคงเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับบ๊อช เราคาดการณ์ว่าความต้องการผลิตภัณฑ์และการบริการต่าง ๆ จากบ๊อชจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ" นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมด้วยว่า "บ๊อชเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างความแตกต่างให้กับประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2466 ด้วยความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนา "เทคโนโลยีเพื่อชีวิต"

 

          ในปี พ.ศ.2558 บ๊อชมีพนักงานในประเทศไทยกว่า 1,100 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปี พ.ศ.2559 ตามธุรกิจที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

การพัฒนาธุรกิจของ บ๊อช ในประเทศไทย

 

          ผลผลิตจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี พ.ศ.2558 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากการเติบโตของตลาดส่งออก แม้ว่ายอดขายในประเทศจะลดลงก็ตาม อย่างไรก็ดี ธุรกิจโซลูชั่นแห่งการขับเคลื่อน (Mobility Solutions) ของบ๊อชในไทยมียอดขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่มาจากยอดขายของแผนกระบบแชสซี (Chassis Systems)

 

          ธุรกิจเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมีการขยายงานด้านระบบไฮดรอลิกและโซลูชั่นบรรจุภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมในปี 2558 จึงคาดว่าจะมีแนวโน้มของผลการดำเนินงานในทางบวกในปี พ.ศ.2559 นี้ ในขณะที่ยอดขายจากกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในประเทศในปีที่ผ่านมา แต่กลุ่มธุรกิจด้านพลังงานและเทคโนโลยีการก่อสร้างของบริษัทมีทิศทางที่ดี เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลได้อนุมัติโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานสำคัญ ๆ ในช่วงครึ่งปีหลังของปีพ.ศ.2558

 

          สำหรับในปีนี้ บ๊อช ประเทศไทย ยังคงตั้งเป้าการเติบโตอยู่ที่ตัวเลข 2 หลัก ซึ่งปัจจัยความท้าทาย ยังคงมาจากเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทยที่ยังคงแข็งแกร่ง อีกทั้งอุปสงค์ทางด้านเทคโนโลยีการขับเคลื่อนยังคงเพิ่มสูงขึ้น สามารถทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง

 

 

บ๊อช ทุ่มทุนกว่า 1 พันล้านบาท สร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในไทย

 

          บ๊อชยังคงเชื่อมั่นในภาพรวมของตลาดไทยว่าจะยังเป็นศูนย์กลางด้านยานยนต์ต่อไป โดยได้ประกาศแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง (Gasoline Injection System)  ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน บ๊อชมีโรงงานผลิตระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง 7 แห่งทั่วโลก โดยมี 3 แห่งตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย (จีน ญี่ปุ่น และไทย) ในปี พ.ศ.2559 บ๊อชมีแผนลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท ในการสร้างโรงงานแห่งนี้รวมทั้งโครงสร้างขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เมื่อแล้วเสร็จ โรงงานแห่งใหม่นี้จะช่วยให้บริษัทผลิตหัวฉีดเชื้อเพลิงได้ถึง 1 ล้านเครื่องต่อปี โดยจะเริ่มการผลิตได้ในช่วงกลางปี พ.ศ.2560 ซึ่งการพัฒนาธุรกิจครั้งนี้ คาดว่าจะสร้างงานได้มากกว่า 800 ตำแหน่งภายในสิ้นปีหน้า “โรงงานแห่งใหม่นี้จะช่วยตอบสนองอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในภูมิภาคนี้ และจะช่วยสร้างอาชีพให้กับคนไทยอีกด้วย" มร.ฮง กล่าว

 

ศูนย์วิจัยและพัฒนายานยนต์แห่งใหม่

 

          นอกจากการก่อสร้างโรงงานผลิตระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงแห่งแรกในไทยแล้ว บ๊อชยังได้วางแผนจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาที่นี่ด้วย เพื่อพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจด้านยานยนต์และโมบิลิตี้โซลูชั่นของบริษัทให้รุดหน้า มร.โจเซฟ ฮง กล่าวว่า "ศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งนี้จะดึงเอาวิศวกรที่มีความสามารถจากหลากหลายแขนง โดยเฉพาะสาขาวิศวกรรมยานยนต์และเครื่องกลให้เข้ามาร่วมงานกับเรา"  นี่จึงเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งแรกของบ๊อชในเมืองไทย ตอกย้ำถึงความสำคัญของประเทศไทยต่อกลุ่มบริษัทบ๊อช

 

บ๊อช ยังยึดมั่นในหลักการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน

 

          ตลอดปีที่ผ่านมา บ๊อชยังคงสานต่อความมุ่งมั่นที่มีมาอย่างยาวนาน ในการมอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาส และช่วยให้เด็ก ๆ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บริษัทได้ให้การสนับสนุน “มูลนิธิมือต่อมือ (Hand-to-Hand Foundation)ในพัทยา ในการให้การศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่ด้อยโอกาส นอกจากนี้ บ๊อชยังได้สนับสนุน “มูลนิธิทักษะเพื่อชีวิต (Skills for Life Foundation)” ในเชียงใหม่ โดยสนับสนุนให้เยาวชนชาวเขาสามารถพึ่งพาตนเองและหาเลี้ยงชีพอย่างพอเพียงได้ ด้วยการมอบอุปกรณ์เครื่องครัวที่จำเป็น อาทิ เตาอบ ไมโครเวฟ และตู้เย็น ซึ่งกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานในกิจกรรมระดมทุนของมูลนิธิ ขณะเดียวกัน บ๊อชเห็นว่าทักษะทางวิชาชีพต่าง ๆ กำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้นในตลาดแรงงาน จึงร่วมกับมูลนิธิพระดาบส ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาทักษะอาชีพต่าง ๆ ในการร่วมพัฒนาหลักสูตรวิชาชีพ ที่ตอบสนองต่อความต้องการในตลาด นอกจากนี้ บ๊อช ยังได้ร่วมมือกับหอการค้าเยอรมัน–ไทย ในการส่งเสริมการพัฒนาเยาวชนและการศึกษาผ่านโครงการเยอรมัน-ไทย เพื่อความเป็นเลิศในการศึกษาทวิภาคี (German-Thai Dual Excellence Education Program) อีกด้วย

 

ภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัท บ๊อช ทั่วโลกในปี พ.ศ.2559

 

          จากผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมในปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทบ๊อชเชื่อมั่นว่ายังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยคาดว่ายอดขายทั่วโลกในปี พ.ศ.2559 จะเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3-5 หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว มร.โวคมาร์ เดนเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบ๊อช กล่าวในงานแถลงผลประกอบการประจำปีที่เยอรมนีว่า "เราไม่เพียงตั้งเป้าการเติบโตในส่วนของผลิตภัณฑ์นวัตกรรม แต่ยังรวมถึงบริการที่ล้ำหน้าด้วยนวัตกรรม" ในด้านธุรกิจการเชื่อมต่อ (Connectivity Business) บ๊อชได้เน้นไปที่ 3S ได้แก่ อุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณหรือเซนเซอร์ (Sensor) ซอฟต์แวร์ (Software) และการบริการ (Service) โดยบริษัทได้ให้บริการที่เชื่อมโยงต่อเนื่องครบวงจร (Connected Services) มากขึ้น ต่อยอดจากฐานธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่จำนวนมาก ดังนั้น บ๊อชจึงไม่เพียงแต่ใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุมสาขาเฉพาะหรือธุรกิจเฉพาะด้านต่าง ๆ ด้วย แผนกใหม่ด้านโซลูชั่นการให้บริการระดับโลก (Global Service Solutions Division) จึงก่อกำเนิดขึ้นในช่วงต้นปีนี้ เพื่อตอบรับต่อแนวทางดังกล่าว โดยให้บริการระบบคลาวด์สำหรับ Internet of Things (Bosch IoT Cloud) รวมทั้งระบบบ้านอัจฉริยะ (Bosch Smart Home System)

 

          ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มบริษัทบ๊อชมียอดขายเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่ารวม 7.3 แสนล้านบาท (1.92 พันล้านยูโร) คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (หรือร้อยละ 2.8 หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) ทั้งนี้ ยอดขายรวมของภูมิภาคคิดเป็นร้อยละ 27 จากยอดขายทั่วโลก ซึ่งยังคงเป็นสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

 

เกี่ยวกับบ๊อชในประเทศไทย
         
ในประเทศไทย บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด ประกอบด้วย 4 หน่วยธุรกิจ ได้แก่ จัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ เครื่องมือและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัย เทคโนโลยีระบบความร้อน เทคโนโลยีขับเคลื่อนและควบคุม และเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ มีโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง รวมถึงที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่ตั้งขึ้นเพื่อผลิตเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ และให้บริการทางเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฮโดรลิก
          ในส่วนของ บริษัท บีเอสเอช เฮาส์เกเรท จำกัด ให้บริการและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ทำให้บ๊อชในประเทศไทยมียอดขายรวมกว่า 10.8 พันล้านบาท (285 ล้านยูโร) ในปี พ.ศ.2558 ปัจจุบัน มีพนักงานรวมกว่า 1,100 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558) ข้อมูลเพิ่มเติม: www.bosch.co.th และ https://www.facebook.com/BoschThailand

 

          เกี่ยวกับโรเบิร์ต บ๊อช
         
โรเบิร์ต บ๊อช เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลก มีพนักงานรวมกว่า 375,000 คน (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558) บริษัทมียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 70.6 พันล้านยูโร โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจสำคัญได้แก่ กลุ่มโซลูชันแห่งการขับเคลื่อน กลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โรเบิร์ต บ๊อช ประกอบด้วยบริษัท Robert Bosch GmbH และบริษัทในเครืออีกกว่า 440 บริษัท รวมถึงสำนักงานระดับภูมิภาคในประเทศต่าง ๆ อีกกว่า 60 ประเทศ ถ้ารวมถึงบริษัทพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายและให้บริการต่าง ๆ โรเบิร์ต บ๊อชมีตัวแทนในประเทศต่าง ๆ กว่า 150 ประเทศ เครือข่ายการพัฒนา การผลิต และการขายทั่วโลกดังกล่าวเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการขยายตัวในอนาคต ในปี พ.ศ.2558 โรเบิร์ต บ๊อช ยื่นขอจดสิทธิบัตรกว่า 5,400 ชิ้นทั่วโลก โดยมีเป้าหมายกลยุทธ์ คือ เพื่อส่งมอบนวัตกรรมสำหรับชีวิตที่เชื่อมต่อถึงกัน ผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดได้รับการออกแบบมาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยการเสนอคำตอบที่ล้ำสมัยและเป็นประโยชน์ที่นับได้ว่าเป็น “เทคโนโลยีเพื่อชีวิต”

  

 

 

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.

ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด